ตอนที่ 822 ความวุ่นวาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

พั้วะ!
  ฉางกวนยวีซินพุ่งตัวไปหาพ่อของเธอที่จากไปไกลแล้วทันทีเธอไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอไม่รู้ว่ามีอะไรกำลังมุ่งหน้ามา แต่เธอเชื่อว่ามันจะต้องเป็นศัตรูของชูฮันที่น่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นชูฮันคงไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้
  และคำพูดของชูฮันทำให้ทุกคนต้องเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไขฉางกวนยวีซินรู้จักชูฮันดี เธอรู้ว่าเขาไม่เคยเข้าใจผิด!
  การตอบสนองอย่างทันทีของฉางกวนยวีซินทำให้ฮวงชูเจิ้นได้สติกลับมาแม้ว่าตัวเขาจะสับสนไม่ต่างกัน แต่จิตใต้สำนึกของเขาก็สั่งให้ออกตัววิ่งไปปฏิบัติตามคำสั่งของชูฮัน เขารีบสั่งให้เจ้าหน้าที่บริเวณประตูค่ายรีบอพยพพาผู้คนทั้งหลายเข้าไปด้านในทันที
  ”เร็วเข้า!ทุกคนเข้าไปในเมือง!” ฮวงชูเจิ้นตะโกนเหงื่อตก  ”จะบ้าเหรอ!เราต้องตรวจสอบคนพวกนี้ทีละคนก่อน!” เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูจ้องฮวงชูเจิ้นตาเขม็ง อารมณ์เดือดดาล “จะให้พาเข้าไปหมดนี้ ข้างในค่ายเราคงได้วุ่นวายเต็มไปหมด แล้วเราจะรับมือกับคนพวกนี้ทั้งหมดยังไงต่อล่ะ?”
  ฮวงชูเจิ้นที่ไม่มีเวลามานั่งเถียงกับอีกฝ่ายทำให้แค่รีบกระตุ้นอีกฝ่ายต่อ “นี้มันเรื่องเร่งด่วน เราจะกักคนพวกนี้ไว้ในที่เดียวกัน แล้วค่อยไล่ตรวจทีละคนหลังจากนั้น”
  ”ไม่!”เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูค่ายหมดความอดทน “พลตรีฮวงชูเจิ้น ทำตัวให้สมกับเป็นพลตรีหน่อย! คนพวกนี้ส่วนใหญ่ยังไงก็เป็นได้แค่ผู้อพยพที่เราจะสามารถส่งไปอยู่ได้แค่ในพื้นที่ผู้ลี้ภัย จะปล่อยให้คนพวกนี้เข้าไปอยู่ในตัวเมืองก่อนได้ยังไง?”
  เป็นเพราะการขัดขืนของเหล่าเจ้าหน้าที่ประตูค่ายเหล่าผู้รอดชีวิตทั้งหลายที่ฟังบทสนทนาอยู่ทันใดนั้นก็เกิดความไม่พอใจและโวยวายตามขึ้นมา  ”ต้องดูถูกกันขนาดนี้?กูต้องอยู่แค่พื้นที่ผู้ลี้ภัย?”
  ”คุณธรรมน่ะมีมั้ย?ไหนบอกว่าค่ายหนานตู้ยินดีต้อนรับทุกคน? ทำไมต้องดูถูกพวกเรา?”
  ”คนเฝ้าประตูกล้าจะมาดูถูกคนอื่นทำเป็นเก่ง พวกแกเคยแม้แต่ฆ่าซอมบี้บ้างรึเปล่า?”
  ”อย่าดูถูกพวกเราให้มันมากเกินไป!”
  เสียงโวยวายต่อว่ามากมายดังขึ้นระงมจนทุกอย่างเริ่มยากที่จะควบคุม
  ทันใดนั้นชูฮันก็หันไปพูดกับไก๋หนานและซงเสี่ยวเสียงเข้มหากเสียงของชูฮันไม่ได้ดังแต่มันจริงจังอย่างมาก “พวกนายไปรวมกับกองทัพใหญ่ เดี๋ยวจะมีคนนำทางพวกนายไปเอง”
  ”ชูฮันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ไก๋หนานไม่เข้าใจท่าทางของชูฮันในตอนนี้
  แววตาดำสนิทของชูฮันไม่ได้ล้ำลึกเขาเพียงเอ่ยประโยคสั้นๆออกมาเบาๆ “คลื่นซอมบี้กำลังมุ่งหน้ามา”
  คลื่นซอมบี้!
  แถมยังเป็นฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่!
  นัยน์ตาดำของไก๋หนานหดวูบด้วยความตกใจทันทีจากนั้นก็พยักหน้ารับอย่างระวัง จับแขนซงเสี่ยวที่แววตาแสดงความกลัวออกมาชัดเจน…กลายเป็นว่ามีฝูงซอมบี้มหาศาลกำลังมุ่งหน้ามางั้นเหรอ?
  มันไม่มีเวลาที่จะมานั่งคิดว่าชูฮันรู้ได้อย่างไรและทำไมชูฮันถึงมั่นใจนักตอนนี้ไก๋หนานรู้แค่ว่าเขามีภารกิจเดียวที่ต้องทำ…คือเขาจะต้องคุ้มกันซงเสี่ยวให้ดีที่สุด!
  นี้ไม่ใช่แค่หน้าที่ของเขาเท่านั้นแต่มันยังหมายถึงความเชื่อใจที่ชูฮันมีต่อเขาด้วย
  ซงเสี่ยวตื่นตระหนกและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอย่างกังวล”แล้วพี่ชูฮันล่ะ?”
  ชูฮันสบตากับเด็กหนุ่มที่สูงเท่าไหล่ของเขาตรงหน้าน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้เลย “ฉันจะอยู่ที่นี้ป้องกันค่าย”
  ไม่ใช่แค่เขาจำเป็นจะต้องอยู่ที่นี้แต่ทั้งกองกำลังรบทั้งหมดของค่ายหนานตู้ก็จะต้องอยู่ที่นี้เช่นกัน เพราะคลื่นซอมบี้ในครั้งนี้มีจำนวนมากเป็น…
  ประวัติการณ์!
  ”พวกมันมามากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”ซงเสี่ยวเป็นกังวลอย่างมาก พยายามขบคิดในหัวเพื่อหาข้อแก้ตัวให้กับชูฮัน “พี่ชูฮัน แม้ว่าพี่จะแข็งแกร่งและทรงพลังมากก็ตาม แต่นี้มันคลื่นซอมบี้มหาศาล พี่ไม่จำเป็นต้องอยู่แถวหน้าเพื่อสู้กับพวกมันเลย พี่ควรจะบัญชาการรบอยู่ที่ด้านหลังสิครับ? แล้วถ้ามันมีอันตรายเกิดขึ้นกับพี่ล่ะ?” novel-lucky
  เมื่อได้ยินความเป็นห่วงของซงเสี่ยวชูฮันก็ชี้ไปที่ตราตำแหน่งซึ่งเขาติดมันไว้หน้าอกตัวเองมาสองสามวันได้แล้ว “นี้คือความหมายของตราตำแหน่งนี้ นายควรจะเข้าใจมันได้ชัดเจนกว่าฉันอีกนะ”  แม้ว่าชูฮันจะไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะเป็นผู้ช่วยชีวิตใครหรือสนใจชีวิตของใครทั้งนั้นแต่ทั้งค่ายหนานตู้จะตกอยู่ในอันตรายรุนแรงอย่างมากเมื่อคลื่นซอมบี้มหาศาลนี้มาถึง ไม่ว่าจะตำแหน่งพลเอกแห่งจีนหรือเทพธิดาอย่างฉางกวนยวีซินก็ไม่อาจรอดไปได้
  ถ้าเขาไม่สู้ในแนวหน้างั้นเขาก็คงเป็นคนขี้ขลาด?
  ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาที่เป็นชูฮันหรือผู้นำสูงสุดแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่า เขาก็จะไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าเขาว่าเป็นคนขี้ขลาด!
  ทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเป็นคนกล้าเสมอไม่ว่าจะเป็นทีมไหนหรือแม้แต่หน่วยลับก็ตาม!
  นัยน์ตาของซงเสี่ยวหดตัวอย่างรุนแรงมองตามนิ้วของชูฮันที่ชี้ไปที่ตราตำแหน่งตรงหน้าอก ซงเสี่ยวโค้งคำนับอย่างฝืนใจจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับตาที่แดงก่ำ น้ำเสียงสั่นและแผ่ว “ถ้างั้นพี่ก็ระวังตัวด้วย!”   ชูฮันยิ้มบางๆกลับไป”ฉันยังตายไม่ได้”
  ตาของซงเสี่ยวยิ่งแดงกว่าเดิมร่างผอมบางของเด็กหนุ่มเกร็งขึ้นมา มือกำหมัดแน่น ตัวเขาอยากจะอยู่สู้กับพี่ชูฮันแต่เขาไม่สามารถทำอะไร เขาไม่ใช่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่…
  ขณะที่ทั้งสองกำลังปรับความเข้าใจกันอยู่กลุ่มผู้รอดชีวิตที่อยู่ถัดออกไปก็เริ่มเป็นปัญหาหนักขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มมีการจลาจลขนาดย่อมก่อตัวขึ้น หลายคนที่รู้เรื่องก็เริ่มหันมองจ้องและล้อมฮวงชูเจิ้นและเจ้าหน้าที่ทั้งหลายเอาไว้
  ”อย่าคิดว่าเพราะแกเป็นทหารของค่ายหนานตู้แล้วเราจะไม่กล้าต่อต้าน!”
  ”อะไรคือพวกเราต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่ผู้ลี้ภัย?แล้วทำไมต้องเอาเราไปกักตัวไว้เพื่อรอตรวจสอบ?”
  ”ใช่!เราไม่ใช่นักโทษรอประหาร!”
  ”ค่ายหนานตู้ทำกับผู้รอดชีวิตที่มาขอความช่วยเหลือวิธีนี้งั้นเหรอ?”
  ”ดูสิ่งที่พวกเขาทำกับพวกฉันที่มารออยู่สามวัน?ฉันต่อคิวรออยู่ที่นี้มาสามวัน! ฉันไม่มีเวลาให้ถอยกลับแล้ว แล้วตอนนี้แกจะมาบอกฉันว่าจะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดเนี่ยนะ!”
  ”พวกฉันไม่ใช่คนเหรอไง?ทำไมทำกันแบบนี้?”
  เสียงทะเลาะต่อว่าคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหล่าผู้รอดชีวิตที่มาเข้าแถวรออยู่เป็นเวลาสองสามวันแล้ว พวกเขาไม่สามารถทนรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันได้ มีหลายคนที่ต่อแถวอยู่ท้ายสุดก็ใช้โอกาสนี้วิ่งแซงเข้ามารวมอัดแน่น
  เหล่าเจ้าหน้าที่เฝ้าประตูค่ายเองก็เป็นคนเมื่อเห็นกลุ่มคนจำนวนมากแห่กรูกันเข้ามาก็หันขวับไปจ้องฮวงชูเจิ้นที่เป็นคนเสนอความคิดอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแข็งกระด้างเอ่ยตำหนิ “ฮวงชูเจิ้น ดูสิ่งที่คุณทำลงไปซะ! ฉันจะพูดตรงนี้เลย ไม่มีใครเข้าเมืองไปได้ก่อนทั้งนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเดิม ใครมาก่อนได้ก่อน!”
  ทันทีที่ประกาศออกมากลุ่มผู้รอดชีวิตที่วิ่งขึ้นมาจากด้านหลังก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
  ”ไอ้ชาติชั่ว!ปล่อยให้กูเข้าไปข้างใน!”
  ”ใช่!พลตรีบอกว่าให้เราเข้าไป พวกมึงมันแค่คนเฝ้าตู้ มีสิทธิอะไร?”
  สถานการณ์กลายเป็นปัญหาสองด้านด้านเป็นการประท้วงของกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ต่อแถวมาเป็นเวลานั้น พวกเขาคัดค้านการไปเริ่มต่อแถวและตรวจสอบประวัติทุกคนใหม่ในเมืองอีกรอบ ส่วนอีกด้านก็ยึดมั่นต่อคำมั่นของฮวงชูเจิ้นที่ให้ทุกคนอพยพเข้าไปด้านในก่อน
  เจ้าหน้าที่ประตูค่ายทุกคนก็กำลังร้อนรนมือทั้งสองข้างอดไม่ได้ที่จะจับปืนที่เอวตัวเองเอาไว้อย่างเตรียมพร้อม ตอนนี้พวกเขาแทบจะระเบิดอยู่แล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือใช้มาตราการขั้นเด็ดขาด