ตอนที่ 1888 -1890

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1888 การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหาร (2)
  “เจ้ามันขยะไร้ประโยชน์จริงๆ ก่อปัญหาให้ข้ามากมาย ทำให้วิหารมารโลหิตต้องสูญเสียครั้งใหญ่ เจ้าทำเรื่องดีๆเป็นบ้างไหม?” กู่อี้มองกู่อิ่งอย่างชิงชัง ความมุ่งร้ายในแววตาไม่เหมือนที่ผู้เป็นพ่อควรจะมีเลย
  กู่อิ่งยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำnovel-lucky
  “เพราะปัญหาที่เจ้าก่อในครั้งนี้ ทำให้ข้าต้องติดหนี้วิหารปีศาจเพลิงโดยไม่จำเป็น เจ้ามันสมควรตาย” ยิ่งคิดกู่อี้ก็ยิ่งโกรธ ความแข็งแกร่งของวิหารมังกรนั้นไม่เลวเลย เป็นรองแค่วิหารปีศาจเพลิงและวิหารมารโลหิตเท่านั้น และมีความคิดที่อยากจะเป็นพันธมิตรกับวิหารมารโลหิตมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องนี้กู่อี้เองก็รู้สึกมั่นใจมาก ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่วิหารจิงหง
  การตายของจูเก๋ออินทำให้วิหารมังกรคลั่ง ประมุขคนปัจจุบันของวิหารมังกรมีลูกชายคนเดียวคือจูเก๋ออิน กล่าวได้ว่าการตายของจูเก๋ออินทำให้เขาจมสู่ความสิ้นหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันเท่ากับการตัดขาดสายเลือดของประมุขวิหารมังกร แล้วจะไม่ให้เขาโกรธแค้นได้อย่างไร?
  ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา วิหารมังกรกับวิหารมารโลหิตได้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต ประมุขวิหารมังกรเป็นศัตรูกับวิหารมารโลหิตในทุกทางไม่ว่าจะต้องเสียเท่าไร ในการต่อสู้นี้ วิหารมารโลหิตมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อไม่เหลือทางเลือกอื่น กู่อี้จึงไปหาวิหารปีศาจเพลิงที่เจอกับการต่อสู้ที่ขมขื่นไม่แพ้กัน หลังจากพูดคุยปรึกษากัน จึงได้มีการประชุมสุดยอดนี้ขึ้นมา
  มีใครไม่รู้บ้างว่าวิหารปีศาจเพลิงกับวิหารมารโลหิตแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งสูงสุดของสิบสองวิหารมานานหลายปี แต่เมื่อกู่อี้เป็นฝ่ายเข้าหาประมุขวิหารปีศาจเพลิง จึงถูกมองว่าด้อยกว่าทันที ทำให้กู่อี้ต้องกัดฟันด้วยความแค้นและระบายความอัปยศนี้ใส่กู่อิ่ง
  “วิหารมังกรไม่มีทางยอมยุติเรื่องนี้ง่ายๆ ถ้าเจ้าไม่สามารถได้รับการให้อภัยจากประมุขวิหารมังกร เช่นนั้นเจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” กู่อี้พูดด้วยความโกรธ น้ำเสียงไร้เมตตาไม่เหมือนท่าทางที่พ่อควรจะทำต่อลูกเลยสักนิด
  “ขอรับ” กู่อิ่งกล่าวอย่างสงบ คุ้นชินกับความโหดเหี้ยมไร้เมตตาของกู่อี้แล้ว
  “ไสหัวไป! เห็นหน้าเจ้าแล้วหงุดหงิด” กู่อี้กล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
  กู่อิ่งเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง พอเปิดประตูก็บังเอิญเจอกู่ซินเยียนยืนอยู่ข้างนอก เมื่อกู่ซินเยียนเห็นกู่อิ่ง ดวงตาก็ฉายแววห่วงใย ขณะที่กู่อิ่งแค่กวาดสายตามองแวบเดียวก่อนจะเดินจากไป
  “เยียนเอ๋อร์หรือลูก มาๆ เข้ามาเร็ว” ทันทีที่กู่อี้เห็นกู่ซินเยียน ความเหี้ยมโหดบนใบหน้าก็หายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย รอยยิ้มของพ่อผู้ใจดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
  “ท่านพ่อ” กู่ซินเยียนเดินเข้าไปในห้องและมองไปที่กู่อี้ที่เป็นมิตร
  “การประชุมสุดยอดนี้เจ้าต้องระวังให้มาก พวกผู้อาวุโสหลินจะอยู่ข้างกายเจ้าเสมอ จำไว้ว่าอย่าออกไปข้างนอกตามลำพัง คนของทุกวิหารจะอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่ได้มีเจตนาดีหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิหารมังกรที่ต้องการแก้แค้นเราอยู่ พวกเขาจะไม่ยอมวางมือแน่ เจ้าต้องระวังตัว” กู่อี้เป็นห่วงกู่ซินเยียน
  สำหรับการประชุมสุดยอด เดิมทีกู่อี้ไม่ได้คิดที่จะพากู่ซินเยียนไปด้วย เนื่องจากคิดว่าไม่มีหนทางที่จะลดความเกลียดชังของวิหารมังกรลงได้ จึงกลัวว่าการแก้แค้นของวิหารมังกรเนื่องจากการฆ่าประมุขน้อยของพวกเขาจะทำให้กู่ซินเยียนต้องติดร่างแหไปด้วย
  หลังจากที่กู่ซินเยียนมาขอด้วยตัวเอง กู่อี้ก็ไม่มีทางเลือกต้องพานางมาด้วย
  “ลูกจะระวัง” กู่ซินเยียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนที่จะมีสีหน้าลังเลเล็กน้อยและพูดว่า “ท่านพ่อ การตายของจูเก๋ออินมีบางอย่างแปลกๆ ท่านพี่……ถูกคนใส่ร้าย เขาไม่ได้ทำจริงๆ”
  เมื่อได้ยินชื่อของกู่อิ่ง กู่อี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องนี้เจ้าพูดมาหลายครั้งแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว”
ตอนที่ 1889 การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหาร (3)
  กู่ซินเยียนเม้มปากและลังเลอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้นว่า
  “ท่านพ่อตั้งใจจะส่งตัวท่านพี่ให้พวกเขาหรือเจ้าคะ?”
  กู่อี้พูดเสียงเข้มว่า “เจ้าคิดว่ายังมีทางพลิกสถานการณ์ได้อยู่อีกหรือ? คนที่ตายคือประมุขน้อยเพียงคนเดียวของวิหารมังกร ต่อให้พวกเขายังสามารถเลือกผู้สืบทอดคนใหม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มาจากสายเลือดเดียวกับประมุขวิหารมังกรคนปัจจุบัน ขณะที่ประมุขวิหารมังกรยังครองตำแหน่งประมุขอยู่ วิหารมังกรทั้งหมดอยู่ในความควบคุมของเขา เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาจะสูญเสียอำนาจในอนาคต? การตายของจูเก๋ออินทำให้เขาไม่เหลือทางออกอื่น เขาต้องจ้องเล่นงานวิหารมารโลหิตของเราอย่างแน่นอน แม้ว่าความแข็งแกร่งของวิหารมารโลหิตเราจะเหนือกว่าวิหารมังกร แต่ถ้าวิหารมังกรต่อสู้กับเราด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ราคาที่เราจะต้องจ่ายก็ยากที่จะรับไหว ต่อให้ชนะ เราก็จะสูญเสียครั้งใหญ่ และเป็นไปไม่ได้ที่เราจะแข่งกับวิหารปีศาจเพลิงได้อีก”
  “แต่จูเก๋ออินไม่ได้ถูกท่านพี่ฆ่าจริงๆ! ข้าเป็นพยานได้! ท่านพ่อ ท่านพี่ทุ่มเทอุทิศตัวเองเพื่อวิหารมารโลหิตมาหลายปี ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้” กู่ซินเยียนย่อมรู้ถึงความกังวลของกู่อี้ แต่นางก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมท่านพ่อถึงใจร้ายกับพี่ชายของนางนัก
  “ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถเอาชนะวิหารมังกรได้ซักหน่อย เราจะต้องส่งท่านพี่ไปแบบนี้จริงๆหรือเจ้าคะ?”
  “ราคาที่จ่ายมันแพงเกินไป ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น” กู่อี้ส่ายหัว
  กู่ซินเยียนเบิกตากว้าง มองกู่อี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
  เป็นเพราะการตายของประมุขน้อยของพวกเขา วิหารมังกรจึงทุ่มเททุกอย่างที่มี แต่ท่านพ่อของนางกลับตัดสินใจจะมอบลูกชายของตนให้เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย……
  ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเมื่อกู่อิ่งตกอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว ผลลัพธ์อันน่ากลัวแบบไหนที่เขาจะต้องเผชิญ ความแค้นที่ฆ่าลูกชายของใครคนหนึ่งทำให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ เขาเองก็มีลูกชายเหมือนกัน ทำไมกู่อี้ถึงได้ใจร้ายนัก?
  เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของกู่ซินเยียน กู่อี้ก็สะดุ้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงทันที “เยียนเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าพ่อของเจ้าใจร้าย แต่เพื่ออนาคตของวิหารมารโลหิต ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้ วิหารปีศาจเพลิงคอยจ้องเราเหมือนเยี่ยวมาตลอด ถ้าเราได้รับความเสียหายมากเกินไป วิหารปีศาจเพลิงต้องตามซ้ำเติมเพื่อเอาชนะเราแน่ สถานการณ์ของเราจะลำบากอย่างมาก”
  กู่ซินเยียนหลุบสายตาลง ไม่ว่ากู่อี้จะอธิบายอย่างไร นางก็ไม่สามารถยอมรับวิธีการนี้ได้
  กู่อี้รู้สึกได้ถึงการต่อต้านของกู่ซินเยียน เขาถอนหายใจอย่างจนใจ
  “เหตุผลที่เจ้าคัดค้าน เป็นเพราะคำพูดของข้าทำให้เจ้าผิดหวังมากซินะ?”
  กู่ซินเยียนไม่ตอบ
  “เยียนเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าทำหน้าที่ของเจ้าอย่างละเอียดรอบคอบมาตลอด แต่เจ้ามีหัวใจที่ตรงไปตรงมาและมีคุณธรรมมากเกินไป ข้าเข้าใจว่าทำไมเจ้ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เจ้าคิดว่ากู่อิ่งเป็นลูกชายของข้า เป็นพี่ชายของเจ้า และข้าใจร้ายมากที่ส่งเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเข้าสู่ปากเสือ แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าเขาไม่ใช่พี่ชายของเจ้า และไม่ใช่ลูกชายของข้า แต่เป็นศิษย์อีกคนของวิหารมารโลหิต มันจะเป็นยังไง?” กู่อี้กล่าวอย่างมีนัยขณะมองกู่ซินเยียน
  ดวงตาของกู่ซินเยียนเบิกกว้าง นางมองกู่อี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
  กู่อี้ชี้ที่หน้าตัวเอง
  “มองหน้าข้า แล้วมองหน้าตัวเอง กู่อิ่งดูเหมือนเจ้าตรงไหนงั้นรึ?”
  “เป็นไปไ……” กู่ซินเยียนมีสีหน้าตกใจอย่างมาก
  “เยียนเอ๋อร์ ตอนที่ข้าแต่งงานกับแม่ของกู่อิ่ง ข้ารักนางจากใจจริง แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกหลอกใช้เช่นนั้น ช่วงที่เราแต่งงานกัน นางไม่เคยยอมให้ข้าแตะต้องนางเลยสักครั้ง และข้าก็เคารพความต้องการของนาง นอกจากนั้นนางยังเป็นท่านหญิงของเก้าอาราม ข้าย่อมปฏิบัติกับนางอย่างให้เกียรติ แต่หลายเดือนต่อมา นางก็ให้กำเนิดกู่อิ่ง”
ตอนที่ 1890 การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหาร (4)
  เรื่องนี้กู่อี้ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน
  โดนคนที่รักทรยศ คิดว่าได้ใจสาวงามมาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะกลายเป็นตัวตลกเช่นนี้
  คำนวนจากเวลาที่กู่อิ่งเกิด ดูเหมือนว่าก่อนที่ท่านหญิงน้อยแห่งเก้าอารามจะแต่งงานกับกู่อี้ นางได้ตั้งครรภ์อยู่แล้ว ในเวลานั้นกู่อี้ได้กลายเป็นประมุขวิหารมารโลหิตแล้ว ความอัปยศอดสูทำให้นิสัยของเขาเปลี่ยนไปมาก แต่เพราะท่านหญิงน้อยมีเก้าอารามหนุนหลัง เขาจึงไม่สามารถล้างแค้นให้กับความอัปยศนี้ได้ ได้แต่ยอมรับกู่อิ่งเป็นลูกชายและปกปิดเรื่องทั้งหมดเอาไว้
  “เขาไม่ใช่สายเลือดของข้า แต่ข้าก็ยังเลี้ยงดูเขามาหลายปี ให้คนชี้แนะฝึกฝนเขา ข้าแสดงความเมตตาต่อพ่อแม่ของเขามากเกินพอแล้ว ปัญหาใหญ่ที่เขาก่อในครั้งนี้ ยังจะคาดหวังให้ข้าปกป้องเขาและพาวิหารมารโลหิตทั้งหมดตกอยู่ในอันตรายงั้นหรือ?” กู่อี้พูดเรื่องทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองมีความบาดหมางกับตน
  สำหรับกู่อิ่ง เขามีแต่ความเกลียดชังให้เท่านั้น แต่สำหรับกู่ซินเยียน เขาคือพ่อที่รักลูกคนหนึ่ง
  กู่ซินเยียนยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ ไม่ได้สติอยู่เป็นเวลานาน
  นางพลันนึกย้อนกลับไปตอนที่นางยังเด็กมาก นางถูกบังคับให้เว้นระยะห่างกับกู่อิ่ง เห็นกู่อิ่งถูกพวกผู้อาวุโสลากออกไปปขณะที่นางร้องไห้ในอ้อมแขนของพ่อ
  บางที ตอนนั้นนางน่าจะเดาได้แล้ว
  พวกเขาทั้งคู่เป็นลูกของกู่อี้ แต่นางกับกู่อิ่งได้รับการปฏิบัติแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
  แม้ว่าตำแหน่งประมุขของสิบสองวิหารจะถูกสืบทอดผ่านสายเลือด แต่ก็ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กู่อี้ทำราวกับว่าลืมทุกอย่างเกี่ยวกับกู่อิ่งไปหมดสิ้นแล้ว เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดดูแลกู่ซินเยียนให้เป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของวิหารมารโลหิต
  “เยียนเอ๋อร์ เจ้าสามารถเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองได้ ข้ารู้ว่าเจ้าใจดีและอ่อนโยน แต่กู่อิ่งไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเขา” กู่อี้ปลอบใจกู่ซินเยียน
  แต่กู่ซินเยียนตกตะลึงจนพูดไม่ออกจากการเปิดเผยความจริงนั้น
  สองพ่อลูกคุยกันอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ไม่ทันได้สังเกตเลยว่านอกประตูที่ปิดสนิทนั้น กู่อิ่งยืนอยู่เงียบๆตรงทางเดิน มีเพียงกำแพงคั่นไว้เท่านั้น เขาได้ยินสิ่งที่พูดในห้องทุกคำ
  บนใบหน้าอันหล่อเหลานั้น มีรอยยิ้มหยันบางๆnovel-lucky
  “ใจร้ายจริงๆเลยนะ……” กู่อิ่งกระซิบพร้อมหัวเราะเบาๆกับตัวเอง ดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องทั้งหมดมาตลอด
  เงาร่างสีดำปรากฏตัวที่ด้านข้างกู่อิ่งอย่างเงียบๆnovel-lucky
  “คุณชาย โปรดระงับโทสะ ท่านแค่ทนอีกสักพักเท่านั้น ถ้าคุณชายไม่ต้องการอยู่ในวิหารมารโลหิตอีกต่อไป ท่านประมุขได้สั่งไว้แล้วว่าคุณชายสามารถกลับไปที่นั่นได้ทุกเมื่อ” ชายชุดดำกล่าวเบาๆที่ข้างหูของกู่อิ่ง
  แต่กู่อิ่งกลับส่ายหน้า เขาหรี่ตามองประตูที่ปิดสนิทพร้อมกับยิ้ม
  “ข้าควรรู้สึกโกรธเหรอ? มันไม่ใช่แค่วันสองวันที่กู่อี้ทำกับข้าแบบนี้ ในสายตาของเขา ข้าคงต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัขที่เขาเลี้ยง ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเก่งพอตัวและสามารถช่วยเขาในบางเรื่องได้ล่ะก็ เขาคงจับข้าถ่วงน้ำในทะเลสาบน้ำแข็งตายไปแล้ว”
  “คุณชายต้องทุกข์ทรมานแล้ว” ชายชุดดำรีบพูด
  กู่อิ่งพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าช่วยไปบอกท่านตาข้าด้วยว่าข้ายังไม่กลับไปหรอก ความเคลื่อนไหวของสิบสองวิหารช่วงนี้แปลกมาก ข้ารู้สึกว่ามีบางคนกำลังแอบเติมเชื้อไฟอยู่ลับ การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหารครั้งนี้ หากไม่มีเรื่องผิดพลาดอะไร คงมีการแสดงสนุกๆให้ชมอย่างแน่นอน”
  “คุณชายตั้งใจจะทำอะไรหรือขอรับ?”
  กู่อิ่งพูดว่า “ที่นี่จะกลายเป็นนรกเร็วๆนี้ ให้คนคอยเฝ้าดูเอาไว้ให้ดี”
  “แล้วตอนนั้นเราต้องลงมือไหมขอรับ?”
  “ไม่จำเป็น แค่ดูให้สนุกก็พอ” แล้วกู่อิ่งก็หยุด ดวงตาเข้มขึ้นเล็กน้อยขณะมองไปที่ประตูที่ปิดสนิทตรงหน้า เสียงถกเถียงกันยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา