บทที่ 442 ตอนใหม่ (4)
ดิ้งๆๆๆๆๆ
ในขณะนั้นเองก็มีอีกหน้าต่างโผล่ขึ้นมาข้างหน้าผม
[เป้าหมายที่ 2 – รับ 6 ‘ชิ้นส่วนแผ่นดินใหญ่’ และกู้พัลซาร์คืนบางส่วน]
“เฮ้ เศษผลึกอยู่ที่ไหน”
ผมถาม จินซาฮยอค ทันที
“นายกำลังพูดเรื่องอะไร”
“ชิ้นส่วนที่เธอเอาออกมาจากกระเป๋า ขอตรวจหน่อย”
“นายทำอะไรบ้าอะไร เฮ้ นายบ้าไปแล้วเหรอ!”
“ฉันพูดแล้วว่าจะตรวจกระเป๋าของเธอ”
เคาะๆ
ผมได้ยินเสียงเคาะขณะที่ผมกำลังจะคุ้ยกระเป๋าของ จินซาฮยอค
เข้าไปนะ
ในเวลาเดียวกันผมได้ยินเสียงเล็ก
“ฉันไม่มี แกไอ้บ้า!”
“…ทำไมเธอไม่มีละ น่ารำคาญจริงๆ เธอมันไร้ประโยชน์ที่สุด… ”
ผมเปิดประตูหลังจากผมแน่ใจว่าจินซาฮยอค ไม่มีชิ้นส่วนของคริสตัล ด้านนอกมีอัศวินหนุ่มมองดูพวกเราด้วยความไม่พอใจ
“ราชาเตรียมอาหารเย็นให้พวกเจ้าอย่างไม่เห็นแก่ตัวตามข้ามา”
พวกเราติดตามไปอัศวินโดยไม่มีการต่อสู้ อัศวินพาพวกเราไปที่ห้องรับประทานอาหาร
มีโต๊ะยาวอยู่กลางห้องอาหารขนาดใหญ่ อัศวินยืนเป็นเส้นตรงทั้ง
2 ด้านของห้อง จินซาฮยอค ‘ตัวน้อย’ นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ
เธอทักทายพวกเราด้วยสีหน้าที่เฉยเมย
“ฉันเตรียมอาหารเพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของฉันแล้ว”
หมูรมควัน ชามซุปสลัดและขนมปังสีน้ำตาล 1 ก้อนวางอยู่บนโต๊ะ
ดูเหมือนว่าแผ่นโลหะนั้นถูกขโมยไปแล้วเนื่องจากมีดทำจากไม้ทั้งหมด
พวกเรานั่งลงบนที่นั่ง
“ขอบคุณ.”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ที่สำคัญกว่านั้นจริงเหรอที่วิหารยังไม่บุบสลาย?”
ผมพยักหน้าและพยายามไม่ให้เธอรู้ตัว ผมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นสร้างบ้านกับเธอ
“ใช่แล้ววิหารหวังว่า พัลซาร์ จะได้รับเกียรติเหมือนในอดีต”
เด็กน้อย ไม่สามารถกลั่นยิ้มได้อีกต่อไป
“อะแฮ่ม นั้นก็คุยกันพอแล้ว กินกันก่อนเถอะ”
“ขอบคุณนะ.”
แม้ว่าเด็กน้อยจะดูพึงพอใจ แต่อัศวินรอบตัวพวกเราไม่เป็นแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าอาหารมื้อนี้หรูหรามาก หรูหรามากจนอัศวินทุกคนต้อง
อดตายเพื่อแลกกับอาหารมื้อนี้ เด็กน้อยถามเมื่อเธอกินซุป
“…แล้วฉันควรเรียกพวกคุณว่า ‘นักบวช? ไหม”
“ใช่ โปรดเรียกผมว่านักบวชคิม”
“อืม นักบวชคิม แล้วถัดจากคุณเป็นใคร”
“อ้อ เธอเป็นคนรับใช้ของฉันเอง”
“อะไรนะ…รอเดี๋ยวก่อน. อะไรนะ? หาาาาาาาา?”
จินซาฮยอค ผู้ที่กำลังมองหมูร้องคร่ำครวญออกมา แต่มีหลายคน
ไม่พอใจกับคำตอบของจินซาฮยอค เด็กน้อยมองตัวเองในอนาคตด้วยความไม่พอใจ และมันไม่ใช่แค่ เด็กน้อย
– เหลือเชื่อ.
– เป็นไปได้ยังไงที่ผู้รับใช้คนนี้ได้รับประทานอาหารกับกษัตริย์?
ผมแค่พยายามแหย่จินซาฮยอค แต่ผมก็กลายเป็นอัศวินที่น่ารังเกียจ พวกเขาอาจอารมณ์เสียที่ผู้รับใช้ได้กินอะไรบางอย่างแต่พวกเขาไม่ได้กิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันขอโทษ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้น คนนี้เป็นนักบวชเช่นกัน
เธอมีพลังจิตที่พิเศษมาก”
“อ้อ เข้าใจแล้ว. พลังวิญญาณ สินะ….”
อย่างไรก็ตามอาหารยังคงดำเนินต่อไป เสียงกระทบกันดังขึ้น ผมมองไปรอบๆขณะที่ฉันขยับช้อน
– พวกอัศวินจับพวกหมูตัวนั้นมา
– ฉันอดทดหิวมาตั้งนานนะ
– ช่วยไม่ได้ พวกเขามาจากวิหาร
– นั่นคือเหตุผลที่เป็นปัญหา วิหารพังทลายลงไปแล้ว พวกดูแล้วไม่น่าช่วยพวกเราได้ พวกเขาจะกินอาหารทั้งหมดของพวกเราโดยอ้างว่า
พวกเขาเป็นนักบวชศักดิ์สิทธิ์
ผมไม่ได้กินอะไรมาก ผมไม่หิวและเนื่องจากผมมีอาหารที่ผมเตรียมไว้ผมจึงคิดว่าผมจะให้พวกเขากิน
ผมหันไปตรวจสอบ เด็กน้อย แทน เธอกำลังกัดเนื้อหมูรมควันด้วย
มือเล็กๆของเธอ ดูเหมือนเธอจะสนุกกับมันมาก เหตุผลที่อัศวินไม่แสดงความไม่พอใจต่อหน้ากษัตริย์อาจเป็นเพราะใบหน้าแบบนี้
“… .”
และจินซาฮยอค กำลังมองดูตัวตนในอดีตของเธอโดยไม่แม้แต่วางนิ้วลงบนอาหารของเธอ
– อย่างน้อยพวกเขาก็มีไหวพริบ
– ราชาไม่กินอะไรมากมายดังนั้นพวกเราทุกคนน่าจะได้กินกัน 1-2 คน
– 2 คน
– ดีแล้ว. อึก
อาหารเย็นดำเนินต่อไปและราชาสาวก็เริ่มอิ่ม
ปัง-!
ทันใดนั้นประตูห้องอาหารก็เปิดออกและทหารก็รีบเข้ามา
“มีข้อความด่วน! ทหารของ ชูเบิร์ท บุกเข้ามาในกำแพงด้านในแล้ว”
“อะไรนะ?!”
เด็กน้อย ตะโกนออกมา ริมฝีปากเชอร์รี่ของเธอมันเยิ้มไปด้วยน้ำมันหมู
“ท่าน ชูเบิร์ท อ้างว่าเขาจับสายลับที่ส่งมาจากฝ่าบาทได้….”
“ท่านแขกผู้มีเกียรติอยู่ที่นี่ พวกเราไปกันเถอะ-!”
ราชาและอัศวินของเธอออกจากห้องไปทันที ที่นี่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเข้าใจได้ ทันใดนั้นความคิดก็เข้ามาในหัวของผม
“สายลับงั้นเหรอ?”
ในการพบกันครั้งแรก เด็กน้อย ถามพวกเราว่า ‘ชูเบิร์ท ส่งพวกเจ้ามาหรือเปล่า’
ซึ่งหมายความว่า ชูเบิร์ท น่าจะเป็น ….
ผมรู้สึกตัวทันที
“เฮ้มากับฉัน ฉันคิดว่าอาจมีคนอื่นนอกจากพวกเราที่นี่”
“อา ฉันจะไปด้วย”
จินซาฮยอค พร้อมที่จะใช้พลังเวทมนต์ของเธอไม่นาน พวกเราก็ติดตามราชาและอัศวินของเธอไป พวกเราผ่านพลเมืองที่หวาดกลัวและปีนขึ้นไปบนกำแพง
“ราชา! ข้าได้นำสายลับที่ท่านส่งมาให้ข้า!”
ด้านล่างกำแพงเป็นกองทัพอันยิ่งใหญ่ของ ชูเบิร์ท ซึ่งจริงๆแล้วก็แค่ทหารเพียง 3,000 นายเท่านั้น แต่มันก็ยังใหญ่เมื่อเทียบกับกองทัพของราชาตัวน้อย
“ฉันบอกว่าฉันไม่ใช่สายลับ!”
เสียงแหลมสูงมาจากด้านล่าง
ผมยิ้มให้พวกเขา
ด้านล่างเป็น จินเซยอน และ ไอลีน ถูกขังอยู่ในห้องขัง มือและเท้าของพวกเธอถูกมัดเข้าด้วยกันกับเครื่องพันธนาการ อย่างที่คิดไว้พวกเธอก็ถูกโยนมาเพราะการระเบิดเช่นกัน
===
[กุญแจมือเวทย์มนตร์] – ยับยั้งการใช้พลังเวทย์ของผู้สวมใส่
===
‘ว้าวเป็นไอเท็มที่ยอดไปเลย’ ผมคิดและ เด็กน้อย ก็ตะโกนออกมา
“เจ้าโง่! เจ้ากล้าท้าทายฉันได้ยังไงในเมื่อเจ้ามีชีวิตอยู่ได้ด้วยความเมตตาของอดีตกษัตริย์?”
ดวงตาแดงก่ำและร่างกายเธอสั่นเทาด้วยความโกรธ เด็กน้อย โมโหและชี้ไปยังชายผู้ที่มองเธอจากใต้กำแพง – ‘เคานต์ ชูเบิร์ท’
“ฮ่าฮ่าๆ ราชาตัวน้อยแม้ตอนนี้เจ้าก็ได้แค่อ้างอดีตราชา! น่าสงสารมาก นั่นคือเหตุผลที่ผู้ชายของเจ้าทิ้งเจ้าไป!”
– ฮ่าฮ่าฮ่า! ราชาที่โง่เขลา! มันไร้สาระที่เด็กๆจะมาแสดงความหยิ่งที่นี่
ทหารด้านล่างเองก็หัวเราะออกมา เด็กน้อย กัดริมฝีปากของเธอและอัศวินก็ซ่อนเธอไว้ข้างหลังพวกเขา
“ไอ้สวะนั่น …. มันต้องตาย”
จินซาฮยอค ก้าวไปข้างหน้าพร้อมระบายความโกรธของเธอออกมา
“ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้พวกเราจะกลับละนะ!
แต่ดูเหมือนว่าศัตรูไม่ต้องการที่จะต่อสู้ พวกเขาเริ่มเตรียมตัวเดินทางกลับไปพร้อม ไอลีน และ จินเซยอน
เคานต์ ชูเบิร์ท กล่าว “ราชาข้าค่อนข้างประทับใจกับแผนการของท่านที่จะล่อมอนสเตอร์ด้วยความช่วยเหลือของสายลับ อย่างไรก็ตาม”
ในขณะนั้นมีบางอย่างที่มืดมิดพุ่งมาจากขอบฟ้าไกลๆ การเคลื่อนไหวของมันนั้นดูประหลาดเกินไปสำหรับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
“…ฮะ.”
ผมเคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน นั่นคือฝูงมอนสเตอร์ กองทัพของ
มอนสเตอร์เข้ามาใกล้ทางนี้
“เจ้าโง่เกินไป อ่อนแอเกินไปและชั่วช้าเกินไป ยอมรับความจริงได้แล้ว พัลซาร์ มันจบลงแล้ว”
“ชูเบิร์ท!”
เด็กน้อย ส่งเสียงตะโกนโดยไม่สนใจความสง่าราศีอีกต่อไป
“ฮ่าฮ่าๆ แทนที่จะกรีดร้องเจ้าควรคิดถึงวิธีขับไล่มอนสเตอร์เหล่านั้น
เสียก่อนเถอะ”
เคานต์ ชูเบิร์ท หันหลังกลับพร้อมพวกทหาร อัศวินเองก็ไม่สามารถหยุดศัตรูจากการถอยกลับไปได้
“จำนวนของมอนสเตอร์….”
ตอนนี้พวกเขาเริ่มเห็นมอนสเตอร์ที่กำลังจะมาจากใต้ขอบฟ้าอย่างช้าๆ
จินซาฮยอค ถาม “เฮ้ย นายสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ไหม?”
“อาจจะ.”
ผมดึงกล่องเหล็กเล็กๆออกจากรอยสัก กล่องทำโดยใช้
‘การตั้งค่าการแทรกแซง’ และมีกระสุนประมาณ 10,000 นัดในนั้น
“เธอถอยไป พวกเราจะหยุดพวกมันเอง”
“หะ พวกเจ้าบอกว่าพวกเจ้ามาจากวิหาร ได้โปรดนำราชาไปที่ที่ปลอดภัย พวกเราไม่สามารถหยุดมอนสเตอร์เหล่านั้นได้”
“หาก วิหารไม่เป็นอะไรไป พวกเราเชื่อว่าพวกท่านสามารถหาวิธีได้
แต่ตอนนี้ต้องล่าถอยเพื่ออนาคต พาราชาหนีไปก่อนเถอะ!”
