ส่วนที่ 4 ตอนที่ 79 ของแถม

ความลับแห่งจินเหลียน

สามล้าน ซีเหมินจินเหลียนลอบถอนหายใจ ราคานี้เธอก็พอจะรับได้ ถ้าซื้อกลับไปก็ยังสามารถสร้างเงินได้อีก ราคาที่เถ้าแก่โจวเสนอมาในวันนี้ ก็ค่อนข้างสูงมากจริงๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเธอมีของในใจเพิ่มมาอีกหนึ่ง วันนี้หินหยกที่เธอสนใจก็คงมีแค่ไม่กี่ชิ้น กลัวแต่ว่าเธอคงไม่สามารถซื้อกลับไปได้ทั้งหมด

 

 

“เถ้าแก่โจว คุณคิดจะเอาสินสอดทองหมั้นของฉันไปด้วยเลยใช่ไหมคะ ราคาตั้งสามล้านเชียว… ” ซีเหมินจินเหลียนร้องขึ้นอย่างตกใจ “คุณก็จะไม่ปล่อยให้ฉันมีชีวิตรอดเลยเหรอ?”

 

 

เถ้าแก่โจวได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก ความจริงแล้ววันนี้เขาก็รู้สึกได้ว่าราคาที่เขาเปิดมา มันก็สูงเกินไปจริงๆ แต่ใครให้เธอชนะเดิมพันหินหยกชั้นดีไปเล่า ถ้าจะให้เขาไม่เปิดราคาเกินจริงก็ยาก อายุปูนนี้แล้วใครจะไม่อยากมีเงินทองเยอะๆ กัน?

 

 

“ช่างเถอะค่ะ เถ้าแก่โจว ถ้าอย่างนั้นหินหยกลักษณะดีทั้งแปดพวกนั้น ฉันไม่เอาแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนมีสีหน้าเศร้าสลด “ฉันเลือกอันอื่นก็ได้ แล้วคุณให้ราคาถูกลงหน่อยเป็นอย่างไรคะ”

 

 

“ก็ได้ครับ” เถ้าแก่โจวยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก ในใจรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก หรือว่าหินหยกที่เธอสนใจไม่ได้อยู่ในแปดก้อนนี้? ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงเสียเปรียบมาก ไม่เพียงแต่เป็นคนเลว อีกทั้งยังไม่สามารถที่จะคาดเดาถูกว่าเธอสนใจหยกก้อนไหนกันแน่

 

 

“หยกก้อนนี้ล่ะคะ” ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็ชี้ไปที่หินหยกสีแดงดอกกุหลาบแล้วถามขึ้น

 

 

“อืม…ก้อนนี้เหรอครับ” เถ้าแก่โจวเดินเข้าไปดู ลักษณะไม่ได้ดูดีเท่าไหร่เลยนี่? แต่ในเมื่อเธอถาม เขาก็ต้องเพิ่มราคาเข้าหน่อย “หนึ่งล้านครับ”

 

 

“เถ้าแก่โจว คุณก็ใจร้ายเกินไปหรือเปล่า แค่หินหยกลักษณะแบบนี้ราคาก็ตั้งหนึ่งล้านเชียวเหรอ?” ครั้งนี้แม้แต่จ่านป๋ายก็ทนดูต่อไปไม่ได้

 

 

เถ้าแก่โจวยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “หินหยกก้อนนี้อย่างน้อยๆ ก็น่าจะหนักสักสามสี่สิบกิโล…” แต่แค่เหตุผลนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกพูดออกมาได้ยาก

 

 

“เถ้าแก่โจว” ซีเหมินจินเหลียนยกยิ้ม “ฉันไม่ใช่คนที่คุณจะมาโก่งราคายังไงก็ได้นะคะ ถ้าหากคุณอยากจะขายหินหยกจริงๆ ก็เสนอราคาที่มันสมเหตุสมผลหน่อยเถอะค่ะ ถ้าคุณยังเอาราคาแบบนี้ ฉันก็คงไม่ซื้อแล้ว”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา เห็นแบบนี้ถ้าคราวหน้าเจอสินค้าดีที่ร้านเถ้าแก่โจว คิดว่าคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว จากนั้นก็พูดขึ้น “ก้อนเมื่อครู่นี้ราคาสามล้าน ใช่ไหมคะ?”

 

 

“ใช่ครับ” เถ้าแก่โจวพยักหน้าพูด “คุณซีเหมิน หินหยกก้อนนี้ราคาสามล้าน ถือว่าไม่แพงแล้ว คุณดูนี่สิ ขนาดเท่านี้แล้วยังมีเส้นลายหยกอีก…” แต่ในขณะที่เขายังพูดไม่จบ เถ้าแก่โจวก็ค้นพบว่าบนหินก้อนนั้นไม่มีเส้นลายหยก มีเพียงแค่จุดหยกไม่กี่จุดเท่านั้น เช่นนั้นก็ได้แต่สงสัยอยู่ในใจ เมื่อก่อนเวลาเจรจาขายหินหยก เขาจะตรวจสอบอย่างละเอียดและรู้จักลักษณะเด่นของหินหยกทุกก้อน แม้กระทั่งแหล่งที่มา แต่หินหยกครั้งนี้ เมื่อมาถึงก็บอกซีเหมินจินเหลียนให้มาดูสินค้าเลย

 

 

เพราะว่าซีเหมินจินเหลียนชนะเดิมพันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เถ้าแก่โจวเห็นเธอเป็นความหวัง จนคิดว่าขอแค่เธอถามเรื่องราคาหินหยก ถึงราคาสุดท้ายเธอจะไม่ยอมรับ เขาเองก็จะเก็บมันไว้ตัดเอง เพราะอย่างไรก็อาจจะเสียไปไม่เท่าไหร่

 

 

ปกติเขาก็พูดออกมาอย่างติดปาก คำพูดเมื่อสักครู่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงจุดหยกและเส้นลายหยกขึ้นมา แต่กลับพบว่าหินหยกก้อนนี้มันก็ไม่มีเส้นลายหยกเลย

 

 

ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะออกมา ดูท่าเถ้าแก่โจวจะไปไม่เป็นเสียแล้ว

 

 

“เถ้าแก่โจว พวกเราก็ถือเป็นลูกค้าเก่าแก่กันแล้ว ฉันก็ไม่ได้อยากจะต่อราคาหรอกนะคะ แต่คุณก็คิดเอาเองเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ก้อนใหญ่นี้แล้วก็ก้อนเล็กนี่ รวมกันแล้วราคาสามล้านห้าแสนถูกไหมคะ”

 

 

“ใช่ครับ” เถ้าแก่โจวยืนกรานพยักหน้าเสียงแข็ง

 

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่ต่อราคาแล้ว แต่คุณแถมก้อนเล็กนั่นให้ฉันเป็นอย่างไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนหยิบก้อนเล็กสีดำขึ้นมาจากพื้น หินหยกที่ขนาดเพียงแค่ไข่ไก่

 

 

 ถ้าแก่โจวขมวดคิ้ว เขาย่อมรู้ว่าราคาที่ตนเปิดมันสูงเกินกว่าความจริง ตามหลักแล้วคำขอร้องแค่เล็กน้อยของซีเหมินจินเหลียนก็ไม่ได้เกินไป เพราะหินหยกก้อนนั้นก็มีขนาดแค่ไข่ไก่ ดูแล้วน่าจะเป็นหินหยกอีกาดำ มาจากโรงงานหมาเหมิง

 

 

“เถ้าแก่โจว คุณคงไม่ขี้งกขนาดนั้นหรอกใช่ไหม” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

เถ้าแก่โจวคิดแล้วคิดอีก บางทีเธออาจจะแค่อยากได้หินหยกก้อนเล็กเป็นของติดไม้ติดมือก็เท่านั้น ผู้หญิงเวลาซื้อของก็เป็นกันแบบนี้ ถึงจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็อยากได้ของแถมสักนิดสักหน่อยเพื่อความสบายใจ ภรรยาที่บ้านของเขาก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่เคยหาของแถมหรือต่อรองราคาสักหน่อย มันก็เหมือนการเสียเปรียบ

 

 

หินหยกสีดำอีกา เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีราคาค่างวดอะไร ถ้าเขาเก็บเอาไว้ สุดท้ายก็คงกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น เดิมพันหินใหญ่ ห้าร้อยหยวนหนึ่งก้อนก็แค่นั้น

 

 

“ตกลงครับ” เถ้าแก่โจวตกลงรับปาก แต่สีหน้าแกล้งเป็นเจ็บปวด

 

 

ซีเหมินจินเหลียนที่เห็นก็อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะ คนคนนี้เป็นยอดในการทำธุรกิจจริงๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคบค้าสมาคมกับนักธุรกิจขายหินหยก แต่พ่อค้าแบบนี้ก็ขูดรีดเกินไป เห็นได้ชัดว่าได้เปรียบแท้ๆ แต่ยังแกล้งทำเป็นเสียเปรียบยกใหญ่ ทำให้คนซื้อคิดว่าเขาเสียเปรียบ…

 

 

แม้ว่าฟ้าจะสว่างแล้ว แต่เพราะว่าธนาคารยังไม่เปิด เธอเลยไม่สามารถโอนเงินได้ ซีเหมินจินเหลียนกับเถ้าแก่โจวนัดแนะกันว่าจะไปกินข้าวเช้าก่อน แล้วรอจนกระทั่งเก้าโมงถึงค่อยไปโอนเงินพร้อมรับสินค้า เถ้าแก่โจวก็ตบปากรับคำ

 

 

ซีเหมินจินเหลียนที่เพิ่งเดินออกมาจากร้านพร้อมกับจ่านป๋าย อยู่ที่ถนนโบราณแถวนั้นเพื่อหาร้านอาหารเล็กๆ กิน พวกเขาสั่งซาลาเปาและน้ำเต้าหู้ ก่อนจะกินอย่างช้าๆ จ่านป๋ายก็ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “หินหยกก้อนเล็กนั่น ลักษะเป็นยังไงเหรอครับ”

 

 

“หืม?” ซีเหมินจินเหลียนที่กำลังดื่มน้ำเต้าหู้อยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็สงสัย เงยหน้าขึ้นมองเขา ทำไมเขาถึงถามแบบนี้นะ? ถึงอยากจะถาม เขาก็น่าจะถามถึงลักษณะของก้อนใหญ่เป็นอย่างไรไม่ใช่เหรอ 

 

 

“ผมถามคุณว่าหินที่ได้แถมมาก้อนนั้น ลักษณะเป็นยังไงครับ” จ่านป๋ายถาม

 

 

“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนตกใจ

 

 

จ่านป๋ายเห็นท่าทางเช่นนั้นก็รู้ว่าเขาทายถูกแล้ว หินหยกก้อนอื่นซีเหมินจินเหลียนกลับไม่สนใจ แต่สิ่งที่เธอสนใจกลับเป็นหินหยกสีดำอีกาก้อนนั้น

 

 

“ดูแล้วลักษณะผิวไม่เลวเลย แต่ว่ารายละเอียดต้องรอผ่าออกมาก่อนถึงจะรู้ แต่หินหยกก้อนนั้นก็เล็กเกินไปหน่อย ถึงจะมีลักษณะหยกที่ดีแต่ก็คงทำอะไรมากไม่ได้” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

 

“จริงเหรอ” จ่านป๋ายถามเสียงสูงแล้วลากเสียงยาวขึ้น

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทางของเขาอย่างนั้นแล้วก็ยิ้ม “ก็ได้ ถ้าคุณไม่เชื่อ รอซื้อกลับไปแล้วไปเจียระไนดูก็จะรู้เอง แต่หินหยกก้อนนั้นทางที่ดีที่สุดใช้วิธีดั้งเดิมในการเจียระไนมันออกมาดีกว่า”

 

 

“วิธีดั้งเดิม?” จ่านป๋ายมองเธออย่างไม่เข้าใจ

 

 

“ก็คือการใช้หินลับมีด ใช้มือในการทำ ค่อยๆ ลับมันออกไป ไม่สามารถใช้เครื่องเจียระไนได้” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม

 

 

“ทำไมครับ” จ่านป๋ายถามอย่างไม่เข้าใจ

 

 

“คุณก็ลองคิดดูสิ หินหยกก้อนนั้นเล็กขนาดนั้น ถ้าหากใช้เครื่องเจียระไน ถึงข้างในจะมีหยก แต่ถูกคุณเจียระไนไป ไม่แน่ว่าอาจจะเจียระไนไปจนหมดเลยก็ได้…” ซีเหมินจินเหลียนอธิบาย

 

 

ความจริงการให้จ่านป่ายใช้วิธีแบบดั้งเดิมในการเจียระไนหิน เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งให้เขาลำบาก แต่ว่าลักษณะเนื้อหยกข้างในของหินก้อนนั้นมันดีเกินไป ถ้าไม่ระวังอาจจะพังเป็นจันทร์ครึ่งเสี้ยวก็ได้ เธอคงรู้สึกเสียใจอย่างมากถ้าทำไม่ดี ส่วนฝีมือในการลับมีดของเธอสู้จ่านป๋ายไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้เขาจัดการลับกับมือไปเลย