บทที่ 958 : บอกความจริงกับทุกคน!
ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน..บรรยากาศที่ตึงเครียดภายในบ้านดูเหมือนจะลดลงกว่าสองวันก่อนหน้านี้มาก นั่นเพราะหลิงหยุนสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยหญิงสาวสองคนกลับมาได้ด้วย เวลานี้ภายในบ้านจึงมีเสียงหัวเราะ และมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้น..
แต่ถึงกระนั้น..บรรยากาศเช่นนี้ก็เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น!
ทุกคนในบ้านต่างก็รู้ดีว่าเมฆดำที่ปกคลุมบ้านเลขที่-1อยู่นั้น ยังคงไม่เบาบางจางลงเลย แต่กลับดูเหมือนจะยิ่งตึงเครียด และบีบคั้นมากกว่าเดิม ทุกคนต่างก็รู้สึกราวกับมีกระบี่แหลมคมจี้อยู่ที่กลางอกตลอดเวลา..
นั่นเพราะหลิงหยุนเพียงแค่คนเดียวที่ต้องออกไปต่อสู้เพียงลำพังอยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่กว้างใหญ่อย่างเซียเหยินหลิงภายในบ้าน และทั่วทั้งเมืองจิงฉูจึงดูเหมือนว่าได้กลับคืนสู่ความสงบอีกคั้ง แต่ความจริงแล้ว.. มันคือความเงียบสงบก่อนที่พายุกำลังจะเกิดขึ้นนั่นเอง!
ทุกคนต่างก็ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอย่างที่แสดงออกเลยแม้แต่นิดเดียวโดยเฉพาะหลิงหยุนที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่พูดไม่จา..
หลิงหยุนต่อสู้ท่ามกลางความเป็นความตายอยู่บนเทือกเขาเซียนเหยินหลิงมาถึงสองคืนติดต่อกันส่วนฉินตงเฉี่วยก็มีหน้าที่ดูแลสถานการณ์โดยรวมในจิงฉู และทุกคนในบ้านให้ปลอดภัย..
เวลานี้ทั้งหลิงหยุนและฉินตงเฉี่วยจึงนับว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทุกคนในบ้าน ในเมื่อทั้งคู่ต่างก็นิ่งเงียบไปเช่นนี้ ทุกคนในบ้านจึงได้แต่นิ่งเงียบตามไปด้วย
แต่ที่หลิงหยุนเอาแต่นิ่งเฉยไม่พูดไม่จานั้นไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวต่อศัตรู แต่เป็นเพราะเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ และมีบางเรื่องที่จำเป็นจะต้องพูดออกมา..
ส่วนฉินตงเฉี่วยที่ปกติมีนิสัยดุดันนั้นกลับนั่งสงบนิ่ง และดูเหมือนจะกระวนกระวายใจเสียมากนั้น เพราะเพิ่งได้รับสาส์นอะไรบางอย่างมา..
หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันกันเรียร้อยแล้วหลิงหยุนยังคงไม่ลุกจากโต๊ะ แต่รอให้ทุกคนช่วยกันเก็บโต๊ะเรียบร้อย และกลับมานั่งรวมกันอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงเริ่มกล่าวกับทุกคนว่า
“สองสามวันมานี้..มีเรื่องราวเกิดขึ้นกับพวกเรามากมาย ผมจึงมีเรื่องสำคัญที่จะแจ้ง และทำความเข้าใจกับทุกคน..”
ครั้งนี้หลิงหยุนไม่แสร้งทำเป็นสงบนิ่งเหมือนเช่นเคยเพราะเรื่องที่เขาจะพูดต่อจากนี้ ล้วนเกี่ยวพันกับอันตรายถึงชีวิตของทุกคนในที่นี้..
และทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เขารักทั้งสิ้น..ไม่ว่าจะเป็นคนรัก หรือพี่น้อง!
ทุกคนในที่นี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญกับเขามากกว่าธุรกิจในเมืองจิงฉูมากมายหลายเท่านัก!
หลิงหยุนไม่สามารถทนสูญเสียใครไปได้แม้แต่คนเดียว!