อัศวินแต่ละคนพูดกับพวกเรา 2 คน แต่กษัตริย์กลับนิ่งเงียบ เธอเริ่ม
ซึมเศร้าอย่างสมบูรณ์ในความเศร้าโศกและความโกรธแค้น เธอสะอื้นอย่างเงียบๆเธอไม่สามารถระงับความรู้สึกขุ่นเคืองในตัวเธอได้
จินซาฮยอค จ้องมองไปที่ ราชาตัวน้อย
“ไม่ พวกเราสามารถหยุดพวกมันได้”
ผมยืด เอเธอร์ ออกแล้วพันไว้รอบๆ จินเซยอน และ ไอลีน จากนั้นดึงพวกเธอขึ้นมาบนกำแพง
กรี้ดดดดดดดดด เสียงกรีดร้องแปลกๆพวกเธอดังขึ้น
“วิธีเดียวที่พวกเราสามารถอยู่รอดได้คือการเอาชนะพวกมัน”
ผมเอา Desert Eagle ออกมา ประกายแสงพุ่งออกมาจากปืน อัศวินมองมาที่ผมด้วยความสับสน แต่ผมไม่สนใจ ผมเล็งปืนไปที่มอนสเตอร์ด้านล่าง
*************************************************************************
ในขณะเดียวกันที่คฤหาสน์ของ ยูยอนฮา ในกรุงโซล
“เฮ้อออออออออออ… .”
ยูยอนฮา ประมวลผลเอกสารทั้งหมดที่เธอวางบนโต๊ะทำงานแล้วฝังตัวลงบนเก้าอี้ของเธอ ภาระงานของเธอเพิ่มขึ้นเนื่องจากเหตุการณ์
ออร์เดน แต่ในที่สุดเมื่อเธอก็ทำเสร็จ แล้วเธอก็วางแผนที่จะพักในวันพรุ่งนี้
“หาวววววววววววววว… .”
เธอหาวและเปิดทีวี รายกายที่น่าสนใจเพิ่งจะออกอากาศ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักต้องห้ามระหว่างฮีโร่ระดับต่ำกับฮีโร่ระดับปรมจารย์
– ไม่สำคัญว่านายเป็นฮีโร่ระดับต่ำ สิ่งที่สำคัญก็คือว่าฉันรักนาย……
ซ่าาาาาาาาา……ข่าวด่วน
หน้าจอเปลี่ยนไปและมีข่าวเข้ามา
– นี่คือรายงานข่าวด่วน ออร์เดนอ้างว่าเขาจับกุมฮีโร่หลายคนที่บุกเข้าไปในดินแดนของเขาเป็นตัวประกัน
“…อะไรนะ?”
ยูยอนฮา กระโดดขึ้นมาและจ้องหน้าจอทีวี
– แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันใดๆแต่ ‘ไอลีน’, ‘อียองอา’, ‘ปาร์คฮันโฮ’ จาก วิหารแห่งความยุติธรรม นอกเหนือจากนั้นยังมีฮีโร่ระดับสูง
‘จินเซยอน’, ฮีโร่รุ่นใหม่ ‘ซอยองจี’ ‘ชินจงฮัค’ และทหารรับจ้างระดับ S
‘เฟนรีล’ ถูกจับเป็นเชลยตามที่ออร์เดนแจ้งมา ออร์เดนเรียกร้องสมาคมและรัฐบาลเกาหลีให้ …
ในขณะนั้นเองใบหน้าของ ยูยอนฮา ก็แข็งค้าง ไม่ใช่แค่ชินจงฮัค แต่ยังเป็น คิมฮาจิน ด้วยงั้นเหรอ?
เธอเงยหน้าขึ้นมาโดยสงสัยว่าเธอทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ
ดิ้งๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ในเวลานั้นเอง smartwatch ของเธอก็ดังขึ้น มันเป็นข้อมูลความมั่นคงจากสมาคมและรัฐบาล
[เรียกประชุมฉุกเฉิน ออร์เดนกำลังจับกุมฮีโร่เป็นตัวประกันพร้อมทหารรับจ้าง]
ในข้อความนั้นมีชื่อชินจงฮัคและคิมฮาจินอย่างชัดเจน