ส่วนที่ 2 ภาคถนนสายนี้ไม่มีผู้มาก่อน ตอนที่ 128 ยังคงเป็นภูเขาในฤดูใบไม้ร่วงลูกนั้น (ตอนกลาง)

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

แน่นอนว่าตระกูลชิวซานเป็นการดำรงอยู่ที่ยอมเยี่ยมอย่างมากในเทียนหนาน แต่ว่าประมุขของตระกูลชิวซานในรุ่นนี้กลับไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ไม่ว่าจะเป็นระดับขั้นในการบำเพ็ญเพียร ความรู้ หรือฝีมือก็ล้วนธรรมดา ในต้าลู่ถึงขนาดมีการพูดกันว่า พรสวรรค์ทั้งหมดของตระกูลชิวซานได้มาตกอยู่ที่ร่างของชิวซานจวินเพียงผู้เดียว ขนาดบิดาของเขาก็ยังธรรมดาถึงเพียงนี้

ดูเหมือนว่าการวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้จะยังเกิดขึ้นในต้าโจวจิงตูด้วย ถึงแม้จวนขุนพลเทพตงอวี้ของตระกูลสวีจะได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ตำแหน่งทางการทหารในต้าโจวก็สูงส่ง แต่ใครก็รู้ นั่นเป็นเพราะเขาให้กำเนิดบุตรสาวที่ดี เทียบกับบุตรสาวของเขาอย่างสวีโหย่วหรงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ในเรื่องพิชัยสงครามหรือสติปัญญา สวีซื่อจีก็ถูกบดบังเสียจนมืดคล้ำไร้แสง

ผู้คนมากมายล้วนไม่เข้าใจ สวีซื่อจีกับตระกูลชิวซานอาศัยอะไรถึงสามารถให้กำเนิดสวีโหย่วหรงกับชิวซานจวินได้ แต่นี่ก็เป็นความจริง ก็เหมือนกับในเวลานี้ คำพูดของประมุขตระกูลชิวซานก็มีน้ำหนักมากกว่าคำพูดของเสี่ยวซงกง…เพราะว่าเขาคือบิดาของชิวซานจวิน

ที่เขาหลีซาน ชิวซานจวินเป็นบุคคลที่พิเศษที่สุดผู้หนึ่ง ขนาดที่ว่าสามารถพูดได้ว่าเป็นสิ่งผิดปกติอย่างหนึ่ง ในบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถยกมาเทียบกับอาจารย์ปู่เล็กได้ ต่อให้ระดับของเขาในตอนนี้จะยังห่างไกลจากซูหลีอยู่มาก ทว่าแม้แต่ในบางมุมของหัวหน้าพรรคก็ยังเทียบไม่ได้กับบารมีของชิวซานจวิน

ตั้งแต่หัวหน้าพรรคไปจนถึงศิษย์ที่ธรรมดาที่สุด ไม่มีใครที่ไม่ชอบชิวซานจวิน ตั้งแต่อาวุโสโถงบทบัญญัติผู้สำรวมในการวางตัวไปจนถึงกวนเฟยไป๋ที่อารมณ์รุนแรงและเย็นชาที่สุด รวมไปถึงทาสเผ่าปีศาจที่ถูกลงโทษให้ไปกวาดใบไม้ที่หลังเขาถึงสี่สิบปี ทั้งหมดเมื่อได้เห็นชิวซานจวินก็ล้วนเผยรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดออกมา และมอบความหวังดีที่มากที่สุดให้

ความหวังดีกับความชอบใดๆ ล้วนอยู่คู่กัน ในช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ชิวซานจวินใช้ชีวิตอยู่ที่เขาหลีซาน ได้มอบความหวังดีและความชอบที่มากพอให้แก่ทุกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ และที่เรียกว่าบารมี ก็เป็นเหมือนธารน้ำหมื่นสายรวมเป็นแม่น้ำ นี่เป็นสิ่งที่ได้มาจากการที่ชิวซานจวินสร้างคุณูปการให้แก่เขาหลีซานนับสิบกว่าปี พูดง่ายๆ ก็คือ เขาเคยหลั่งเลือดเพื่อเขาหลีซาน เคยหลั่งเลือดไปหลายครั้ง

ดังนั้นในตอนที่ประมุขตระกูลชิวซานพูดขึ้นมา ทั่วทั้งเขาหลีซานถึงได้เงียบและตั้งใจฟัง

เพียงแต่ในตอนนี้ไม่มีคนรู้ว่าคนหนุ่มที่นอนไม่ได้สติมานับสิบวันบนเตียงผู้นั้น นิ้วชี้ของมือขวาที่ห้อยอยู่ตรงข้างเตียงได้ขยับขึ้นน้อยๆ

“แต่เดิมนี่ก็เป็นเรื่องภายในของพรรคกระบี่เขาหลีซาน ตามหลักแล้ว ตระกูลชิวซานของข้าไม่มีสิทธิ์พูดอะไร”

ประมุขตระกูลชิวซานมองไปที่หัวหน้าพรรค และมองไปยังศิษย์นับสิบของเขาหลีซานที่อยู่หน้าถ้ำพำนักนั่น พลางพูดขึ้น “แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ท่านซูหลีกับชีเจียนต้องสงสัยว่าจะร่วมมือกับเผ่ามาร ภายในสวนโจวได้เกิดการหลั่งเลือดมากมาย บุตรของข้า ชิวซานเองก็เป็นเพราะเผ่ามารลอบเข้าไปในขณะเปิดสวนโจว จึงใช้เลือดไปจนสิ้น ในยามนี้ยังคงไม่ได้สติ ไม่รู้เป็นหรือตาย…ข้าว่า ในฐานะบิดาของเขา ข้ามีสิทธิ์เป็นตัวแทนเขา ร้องขอให้ทุกท่านในพรรคกระบี่เขาหลีซานทำอะไรบางอย่าง”

คำพูดนี้เป็นการพูดต่อหัวหน้าพรรคไปจนถึงศิษย์นับสิบคนนั้น และก็เป็นการพูดกับเหล่าศิษย์บนยอดเขาต่างๆ ของเขาหลีซาน

สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนได้มาหยุดอยู่ที่ประตูหินของถ้ำพำนักที่ปิดสนิท มีความเป็นห่วงและกังวล ในใจของเหล่าศิษย์เขาหลีซานคิด ถ้าหากเป็นจริงอย่างที่ผู้อาวุโสเสี่ยวซงกงพูด ทั้งหมดนี้เป็นแผนร้ายของเผ่ามาร ศิษย์พี่เหลียงเสี้ยวเซียวได้ตายไปแล้ว หรือว่าศิษย์พี่ใหญ่ก็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตเพราะเหตุนี้ หรือว่าอาจารย์ปู่เล็กจะมองเขาหลีซานเป็นสมบัติส่วนตัวจริงๆ และตัดสินใจจะมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้กับชีเจียนไม่มอบให้ศิษย์พี่ใหญ่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร! ถ้าหากเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริง แน่นอนว่าความโกรธแค้นของตระกูลชิวซานก็สามารถเข้าใจได้

ยอดเขาต่างๆ เงียบลงอย่างกะทันหัน สีหน้าของไป๋ไช่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย รู้ว่านี่แสดงถึงสัญญาณที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าจิตใจของคนเริ่มสั่นคลอน แต่ถึงจะเป็นเขาเอง ก็ไม่อาจจะพูดอะไรกับเรื่องนี้ได้ เพราะว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนที่ไร้ความผิดที่สุด จนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่ได้สติอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่

ศิษย์นับสิบคนที่อยู่หน้าถ้ำพำนักนั้นมองไปยังหัวหน้าพรรค สีหน้าก็มีความซับซ้อนอยู่บ้าง

เสี่ยวซงกงมองไปที่หัวหน้าพรรค และเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “มอบค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่มา”

ผู้อาวุโสโถงบทบัญญัติพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวดั่งเหล็กกล้า “รบกวนศิษย์พี่หัวหน้าพรรคช่วยส่งตัวนางมารชีเจียนออกมา”

ผู้อาวุโสเจียงแห่งพรรคฉางเซิงนิ่งเงียบไม่พูดจา

ตระกูลชิวซานพูดขึ้นอย่างสงบ “ข้าเพียงแค่ต้องการคำอธิบาย”

ก่อนหน้าแต่ละคำของหัวหน้าพรรคเป็นดั่งกระบี่ ในเวลานี้ ควรจะเป็นเขาที่ต้องรับห่าฝนกระบี่แล้ว

คำพูดที่กดดันบีบคั้นเหล่านี้ ใบหน้าของเหล่าศิษย์นับสิบคนที่อยู่ด้านหลังได้เผยความลังเลออกมา ยอดเขาต่างๆ นิ่งเงียบ ล้วนเป็นกระบี่ อาศัยจดหมายของเหลียงเสี้ยวเซียว อาศัยชื่อของชิวซาน หมื่นกระบี่หวนคืน สับเปลี่ยนยุคสมัย พรรคฉางเซิงกลับมาปกครองเทียนหนาน ตระกูลชิวซานมุ่งหน้าขึ้นเหนือ เหนือใต้ร่วมมือ แผ่นดินประสานรวมเป็นหนึ่ง…นี่ช่างเป็นภาพที่งดงามยอดเยี่ยมภาพหนึ่งจริงๆ!

หัวหน้าพรรคคิดถึงภาพเหล่านี้ และเผยรอยยิ้มที่แข็งกระด้างออกมา

เสี่ยวซงกงไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาครุ่นคิดมากนัก มองดูศิษย์เขาหลีซานนับสิบคนที่อยู่หน้าถ้ำพำนัก และตวาดขึ้นอย่างแรง “ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าก็ถูกแผนการร้ายของเผ่ามารทำร้าย! เพื่อให้เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรในสวนโจวสามารถออกมาได้ เขาไม่เสียดายที่จะสละเลือดของตนเพื่อเปิดสวนโจวขึ้นอีกครั้ง จนร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเรื่องนี้ และสลบไม่ได้สติ หรือพวกเจ้าจะทำเรื่องที่ศัตรูมีความสุข แต่คนที่รักต้องเจ็บปวด ยังไม่รีบวางกระบี่ในมือลงอีก! ไม่เช่นนั้นหลังจากที่ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าตื่นขึ้นมา ได้เห็นยอดเขาหลักของเขาหลีซานหลั่งเลือดเป็นแม่น้ำ เหล่าศิษย์ฆ่าแกงกันเอง เช่นนั้นแล้วจะเจ็บปวดใจขนาดไหน!”

คำพูดเหล่านี้ของเขาใช้ปราณแท้อย่างเต็มที่ ราวกับเป็นกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน ถึงแม้จะถูกแสงกระบี่นับสิบสายที่ปกป้องถ้ำพำนักลดถอนพลังไปมากแล้วก็ตาม แต่เจตจำนงอันแหลมคมที่อยู่ในคำพูดกลับยังคงหลงเหลืออยู่ สีหน้าของศิษย์เขาหลีซานยิ่งดูดิ้นรนขึ้นเรื่อยๆ มีบางคนที่จิตใต้สำนึกสั่งให้ปักกระบี่ลงไป มีคนจำนวนมากยิ่งกว่าที่มองไปยังหัวหน้าพรรค ลังเล และรอคอยการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของหัวหน้าพรรค

มองดูภาพเหตุการณ์นี้ ในใจของเสี่ยวซงกงแอบด่าทออยู่หลายคำ เขากัดฟันและใช้ลูกเล่นสุดท้ายออกมา ส่งเสียงพูดไปยังยอดเขาต่างๆ ของเขาหลีซาน “วันนี้ข้าฝ่าฝืนกฎสำนัก บุกรุกยอดเขาหลัก ไม่เคารพต่อหัวหน้าพรรค ขอเพียงหัวหน้าพรรคยอมสละตำแหน่งหัวหน้าพรรค มอบตัวนางมารชีเจียนออกมา ข้าจะไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคห้าปี เพื่อยืนยันว่าข้าไม่ได้มีใจละโมบในอำนาจ! และจะขอรับโทษด้วยตัวเอง!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา บนยอดเขาต่างฮือฮาขึ้นมา ถึงแม้จะเป็นศิษย์เขาหลีซานที่โกรธแค้นกับการกระทำของเสี่ยวซงกงในวันนี้ที่สุดเหล่านั้นก็ต้องยอมรับ เงื่อนไขข้อนี้ได้พิสูจน์ถึงความจริงใจที่มากพอแล้ว

ผู้อาวุโสพรรคฉางเซิงถามขึ้น “เช่นนั้นตำแหน่งหัวหน้าพรรค…ควรมอบให้ใคร”

เสี่ยวซงกงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งถึงได้พูดขึ้น “คิดว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลกระบี่จะต้องมีความคิดเป็นแน่ แต่ถ้าหากอิงตามที่ข้าพูด ก็ยังเป็น…ชิวซาน”

ผู้อาวุโสพรรคฉางเซิงยิ้มน้อยๆ แล้วพูดขึ้น “อายุน้อยเกินไปหรือเปล่า”

เสี่ยวซงกงไม่พูดอะไรอีก

ประมุขตระกูลชิวซานยังคงไม่พูดจา เพียงแค่มีรอยยิ้มบางๆ

ศิษย์นับสิบคนที่อยู่หน้าถ้ำพำนักมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ไป๋ไช่เดินมาอยู่ที่ด้านข้างหัวหน้าพรรค เขาถือกระบี่ และรู้สึกอึดอัดใจอยู่ แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

ข้อเสนอนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาเดียวที่ทุกคนในเขาหลีซานจะสามารถยอมรับได้

อย่างน้อย ก็สามารถหลีกเลี่ยงความวุ่นวายภายในของเขาหลีซานได้ ในท้ายที่สุดอาจจะไม่พัฒนาไปจนถึงขั้นที่ไม่อาจจัดการได้

ทำไมเสี่ยวซงกงถึงยอมจ่ายค่าตอบแทนที่มากมายเพียงนี้ หัวหน้าพรรคมองไปที่เสี่ยวซงกงอย่างเงียบงัน และสังเกตเห็นว่าระหว่างเสี่ยวซงกงกับประมุขตระกูลชิวซานมีการส่งสายตากันแวบหนึ่ง ถึงได้เข้าใจขึ้นมา…ได้เห็นว่าจะได้นั่งบนตำแหน่งหัวหน้าพรรคของพรรคกระบี่เขาหลีซานที่ฝันอยากจะได้มาโดยตลอดแต่กลับยอมปล่อยมือไป อีกทั้งยังจะไปอยู่ที่หลังเขาเพื่อบำเพ็ญเพียรชดใช้ความผิด ภายหลังตระกูลชิวซานกับพรรคฉางเซิงจะต้องให้การชดเชยที่มากพอเป็นแน่

เพียงแต่ นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ทุกคนในเขาหลีซานล้วนยอมรับจริงๆ หรือ

ยอดเขาเขาหลีซานเงียบเป็นเป่าสาก ทุกคนล้วนรอการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของหัวหน้าพรรค

ก็เป็นในเวลานี้เอง เสียงเสียงหนึ่งได้ดังออกมาจากภายในถ้ำพำนัก

เสียงนั้นอ่อนแรงอย่างมาก แต่กลับยังคงชัดเจนอยู่

ก็เหมือนกับท้องฟ้าที่ถูกเมฆดำบดบังเป็นเวลายาวนาน ขอเพียงเมฆสลาย ก็ยังคงมีสีครามดังเดิม

“ข้าไม่ยอมรับ”