ทันทีที่ชูฮันพูดอออกมาผู้คนกว่าครึ่งที่ก่อนหน้านี้กำลังเต็มไปด้วยอารมณ์ก็หยุดชะงักทุกอย่างลงทันที ทุกคนตกใจค้างสติจนหลุดกันไปพักใหญ่
ฉางกวนยวีซินเองก็ตกใจมากเช่นกันแต่มันเป็นความตกใจที่เต็มไปด้วยความดีใจที่ชูฮันไม่ได้มีลูกกับผู้หญิงอื่นอย่างที่เธอเข้าใจผิดไป จากนั้นเธอก็จ้องไปที่ซงเสี่ยวที่ตัวโตกว่าที่เธอคิดไว้เยอะซึ่งกำลังยืนขำใส่ชูฮันอยู่
นั่นสิชูฮันจะมีลูกโตขนาดนี้ได้ยังไง?
คนที่เหลือก็เริ่มทยอยได้สติกลับมาทีละคนโดยเฉพาะเฉินยุนโหลวและมู๋หรงยู่เฉิงที่หัวใจเต้นรัวจนแทบระเบิด
โชคดีที่มันเป็นแค่การเข้าใจผิด!
ฉางกวนหลงตะลึงจ้องไปที่ซงเสี่ยวไม่วางตา ความรู้สึกมากมายไหลทะลักออกมา…สรุปก่อนหน้านี้มันคืออะไรกัน? ชูฮันเองก็เหลือบตามองซงเสี่ยวที่ดูจะตื่นเต้นจากนั้นก็เปิดปากขึ้นพูด “เรื่องก็คือฉันเคยช่วยชีวิตเด็กคนนี้เอาไว้ พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และฉันก็มารับทั้งคู่ทันทีที่รู้ว่าพวกเขามาหาฉันที่หนานตู้”
ฉางกวนหลงได้สติกลับมาหลังจากได้ยินเสียงของชูฮันเขากระแอมออกมาก่อนจะพูดขึ้น “นั่นก็…โอเค แล้วทำไมคุณต้องรีบวิ่งมาขนาดนี้เพื่อมารับเด็กคนนี้ด้วย?”
ชูฮันไม่ตอบแต่เป็นฉางกวนยวีซินที่ไม่พอใจแทน “ขนาดพ่อเข้าใจชูฮันผิดขนาดนี้ก็ยังไม่ยอมหยุดอีกนะ แค่เรื่องตลกเมื่อกี้ยังไม่พออีกเหรอไงคะ?”
ฉางกวนหลงที่อารมณ์มาเต็มตั้งแต่แรกก็โมโหจนหน้าดำหน้าแดงเขาหันไปจ้องลูกสาวตัวเองเขม็งโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับไปทันที
ฉางกวนยวีซินถอนหายใจอย่างโล่งอกจากนั้นก็กอดแขนชูฮัน แววตาเต็มไปด้วยความสุข “ชูฮัน มา ฉันจะพาคุณกลับไปเอง” ชูฮันยิ้มเงียบๆไม่สนใจสายตาอิจฉาของผู้คนทั้งหลายที่จับจ้องมา เขาผายมือไปที่ไก๋หนานและซงเสี่ยวและนำทางมุ่งหน้าเข้าไปในตัวค่าย
ไก๋หนานไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้เลยสักนิดเขาได้แต่มองตามหลังชูฮันไปด้วยความสับสน อีกทั้งปฏิกิริยาตอบสนองของซงเสี่ยวนั้นก็แตกต่างจากตัวเขาอย่างสิ้นเชิง สำหรับเด็กหนุ่มอายุ 13 ที่ก้มโค้งแสดงความเคารพต่อชูฮัน คอยประกบข้างกายชูฮันตลอด และถ้าชูฮันไม่พูด ซงเสี่ยวก็ห้ามพูด ถ้าชูฮันไม่มองใคร ก็ห้ามเงยหน้าขึ้น
ซึ่งเรื่องนี้มีเพียงแค่คนเดียวที่รู้สาเหตุชูฮันอดไม่ได้ที่จะเอ็ดซงเสี่ยวออกมา “นายไม่ต้องจงใจขนาดนี้ก็ได้ นายโตขึ้นมากในเวลาแค่นี้ แล้วไหนจะรูปร่างที่เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม พวกเขาจำนายไม่ได้หรอก”
ซงเสี่ยวเหลือบตาขึ้นมองชูฮันแววตาเต็มไปด้วยความคิดมากมาย หัวใจเต้นรัวแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก
พี่ชูฮันรู้?
ฝูงชนรอบๆที่รู้ได้แล้วว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเรื่องเข้าใจผิดใหญ่โตความคิดนินทามากมายก็ล้มเลิกไป ฮวงชูเจิ้นที่มีความผิดก็พยายามทำตัวไร้ตัวตัน ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นมันใหญ่หลวงมาก
ขณะที่หลายคนเริ่มทยอยกลับไปที่จุดเดิมของตัวเองก่อนจะเกิดเรื่องราวขึ้นชูฮันที่เดินนำหน้าอยู่จู่ๆก็หมุนตัวกลับหลังหันไปทันทีโดยไม่มีใครได้ทันตั้งตัว ในเวลาเดียวกันมือข้างขวาก็เอื้อมไปคว้าขวานซิ่วโหลที่เสียบอยู่ที่หลังตัวเองออกมา แววตาคมเฉียบจ้องเขม็งไปที่เส้นขอบฟ้าไกลออกไปอย่างน่ากลัว
จิตสังหารและสัญชาตญาณระวังตัวของชูฮันพุ่งขึ้นสูงแผ่กระจายไปทั่วร่างกายพลังงานผัวผวนและจิตสังหารรุนแรงที่ระเบิดออกมาทำให้หลายคนที่อยู่ในระยะรอบๆแทบหัวใจหยุดเต้นกับความกดดันที่เกิดขึ้น
การเคลื่อนไหวของชูฮันที่ฉับพลันและผิดปกติทั้งยังโจ่งแจ้ง ทำให้ทุกคนหยุดชะงักนิ่งมองตามกันหมด ส่วนคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองไวก็รีบเข้าสู่โหมดเตรียมพร้อมรบทันทีตามชูฮัน
ท่ามกลางทุกคนฮวงชูเจิ้นที่คอยตามประกบชูฮันอยู่มาตลอดก็รีบชักดาบของตัวขึ้นมา ออกคำสั่งเสียงแข็งกร้าวกับทหารของเขา “เตรียมตัว!” ไอลีนโนเวล
ฟรึบ!
คนที่เหลือเองก็รีบตอบสนองทันทีทุกคนรีบชักอาวุธของตัวเองขึ้นมา ความตึงเครียดรุนแรงแผ่กระจายไปทั่วบริเวณรอบชูฮัน แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
อันตราย?
แน่นอนชูฮันจะเจอกับเหตุการณ์ทุกครั้งที่เดินออกมาจากตัวเมือง!
เมื่อเห็นท่าทางของกลุ่มทหารที่แสดงความระวังภัยต่อศัตรูฝูงชนจำนวนมากรอบๆบริเวณก็เกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมา เสียงความวุ่นวายโกลาหลดังระงมไปทั่ว
เกิดอะไรขึ้น?
แต่หลังจากทุกคนวิตกกังวลอยู่เป็นเวลาพักหนึ่งฮวงชูเจิ้นที่ยืนอย่างกังวลอยู่ข้างกายชูฮันทันใดนั้นก็ไม่สังเกตเห็นถึงอะไรที่ผิดปกติเลย เขากวาดสายตาไปรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่แล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
มันไม่มีการลอบสังหารอย่างฉับพลันที่จริงมันไม่มีอะไรผิดปกติเลย
ฮวงชูเจิ้นมีสีหน้าที่อธิบายไม่ถูกเขาหันไปมองชูฮันที่ยังคงจ้องเขม็งไปที่ข้างหน้าไกลออกไป เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ “พลเอกชูฮัน มีอะไรเหรอครับ?”
แววตาอันตรายอันน่ากลัวของชูฮันหันกลับมาสบตากับฮวงชูเจิ้นเพียงชั่วพริบตาจากนั้นก็หันไปกลับจดจ่อกลับเส้นขอบฟ้าด้านหน้าไกลออกไปเหมือนเดิม แต่ไม่ว่าทุกคนจะพยายามเพ่งมองเท่าไหร่พวกเขาก็มองไม่เห็นอะไรเลย เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ฝูงชนเหล่าผู้รอดชีวิตก็ส่งเสียงไม่พอใจขึ้นมา
”อะไรมาทำให้เรากลัวทำไม?”
”ใช่จู่ๆทุกคนก็ชักดาบออกมา คิดว่าพวกเราจะไม่ตกใจเหรอไง!”
”บ้าบอที่สุด!”
”นี้พลเอกชูฮันช่วยใจเย็นหน่อยได้มั้ย? คิดว่าจะมีคนมาฆ่าตัวเองอยู่ตลอดเวลารึไง?”
”กลัวตายเหรอไง?”
เสียงหัวเราะเยะระคนเย้ยหยันดังขึ้นต่อเนื่องทำให้ฮวงชูเจิ้นและคนอื่นๆที่ประกบรอบตัวชูฮันอับอายหน้าแดงก่ำ…ดูเหมือนว่าชูฮันจะเป็นกังวลมากเกินไป ทำให้พวกเขาก็ระแวงตามไปด้วย คิดไปว่าทุกคนเป็นศัตรู ดีนี่ เหมือนพวกเขาเล่นตลกใหญ่ต่อหน้าทุกคนให้ขายขี้หน้า
ฟรึบ!
ทุกคนรีบเก็บอาวุธของตัวเองกลับเข้าที่ฮวงชูเจิ้นยังคงจ้องไปที่ชูฮันไม่ขยับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามว่า…พลเอกชูฮัน เราไปกันได้หรือยัง?
น่าสงสารที่ชูฮันไม่แม้แต่จะเหลือบตามองฮวงชูเจิ้นเลยเขายังไงคงจ้องไปที่เส้นขอบฟ้าไกลออกไปไม่วางตาเหมือนเดิม แววตาเป็นประกายดุดันคมกริบน่ากลัว
”ชูฮันเกิดอะไรขึ้น?” ฉางกวนยวีซินขยำเสื้อชูฮันแน่นอย่างกังวล ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ฉางกวนยวีซินเชื่อใจชูฮันอย่างไม่มีเงื่อนไข เธอเชื่อว่าชูฮันมีสัญชาตญาณที่เหนือกว่าใครและมันจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
คำพูดของฉางกวนยวีซินดังอยู่ข้างหูชูฮันรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เอ่ยตอบคำถามทุกคนออกมาเป็นครั้งแรก น้ำเสียงจริงจังและตึงเครียด “ฉันในนามพลเอก ทุกคนจงฟังคำสั่งของฉัน…ฮวงชูเจิ้นรีบพาผู้รอดชีวิตทุกคนอพยพหนีเข้าไปในค่ายให้เร็วที่สุด มันช้าเกินไปที่จะตรวจสอบประวัติทีละคน ฉางกวนยวีซินรีบไปตามหาพ่อของคุณเร็วเข้า ให้เขาระดมกำลังพลทั้งค่ายเพื่อเตรียมตัวพร้อมรบ”
คำสั่งที่ไร้โอกาสให้ใครได้สอบถามออกมาจากปากชูฮันทุกคนทั้งประหลาดใจ สงสัย และสับสน ความตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วหัวใจของทุกคนทันที
เมื่อได้เห็นคำเตือนที่ชูฮันแสดงออกมาให้แก่ทุกคนฮวงชูเจิ้นก็รู้สึกว่ามันแปลกมาก ตั้งแต่ที่ชูฮันมาหนานตู้แม้จะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆแต่การแสดงออกทุกอย่างนั้นเผยให้เห็นว่าความสามารถของชูฮันนั้นมากมายขนาดไหน และชูฮันไม่เคยล้อเล่น
ดังนั้นคำเตือนที่ได้รับจากคำสั่งในฐานะของพลเอกโดยตรงแถมยังขอให้ระดมกำลังพลทหารทั้งหมดเพื่อพร้อมสู้รบ แสดงว่ามันจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ!