ตอนที่ 1885-1887

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1885 คบคิดวางแผนการใหญ่ (2)
  จู่ๆวิหารเงาจันทราก็มีชายกลุ่มใหญ่ที่มีร่างกายบึกบึนกำยำสวมชุดเกราะ ใบหน้าเคร่งขรึมดุดัน ท่าทางองอาจห้าวหาญ เยว่เย่ตกใจมากกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ หนังสือทางการแพทย์ที่ถืออยู่ในมือร่วงตกลงไปที่พื้น
  “แม่นางน้อย หนังสือเจ้า” ชายที่ดูสุภาพอ่อนโยนและใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่งหยิบหนังสือที่เยว่เย่ทำตกขึ้นมาส่งคืนให้นาง
  เยว่เย่มองชายหน้าตาดีที่สวมมงกุฏหยกคนนั้นอย่างงงงัน ลักษณะของเขาดูสูงส่งและใจเย็น
  “นายท่าน ท่านไปพบฝ่าบาทก่อนเถอะ” หญิงงามที่ตามหลังชายคนนั้นกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
  ชายคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย และถามเยว่เย่ถึงที่พักของจวินอู๋เสีย ก่อนที่จะเดินไปทางนั้น แต่หญิงงามคนนั้นไม่ได้ตามเขาไป
  เยว่เย่งงเล็กน้อย นางมองหญิงสาวที่ยืนมองชายคนนั้นเดินจากไปอยู่ที่เดิม แล้วถามด้วยความงุนงง “พี่สาว ไม่ไปด้วยหรือ?”
  หญิงสาวส่ายหน้า แววตาแฝงความเจียมตัว
  “ข้าไม่มีคุณสมบัติหรอก”
  “ทำไมล่ะ?”
  “เพราะข้าทำผิดไว้น่ะ”
  “หือ?”
  “พี่สาว ท่านทำอะไรผิดหรือ?” เยว่เย่งงเล็กน้อย ในเมื่อเข้ามาในวิหารเงาจันทราได้ ก็ต้องได้รับอนุญาตจากอาจารย์ก่อน อาจารย์ของนาง……ไม่น่าจะอนุญาตให้คนที่นางไม่ให้อภัยเข้ามานี่?
  “ไม่มีอะไร” หญิงสาวส่ายหัว จากนั้นก็หันหลังจากไป ตอนที่นางเดินออกไป นางเห็นคนผู้หนึ่งที่ควบคุมตัวเองเหมือนกัน
  ใต้ร่มไม้ อิ่นเหยียนเห็นไป๋อวิ๋นเซียนที่จู่ๆก็ชะงักไปเล็กน้อย ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างจนใจ
  เทียบกับคนอื่นๆแล้ว ทั้งสองเป็นเหมือนคนบาป บาปที่พวกเขาเคยทำมากพอที่จะทำให้พวกเขาตายร้อยครั้งทีเดียว หลังจากถูกจวินอู๋เสียกำราบ ตอนแรกพวกเขาก็ต่อต้าน สุดท้ายก็ค่อยๆกลับใจทีละน้อย เมื่อพวกเขาไตร่ตรองถึงการกระทำในอดีตของตน ก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก
  ถ้าจวินอู๋เสียไม่แสดงความเมตตาต่อพวกเขา พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่
  ทั้งสองคนยังไม่กล้าแสดงตัวต่อหน้าจวินอู๋เสียเพราะรู้สึกผิดและละอายใจ
  เยว่เย่มองคนแปลกหน้าเดินผ่านไปมาด้วยความรู้สึกตกใจ แต่ไม่นานนางก็พบว่าทหารที่ดูเคร่งขรึมและน่าเกรงขามทุกคนจะหลีกทางให้นางโดยอัตโนมัติ พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสดงสีหน้าอ่อนโยนและอบอุ่น
  แต่ทว่า……
  มันไม่ค่อยได้ผลเท่าไร ชายพวกนั้นล้วนบึกบึนแข็งกระด้างราวเหล็กกล้า รอยยิ้มของพวกเขาจึงไม่ได้เจริญหูเจริญตาเหมือนพวกหนุ่มหล่อหน้าตาดี
  จะโทษทหารจากอาณาจักรล่างพวกนี้ที่ดูดุร้ายก็ไม่ได้ ต้องรู้ว่าพวกเขาผ่านการฝึกที่หนักหน่วงและโหดหินที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และทุกคนต่างถูกรายล้อมไปด้วยชายถึกเหมือนตัวเองเกือบตลอดเวลา หน้าของพวกเขาจึงดูโหดเช่นนี้
  แต่จวินชิงและฉูหลิงเย่ได้ออกคำสั่งห้ามทำร้ายคนในวิหารเงาจันทราแม้แต่คนเดียว สิ่งที่พวกเขาทำได้จึงมีเพียงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเค้นรอยยิ้มที่ไม่น่าดูออกมา พยายามไม่ทำให้เยว่เย่รู้สึกตื่นตกใจเมื่ออยู่ใกล้ๆพวกเขา
  แต่ผลที่ได้ช่างน่าสลดใจ……
  เยว่เย่วิ่งหนีจากกลุ่มทหารที่มุงอยู่รายรอบ เหล่าชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่บึกบึนพากันเกาหัวด้วยความงง รู้สึกว่าตัวเองก็อ่อนโยนเป็นมิตรมากแล้วนี่นา
  เยว่เย่ไปตามหาเยว่อี้ แต่สุดท้ายสถานการณ์ทางเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ทหารกองทัพรุ่ยหลินทั้งกลุ่มนำโดยมู่เชียนฟานอยู่กับเยว่อี้เพื่อรับหมายเลขห้องที่จัดไว้เป็นที่พักให้พวกเขา
  เมื่อเยว่เย่เปิดประตูเข้าไปและเห็นทหารร่างกำยำล่ำสันสวมชุดเกราะล้อมรอบพี่ชายนาง ดวงตานางก็แทบถลนออกนอกเบ้า
  “เย่เอ๋อร์……เจ้ารอสักพักนะ ข้ายุ่งอยู่” เยว่อี้โผล่หัวออกมาจากกลุ่มคนด้วยใบหน้าห่อเหี่ยว เขากำลังจะถูกแล่เนื้อเถือหนังด้วยสายตา “ห่วงใย” ของเหล่าทหารผู้ดุดันทั้งหลายแล้ว!
  “…………” เยว่เย่ตะลึงจังงังไปแล้ว
  ทหารพวกนี้โผล่มาจากไหนกัน! ใครก็ได้บอกนางที!
ตอนที่ 1886 คบคิดวางแผนการใหญ่ (3)
  จวินอู๋เสียคุยกับจวินชิงและคนอื่นๆอยู่นาน จากเย็นจนถึงกลางคืน ทุกคนไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แต่ละคนกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาและฟังกันอย่างตั้งใจ
  พอฟ้าสาง จวินอู๋เสียก็อธิบายทุกอย่างเสร็จสิ้น ทุกคนต่างกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง
  มีเพียงฉูหลิงเย่เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในเรือนเล็กของจวินอู๋เสีย
  “ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทั้งหมดเป็นเพราะความช่วยเหลือของคุณชายจวิน หากไม่มีเขา กองทัพของอาณาจักรล่างคงไม่สามารถเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้” ท้องฟ้าสว่างขึ้นเล็กน้อย ฉูหลิงเย่นั่งอยู่ใต้แสงเทียน มองดูเปลวไฟที่วูบไหวไปมา
  จวินอู๋เสียเงียบ นางพอจะรู้เลาๆว่าจวินอู๋เหยาได้ให้คำแนะนำเล็กน้อยแก่กองทัพรุ่ยหลินในอาณาจักรล่าง แต่หลังจากนางมาที่อาณาจักรกลาง ก็ไม่มีทางที่จะรู้เรื่องนี้แล้ว
  ฉูหลิงเย่ค่อยๆเล่าทุกอย่างที่จวินอู๋เหยาได้ทำ แม้ว่านางจะไม่ได้ติดต่อกับจวินอู๋เหยามากนัก แต่นางก็เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าทำไมจวินอู๋เหยาถึงทำทั้งหมดนั้น
  “อีกสองสัปดาห์ เราจะดำเนินการตามแผนที่ท่านได้วางไว้ เมื่อถึงเวลา ทุกคนจะรอคำสั่งของท่าน ข้าควร……ไปพักผ่อนได้แล้ว” ฉูหลิงเย่พูดอยู่สักพักก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากประตูห้องของจวินอู๋เสีย
  นางไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดเรื่องนี้กับจวินอู๋เสีย แค่รู้สึกว่าอยากพูดเท่านั้น
  จวินอู๋เสียเฝ้ามองด้านหลังของฉูหลิงเย่ จนกระทั่งประตูปิดลง นางจึงลดสายตาลง ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่
  บนหลังคา เย่ฉาและเย่กูนั่งหมอบอยู่บนกระเบื้องหลังคา และได้ยินทุกคำที่ฉูหลิงเย่พูดในห้องเมื่อครู่
  “แม่นางฉูเป็นคนดีจริงๆ” เย่กูออกความเห็นถึงฉูหลิงเย่
  เย่ฉาเหลือบมองเขา รู้สึกพูดไม่ออก
  เขาสาบานเลยว่าเหตุผลเดียวที่เย่กูรู้สึกว่าฉูหลิงเย่เป็นคนดีก็เพราะฉูหลิงเย่เล่าให้คุณหนูฟังถึงสิ่งที่นายท่านเจว๋ได้ทำไว้เบื้องหลังนาง!
  เวลาต่อมา ทหารห้าหมื่นนายของกองทัพก็เข้าไปอยู่ในวิหารเงาจันทรา ในที่สุดผู้อาวุโสอิ่งก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจวินอู๋เสียถึงมั่นใจขนาดนั้น เพราะกองทัพห้าหมื่นนายนี้แข็งแกร่งกว่าที่วิหารเงาจันทราเคยมีเป็นอย่างมาก
  ถ้าจวินอู๋เสียเข้าร่วมการประชุมของสิบสองวิหารในฐานะประมุขวิหารเงาจันทราคนใหม่พร้อมนำกองทัพที่ดุดันเช่นนี้ไปด้วย ถึงใช้หัวแม่โป้งคิดผู้อาวุโสอิ่งก็รู้ว่าคนอื่นๆในสิบสองวิหารจะตกตะลึงมากเพียงใด
  ในสิบสองวิหารวิหารเงาจันทราไม่ได้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้ของสิบสองวิหารในครั้งนี้ วิหารเงาจันทราไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย ดังนั้น เหตุผลที่เชิญพวกเขาไปก็เป็นแค่สัญลักษณ์เท่านั้น
  ในตอนนั้น ผู้อาวุโสอิ่งอดไม่ได้ที่จะเริ่มคาดหวัง เมื่อจวินอู๋เสียนำกองทัพของอาณาจักรล่างไปปรากฏต่อหน้าประมุขคนอื่นๆของสิบสองวิหาร พวกเขาจะตกใจมากเพียงใด
  ผู้อาวุโสอิ่งค่อยๆคุ้นเคยกับการมีอยู่ของทหารกลุ่มนี้ เยว่อี้ก็ถูกพวกเขากระตุ้นความฮึกเหิมของวัยรุ่นขึ้นมา จนถึงขั้นเริ่มฝึกฝนและเรียนรู้กับหลงฉี
  เหลือเพียงเยว่เย่……
  ที่เป็นเหมือนกระต่ายน้อยหวาดกลัวและวิ่งหนีอย่างรวดเร็วไปซะทุกครั้ง
  ยังดีอยู่อย่างหนึ่ง……
  เยว่เย่ไม่ได้ต่อต้านฉูหลิงเย่ ถึงขนาดที่ว่าตอนที่จวินอู๋เสียยุ่งกับการปรึกษาแผนการกับคนอื่นๆ เยว่เย่จะวิ่งไปคุยกับฉูหลิงเย่
  ฉูหลิงเย่เองก็ชอบเยว่เย่ที่เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง……
  เยว่เย่คอยเดินตามหลังนางเรียกนางว่า “ภรรยาของอาจารย์ ภรรยาของอาจารย์” อยู่เสมอ ในส่วนลึกของหัวใจฉูหลิงเย่รู้สึกพอใจมาก นางจึงชื่นชอบและเอ็นดูเยว่เย่มาก
  จวินอู๋เสียไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรต่อ “การรวมหัวกัน” ของ “พระมเหสี” และลูกศิษย์ของตัวเองเลย แต่มันทำให้จวินชิงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ความสัมพันธ์ของหลานสาวเขาช่างสับสนวุ่นวายซะจริง!
ตอนที่ 1887 การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหาร (1)
  เวลาผ่านไปเหมือนทรายที่ไหลผ่านนิ้วมือ
  ห้าวันผ่านไปในพริบตา วันประชุมสุดยอดของสิบสองวิหารกำลังใกล้เข้ามา ได้เวลาที่พวกจวินอู๋เสียต้องออกเดินทางไปยังสถานที่จัดงานประชุมแล้ว
  หลังจากสิ้นจักรพรรดิแห่งความมืด ประมุขของทั้งสิบสองวิหารก็ไม่เคยรวมตัวกันเลย เมื่อศัตรูของตนหายไป สิ่งแรกที่ทุกคนคิดก็คือเพิ่มความแข็งแกร่งและขยายอำนาจของตนออกไป ทำให้วิหารของตนโดดเด่นกว่าวิหารอื่น และถึงขั้นคิดที่จะรวมสิบสองวิหารให้อยู่ใต้อำนาจของตนเพื่อยืนหยัดขึ้นมาเทียบเคียงกับเก้าอาราม
  เกือบหนึ่งพันปีที่การเป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผยและแอบวางกลอุบายเล่นงานกันอย่างลับๆกลายเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าสิบสองวิหารยังคงเป็นพันธมิตรกันในฉากหน้า แต่ความจริงแล้วพวกเขาต่างเป็นศัตรูกัน แต่ละฝ่ายพยายามเอาชนะกันและกันอยู่ตลอด
  ความคิดเช่นนี้ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะนั่งคุยกันอย่างสงบnovel-lucky
  และครั้งนี้ทุกคนมาพบปะพูดคุยกันก็เพราะการต่อสู้ของสิบสองวิหารได้เลยเถิดจากการสู้กันอย่างลับๆเป็นการปะทะกันอย่างเปิดเผย ตั้งแต่งานเลี้ยงวันเกิดของประมุขวิหารจิงหงที่จูเก๋ออินถูกฆ่าตาย ก็ได้ลากวิหารมังกร วิหารมารโลหิต และวิหารจิงหงเข้าสู่ความยุ่งเหยิง ทั้งสามฝ่ายต่อสู้กันไม่หยุด วิหารมังกรและวิหารมารโลหิตไปถึงขั้นที่อีกฝ่ายต้องตาย ไม่ตายไม่หยุด ขณะที่วิหารจิงหงซึ่งอ่อนแอกว่าก็โดนขนาบกลางระหว่างสองวิหาร พ่ายแพ้ทั้งสองด้าน
  ตอนแรกวิหารอื่นๆก็นั่งดูการแสดงอยู่เฉยๆ คิดไม่ถึงว่าการแสดงเริ่มได้ไม่นาน เหตุการณ์สำคัญก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