หลิงหยุนทำสีหน้าเคร่งเครียดและกวาดสายตามองไปรอบโต๊ะ แล้วจึงพูดขึ้นว่า
“สิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้..ขอให้ทุกคนตั้งใจฟังให้ดี และอย่าได้พูดแทรกขึ้นในระหว่างที่ผมยังพูดไม่จบ!”
“ทุกคนคงจะรู้แล้วว่า..สองสามวันที่ผ่านมานี้ บ้านเลขที่-1 ของเรามีแขกไม่ได้รับเชิญมามากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือไป่หยวนเจียที่เคยรับใช้ตระกูลซัน!”
“ไป่หยวนเจียนำข่าวสำคัญมาบอกกับผม..”
ระหว่างที่พูดมาถึงตรงนี้หลิงหยุนก็หันไปมองทางหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เพื่อคลายความตึงเครียด แล้วจึงพูดต่อว่า
“แต่ตอนที่ไป่หยวนเจียมาบอกข่าวนั้นเมิ่งหานกับเหยาลู่เพิ่งจะถูกจับตัวไป บรรยากาศภายในบ้านยังอยู่ในความตื่นตระหนก ผมก็เลยยังไม่ได้บอกข่าวนี้ให้กับทุกคนได้ทราบ..”
“แต่ในเมื่อทั้งคู่กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วผมคิดว่าถึงเวลาที่ทุกคนควรจะต้องรับรู้เรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว..”
เรื่องที่หลิงหยุนจะพูดต่อจากนี้มีเพียงฉินตงเฉี่วยเท่านั้นที่รู้แล้วส่วนคนอื่นๆ ต่างก็อยู่ในอาการตื่นตระหนก ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจนิ่ง ร่างกายเกร็ง และดวงตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนเพียงคนเดียว
แต่หลิงหยุนก็ไม่ปล่อยให้ทุกคนคอยนานนักเขายิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “ความจริง.. ข่าวที่ได้มาก็ไม่มีอะไรมาก คิดว่าทุกคนคงจะเข้าใจสถานการณ์ในเวลานี้อยู่แล้ว..”
“ตอนนี้เหล่าชาวยุทธจากสำนักต่างๆและตระกูลเก่าแก่หลายตระกูล ต่างก็รวมตัวกันเพื่อมาจัดการกับผม เวลานี้จึงมีคนมากมายที่ทุกคนไม่รู้จัก เดินทางมาจิงฉูเพื่อไล่ล่าตัวผม..”
ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุนหลุดออกจากปากสาวงามภายในห้องต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แววตาของทุกคนต่างก็บ่งบอกว่าพวกเขาล่วงรู้มานานแล้ว!
“แต่ทุกคนคงจะยังไม่รู้ว่าศัตรูที่กำลังไล่ล่าผมอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นมาจากสำนักใด และตระกูลใดบ้าง..”
“เอาล่ะ..ผมจะค่อยๆไล่เรียงให้ฟังทีละราย!”
“สำนักต่างๆที่ต้องการจัดการกับผม มีทั้งเส้าหลิน บู๊ตึ๊ง กระบี่คุนหลุน เหมาซาน กระบี่เทวะ สำนักแดนใต้ แล้วก็สำนักหมัดเทวะ…”
“ส่วนตระกูลเก่าก็มีตระกูลซีเหมินตระกูลหนานกง ตระกูลชางกวน แล้วก็ตระกูลเล่ย”
เมื่อชื่อสำนักและตระกูลเก่าแก่ต่างๆ หลุดออกมาจากปากหลิงหยุน ทุกคนในบ้านแม้แต่ฉินตงเฉี่วยเองยังถึงกับนิ่งอึ้ง และสีหน้าเปลี่ยนไปทันที!
มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นหลิงหยุนยังคงพูดต่อ “นอกจากนั้นก็ยังมีสองตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งคือ.. ตระกูลเฉิน และตระกูลซัน!”
“แล้วก็แวมไพร์ชาวตะวันตกและนินจาญี่ปุ่น..”
“และสุดท้ายก็คือพรรคมารซึ่งนับว่าเป็นศัตรูที่อันตรายที่สุด!”
หลังจากพูดจบไปแล้วหลิงหยุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากวาดสายตามองหญิงสาวทุกคนรวมทั้งถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ แล้วก็อาปิงที่กำลังนั่งหน้าซีด และพูดไม่ออก แล้วจึงพูดต่อว่า..
“เอาล่ะ..ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าศัตรูของผมมีใครบ้าง”
ทุกคนยังคงอยู่ในอาการตกตะลึงและช็อคสุดขีด หลิงหยุนมีศัตรูเยอะแยะมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
แม้แต่ฉินตงเฉี่วยที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-5ยังถึงกับสั่นสะท้านเมื่อได้ยินชื่อศัตรูทั้งหมดของหลิงหยุน!
“พะ..พี่หยุน.. ศัตรูมากมายขนาดนี้ เราต้องหาคนช่วยแล้วล่ะ..” ถังเมิ่งร้องบอกเสียงสั่น
หลิงหยุนทำเสียงล้อเลียนถังเมิ่ง“ดูนายสิ! กลัวจนปากคอสั่นไปหมด คนอย่างฉันต้องรอให้นายบอกหรือยังไงกัน ฉันหาคนช่วยไว้แล้ว..”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงที่มั่นอกมั่นใจ“ตอนนี้ศัตรูของผมหลายคนก็ได้เดินทางมาถึงจิงฉูแล้ว ผมยังมีเรื่องที่จะต้องบอกทุกคนอีก..”
“เมื่อคืนนี้..ศัตรูที่ต้องเข้าไปหาผมที่เทือกเขาเซียนหยินหลิง มีเพียงแค่สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือยอดฝีมือจากตระกูลเก่าแก่ ซึ่งก็คือตระกูลชางกวน ตระกูลซีเหมิน และตระกูลหนานกง แต่ทั้งหมดพ่ายแพ้ให้กับผม และรับปากจะไม่มายุ่งกับผมอีก!”
“อีกกลุ่มคือยอดฝีมือที่ตระกูลเฉินส่งมาสำหรับผมตระกูลเฉินนับว่าเป็นศัตรูที่น่ากลัว และแข็งแกร่งที่สุด เพราะพวกเขามีทั้งแวมไพร์ และนินจาญี่ปุ่นเป็นพันธมิตร..”
“แต่ตอนนี้กองกำลังที่ทรงพลังของตระกูลเฉินก็ถูกผมสังหารไปมากมายแล้วเช่นกัน!”novel-lucky
“จุดประสงค์ที่ผมต้องบอกเรื่องนี้ให้กับทุกคนทราบก็เพื่อย้ำกับทุกคนให้รู้ว่าตระกูลเฉินนับเป็นศัตรูของผมทั้งโดยส่วนตัว และส่วนรวม! รอยร้าวระหว่างผมกับตระกูลเฉิน ยากนักที่จะผสานกันได้อีก จากนี้ไปผมกับตระกูลเฉินจะไม่ขออยู่ร่วมโลกกันอีก..”
หลิงหยุนเน้นคำว่า‘ส่วนตัวและส่วนรวม’ นั้น เขาพูดในฐานะที่เป็นคนตระกูลหลิงด้วย!
“เพราะฉะนั้นแล้ว..ในวันข้างหน้าหากพบเจอคนตระกูลเฉิน ก็ไม่มีอะไรต้องเจรจาอีกแล้ว มีเพียงแค่ต้องสู้กันจนตายไปข้างเท่านั้น!”
“และนี่คือเรื่องแรกที่ผมต้องการจะบอกกับทุกคน..”
“ส่วนเรื่องที่สองคือเรื่องของพรรคมาร..พรรคมารทั้งแข็งแกร่งและมีอำนาจอิทธิพลมากมาย แม้กระทั่งองค์กรนักฆ่าก็คือองค์กรที่พรรคมารตั้งขึ้นมา!”
ระหว่างที่พูดสายตาของหลิงหยุนก็จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่และไม่ลังเลที่จะเล่าความจริงให้ทุกคนได้รับรู้
“แต่เท่าที่ผมรู้มา..พรรคมารเองก็ไม่ได้เป็นปึกแผ่นอันเดียวกันซะทีเดียว! ดูเหมือนภายในพรรคมารก็จะแตกออกเป็นสองฝักสองฝ่าย..”
“ธิดาพรรคมาร– เย่ซิงเฉิน ฝ่ายหนึ่ง กับโอรสพรรคมารที่มีชื่อว่าซือกงวู่จี๋อีกฝ่ายหนึ่ง และเวลานี้ทั้งคู่ต่างก็อยู่ในเมืองจิงฉูแล้ว!”
“สิ่งที่ผมจะบอกก็คือว่า..เวลานี้ธิดาพรรคมารเย่ซิงเฉินกับผม พวกเราสองคนต่างก็กำลังร่วมมือกัน และเย่ซิงเฉินรับปากที่จะอยู่ข้างผม..”
“ห๊ะ!อะไรนะหลิงหยุน.. นี่นาย..”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลินเมิ่งหานก็อดรนทนไม่ได้ถึงกับกรีดร้องออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายสั่นเทิ้ม ใบหน้าซีดขาว เห็นได้ชัดว่าเธอยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้..
หลิงหยุนมองหลินเมิ่งหานด้วยสีหน้าสงบนิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เมิ่งหาน.. อย่าเพิ่งร้อนใจไป นั่งลงฟังผมพูดให้จบก่อน แล้วคุณจะเข้าใจเอง!”
“เมื่อคืนนี้..ยอดฝีมือตระกูลเฉินขั้นเซียงเทียน-8 นินจาขั้นเซียงเทียน-9 รวมทั้งแวมไพร์ขั้นมาร์ควิส ต่างก็รุมสังหารผมคนเดียว หากไม่ใช่เพราะเย่ซิงเฉินมาช่วยได้ทันเวลา อย่าว่าแต่จะสังหารพวกมันเลย ผมจะรอดชีวิตกลับมาได้หรือเปล่า.. ก็ไม่อาจรู้ได้!”
ในเมื่อต้องการให้ทุกคนยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้นหลิงหยุนจึงต้องพูดให้ดูน่ากลัวเกินจริงไว้ก่อน..
“เมิ่งหาน..เหยาลู่.. เรื่องที่คุณถูกเย่ซิงเฉินจับตัวไปนั้น ความจริงแล้วนางทำเพื่อช่วยพวกคุณสองคนไว้ต่างหาก!”
“หากไม่ใช่เพราะนางชิงไปจับตัวคุณสองคนไปก่อนพวกคุณทั้งคู่คงต้องตกไปอยู่ในกำมือของโอรสพรรคมารซือกงวู่จี๋แล้ว คนผู้นี้ไม่ต่างจากปีศาจชั่วช้า ถ้าพวกคุณสองคนตกไปอยู่ในมือของมัน แม้แต่ผมเองก็ไม่กล้าคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา..”
“ถึงแม้เย่ซิงเฉินจะจับตัวพวกคุณสองคนไปแต่ก็แค่กักตัวไว้สองวันสองคืนเท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายพวกคุณเลยไม่ใช่เหรอ ลองทบทวนให้ดี.. ว่าที่ผมพูดมานั้นถูกต้องหรือไม่?”
“อีกอย่าง..หากไม่ใช่เพราะเย่ซิงเฉินบอกที่กักตัวของพวกคุณให้ผมรู้ ผมจะไปช่วยพวกคุณสองคนได้ง่ายๆ แบบนั้นได้อย่างไร”
หลิงหยุนไม่เปิดโอกาสให้หลินเมิ่งหานได้ตั้งคำถามและบอกเล่าทุกอย่างออกไปเพื่อให้ทั้งสองคนครุ่นคิดเอาเอง..
“ส่วนเรื่องบาดหมางส่วนตัวระหว่างเย่ซิงเฉินกับพวกคุณสองคนผมไม่ใส่ใจ หากคุณต้องการที่จะเอาคืน ก็ต้องฝึกฝนให้มาก แล้วก็ไปสะสางปัญหาส่วนตัวกันเอง..”
หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็เข้าสู่จุดที่ใกล้จะสามารถผ่านเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้วหากพยากยามอย่างหนักก็คงอีกไม่ไกลนัก..
ในเวลานั้นเองหลิงหยุนก็แอบถอนใจด้วยความโล่งอก..ในที่สุดเขาก็สามารถเปิดเผยเรื่องของธิดาพรรคมารเย่ซิงเฉินต่อหน้าสาวงามทั้งหมดได้แล้ว!
“เวลานี้แม้แต่เย่ซิงเฉินยังไม่สามารถเอาชนะโอรสพรรคมารซือกงวู่จี๋ได้..มันจึงนับว่าเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของผมเวลานี้!”
“ซือกงวู่จี๋มีมือสังหารที่เก่งกาจขององค์กรนักฆ่าอยู่ในมือมากมายอีกทั้งยังชั่วช้าพอที่จะใช้วิธีการชั่วร้ายอย่างที่คิดไม่ถึงมาจัดการกับพวกคุณทุกคน!”
“รวมทั้งพวกนายด้วย!”หลิงหยุนหันไปย้ำกับชายหนุ่มทั้งสามคน
“ซือกงวู่จี๋ต้องการชิงกระบี่โลหิตแดนใต้ไปจากผมอย่างไรระหว่างผมกับมันก็คงเลี่ยงที่จะปะทะกันไม่ได้! แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่างมากก็คือ.. ทุกคนต้องระมัดระวังตัวอย่าให้ซือกงวู่จี๋จับใครคนใดคนหนึ่งไปเป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับผมได้!”
หลิงหยุนประกาศบอกทุกคนไปสองเรื่องแล้วในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “ส่วนเรื่องสุดท้าย.. ก็คือเรื่องความปลอดภัยของพวกคุณทุกคน!” “ครั้งนี้นับว่าโชคดีที่เมิ่งหานกับเหยาลู่สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย..”
“ผมจึงอยากจะบอกกับทุกคนว่า..หากพวกคุณคนใดคนหนึ่งถูกจับตัวไป และไม่ว่าจะได้รับความอัปยศอดสูแค่ใหน พวกคุณจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตไว้!”
“ที่สำคัญ..ต้องไม่ใช้วิธีประท้วงด้วยการอดข้าวอดน้ำ ทำร้ายตัวเอง หรือวิธีโง่ๆที่ทำให้ตัวเองเป็นอันตรายอย่างเด็ดขาด พวกคุณต้องเชื่อมั่นว่า.. ไม่ว่ายังไงผมก็จะต้องหาทางไปช่วยทุกคนออกมาให้ได้อย่างแน่นอน!”
ระหว่างที่หลิงหยุนพูดนั้น..ทั้งหลินเมิ่งหานและเหยาลู่ต่างก็หันไปมองหน้ากัน และได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความอับอาย ในขณะที่หลิงหยุนก็พูดต่อว่า
“เฉินเฉินเองก็เคยถูกเฉินเจี้ยนกุ่ยจับตัวไปเธอเองก็ไม่มีวรยุทธสำหรับที่จะป้องกันตัวเองได้ แต่ในสถานการณ์เช่นนั้นเฉินเฉินก็ไม่ใช้วิธีอดข้าวประท้วง และไม่คิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่กลับยืนหยัดต่อสู้เพียงกับคนตระกูลเฉิน แม้จะถูกขังอยู่ในถ้ำบนเขาหยุนเมิ่งพร้อมกับแวมไพร์มาตลอดสามเดือน”
“นั่นเพราะเฉินเฉินเชื่อมั่นว่าหากผมรู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตรายผมจะต้องไปช่วยเธออย่างแน่นอน! เธอจึงใช้ปัญญารับมือกับเฉินเจี้ยนกุ่ย!”
“หากพวกคุณคนใดคนหนึ่งตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้ได้โปรดอย่าตาย.. โปรดมีชีวิตอยู่ต่อ.. อย่าให้ผมต้องพบกับร่างที่เย็นเฉียบในวันที่ผมบุกเข้าไปช่วยพวกคุณทุกคน!”
หลังจากที่หลิงหยุนพูดจบ..บ้านทั้งหลังก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดอยู่เป็นเวลานาน..
“แต่ทุกคนไม่ต้องวิตกกังวลมากจนเกินไปพายุในเมืองจิงฉูใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว!”
“ส่วนเรื่องของสำนักต่างๆที่ต้องการจัดการกับผมนั้น ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงไป เรื่องนี้ผมกับน้าหญิงจะช่วยกันจัดการเอง..”
จากนั้นหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า“เริ่มต้นจากสำนักดาบสวรรค์เป็นสำนักแรก..”
หลิงหยุนพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้ฉินตงเฉี่วยที่ในขณะดูเหมือนจะยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้น..