  เดิมทีพวกเขาแค่จะรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บางอย่าง แต่จู่ๆวิหารปีศาจเพลิงก็ต่อสู้กับวิหารจื่อเหลย วิหารจิตหวนคืนจอมเจ้าเล่ห์ก็กัดกับวิหารฝูหัว อีกหกวิหารก็ต่อสู้กันไม่หยุด ไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนว่าจู่ๆความขัดแย้งก็ปะทุขึ้นในช่วงครึ่งปีมานี้
  เวลาแค่ครึ่งปี จำนวนผู้เสียชีวิตของวิหารต่างๆก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในช่วงเกือบพันปีที่ผ่านมา จนถึงขั้นที่เหล่าประมุขซึ่งชื่นชอบการเข่นฆ่าก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อวิหารปีศาจเพลิงและวิหารมารโลหิตเป็นผู้นำ ตัดสินใจเปิดการประชุมสุดยอดนี้ขึ้นเพื่อหาทางยุติปัญหากับเหล่าประมุขทุกคน เนื่องจากหากการเข่นฆ่ายังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ ก็จะเกิดผลกระทบที่ร้ายแรงกับพวกเขาทั้งหมด กระทั่งวิหารปีศาจเพลิงก็ยังทนไม่ไหว
  วิหารปีศาจเพลิงที่เป็นผู้นำในเรื่องนี้ได้นำคนของตนเดินทางไปยังสถานที่จัดงานแล้ว สถานที่จัดงานอยู่ใกล้กับภูเขาฝูเหยา และภูเขาฝูเหยาเป็นจุดแบ่งระหว่างสิบสองวิหารและเก้าอาราม เป็นสถานที่กึ่งกลาง การดำรงอยู่ของมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แทบทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของภูเขาฝูเหยาโดยไม่รู้ตัว และไม่กล้าก่อเรื่องวุ่นวายใกล้ๆภูเขาฝูเหยาnovel-lucky
  เหตุผลที่เลือกสถานที่นี้ก็เพื่อให้วิหารต่างๆสบายใจ ถ้าเป็นที่อื่น เกรงว่าเหล่าประมุขทั้งหลายจะไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไป
  วิหารปีศาจเพลิงเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วสำหรับการประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้น และวิหารที่สองที่ไปถึงที่นั่นก็คือคนของวิหารมารโลหิต
  เนื่องจากวิหารมารโลหิตเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นให้เกิดการต่อสู้ระหว่างสิบสองวิหาร สถานการณ์ของพวกเขาในช่วงนี้จึงแย่มาก
  กู่อี้มาที่การประชุมสุดยอดในครั้งนี้ เขาได้นำศิษย์เก่งๆมาด้วยเป็นจำนวนมาก แม้แต่กู่อิ่งและกู่ซินเยียนก็ติดตามมาด้วย
  จากนั้นคนของวิหารปีศาจเพลิงก็พาศิษย์ของวิหารมารโลหิตไปที่ห้องพัก
  กู่อี้นั่งอยู่ในห้อง สายตาเย็นชาจ้องมองกู่อิ่งที่ยืนเงียบอยู่ในห้อง
  ใบหน้าหล่อเหลาของกู่อิ่งเต็มไปด้วยรอยบาดแผลจางๆ เทียบกับผิวแล้ว สีจะอ่อนกว่าเล็กน้อย มองออกได้ไม่ยากว่าแผลเป็นพวกนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง แม้ว่าสะเก็ดจะหายไปแล้ว แต่มันได้เพิ่มตำหนิให้กับใบหน้าหล่อเหลานั้น มีกระทั่งรอยแผลเป็นที่ยาวประมาณนิ้วก้อย แม้ว่าจะบางแต่ก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน จินตนาการได้เลยว่าแผลนั้นจะต้องลึกขนาดไหน