TQF:บทที่ 512 เดินทางด้วยกัน กำจัดผู้ฝึกตนวิถีมาร (1)

2 หนุ่มหล่อเยาว์วัยต่อสู้กันนี่เป็นอาหารตาชั้นเลิศจริงๆ

รูปร่างเพรียวบาง ท่าทางพลิ้วไหว บารมีแรงกล้า การขยับตัวแต่ละครั้งก็สร้างความสุนทรีแก่การมอง

เหล่าทหารยามและสาวใช้ที่ดูอยู่ไกลๆต่างมีท่าทีเคลิ้มฝัน ลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน

ตู้มม

ภายใต้สายตาของทุกคน เฉิงเจิ้งหยวนกระเด็นไปด้วยพลังฝ่ามือ ร่างของอีกคนที่เป็นคนเขวี้ยงเขาออกไปพุ่งไปรับตัวเขาไว้อย่างรวดเร็ว

จะผลักออกไปหรือจะช่วยไว้ก็เกิดขึ้นด้วยกันในพริบตา โม่ซวนซุนขยับร่างกายอย่างสง่า

“พี่เขย ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านเลย” เฉิงเจิ้งหยวนเอ่ยอย่างเจ็บใจ

โม่ซวนซุนหัวเราะพลางตบบ่าเขาเบาๆ “เจิ้งหยวน อายุเจ้ายังน้อย ยังไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริงเท่าไหร่ เจ้าต้องฝึกฝนตัวเองให้มาก รอให้เจ้าอายุเท่าข้าแล้วก็ไม่ด้อยกว่าข้าหรอก”

“อื้ม ข้ารู้ ข้าไม่เคยผ่านการสู้รบแบบเอาเป็นเอาตายมาก่อน ประมือกับคนกันเองไม่มีประโยชน์เท่าไหร่หรอก” เฉิงเจิ้งหยวนรู้เรื่องของตัวเองดี เขาหัวตกลง

“เอาหน่า เจ้าก็ไม่ต้องท้อแท้ไปหรอก วันหลังเจ้ายังมีโอกาส แต่ครั้งนี้ไม่ได้ คนที่พวกเราต้องเจอน่ะมีแต่ตัวประหลาดทั้งนั้น ต่อหน้าพวกเขาแม้แต่ข้ายังไม่กล้าประมาท ด้วยระดับวิทยายุทธและประสบการณ์ของเจ้าไม่เหมาะจะไปเมืองโลกทมิฬจริงๆ”

“ข้ารู้”

เฉิงเจิ้งหยวนตอบเซ็งๆ เมื่อกี้เขาลำบากมากกว่าจะกันได้ 7 ท่า ครั้งนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะได้ไป เขาคาดหวังไว้เยอะก็ต้องผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา

คนเราต้องรู้จักเติบโต และต้องเผชิญได้กับทุกๆอย่าง โม่ซวนซุนไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ตบบ่าเขาแล้วก็เดินจากไป

วันที่ 10 มาถึงแล้ว พวกตาเฒ่าที่ได้อยู่บ้านตอนนี้ถูกเรียกใช้ให้ไปออกรบหมด นอกจากชุดแรกที่ไป ที่เหลืออยู่มีแต่สัตว์วิญญาณ พวกเขาเพิ่งจะออกเดินทางกันในวันนี้

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุนไม่ได้ไปกันคนชุดนี้ พวกเขายังคงกินอาหารเช้าอย่างสบายๆ ราวกับไม่ได้มีแผนจะไปด้วย

ไม่นานนักพวกเขาก็กินอาหารเช้าเสร็จ ทั้ง 2 จับมือกันเข้าไปที่สวนของอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์

เห็นการมาของทั้ง 2 อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์คลี่ยิ้ม “พวกเจ้าเตรียมจะออกเดินทางตอนไหน”

“อาจารย์ปู่ ไม่รีบ….”

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มอ่อนโยน “พวกตาเฒ่าเป็นฝูงเลย เชื่อว่าพวกเขาจะจัดการกันได้ พวกเราไปสมทบช้าหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก”

“อาจารย์ปู่ เสี่ยวเสี่ยวหมายความว่าเราเป็นฝ่ายช่วยเหลือ ถ้าตาเฒ่าพวกนั้นต้านไม่ไหวแล้วพวกเราค่อยปรากฏตัว ตอนนี้ยังแค่เริ่มต้น พวกเราไม่รีบไปในตอนนี้” โม่ซวนซุนพูดต่อ

“ตามใจพวกเจ้า”

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ไม่ได้ใส่ใจนัก ขมวดคิ้วมองไปที่ทั้ง 2 พลางเอ่ย “ผลลัพธ์ของศึกนี้คงไม่แย่มาก แต่ว่าพวกเจ้า….”

“อาจารย์ปู่ พวกเราทำไมหรือ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างไม่เข้าใจ

โม่ซวนซุนก็มองเขาด้วยสีหน้าสงสัย

“ไม่มีอะไร แค่มองพวกเจ้าไม่ออกเท่านั้นเอง พวกเจ้าต้องระวังตัวกันด้วยนะ อย่าไปดูถูกคนของเมืองโลกทมิฬ”

“อาจารย์ปู่ พวกเราไม่ดูถูกพวกเขาหรอก” ใจของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวกระตุกเล็กน้อย ยิ้มอ่อนๆ

โม่ซวนซุนกล่าวอย่างมั่นใจ “อาจารย์ปู่ คนที่จะทำอะไรพวกเราได้จริงๆน่ะมีไม่เยอะหรอก คาถาใจของข้ากับเสี่ยวเสี่ยวเป็นปรปักษ์กับผู้ฝึกตนวิถีมาร พวกเราระมัดระวังหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”

“เสี่ยวเสี่ยว เดี๋ยวข้าจะเข้ามิติ” อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์มองพวกเขาก่อนจะเอ่ยคำขอของตัวเอง

“ได้ ไม่มีปัญหา”

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์มักจะเข้าไปอยู่ในมิติเป็นเวลา 10 วันหรือบางทีก็ครึ่งเดือน สำหรับคำขอของเขาเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้แปลกใจอะไร

โม่ซวนซุนกลับมองเขาราวกับนึกอะไรขึ้นได้

1 วันให้หลัง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุนต่างคนต่างเรียกกระเรียนวิเศษมา และนั่งมันเดินทางออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวน

ส่วนเหล่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่มารวมตัวกันที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น ราวกับกำลังรออะไรอยู่

รอจนพวกเขามาถึงของอาณาจักรเฟิงหลิง ไม่มีประชาชนอยู่เลยสักคน ที่เหลืออยู่ล้วนเป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ ดินเหลืองและไอดำคละคลุ้งไปทั่ว พลังมารพุ่งขึ้นสู่ฟ้าอยู่ไกลลิบ ขณะเดียวกันก็มีผู้อาวุโสจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนใช้คาถาใจบริสุทธิ์ลบล้างพลังมารนั้น เห็นได้ว่าการต่อสู้นี้เริ่มขึ้นได้สักพักแล้ว

ตู้มม….ขช

เสียงดังสนั่นดังมา ทั้ง 2 ที่ลอยตัวอยู่ในอากาศมองไปตามเสียง ได้ว่าบนยอดเขาไกลๆมีคนอยู่หลายคน ดูจากบรรยากาศตรงนั้นแล้วน่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างจักพรรดิ์เทพยุทธ์ บางคนในนั้นแค่ยืนมอง และก็พร้อมจะเข้าสมทบ

“เสี่ยวเสี่ยว เราไปดูกันหน่อยมั้ย” โม่ซวนซุนถาม

“ไม่รีบ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า มองไปยังท่าทางสะท้านพิภพของพวกเขา เอ่ยต่อ “ท่าทางจะยังไม่ได้สู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย เดี๋ยวเราค่อยไปก็ไม่สาย”

“นั่นมันก็จริง”

โม่ซวนซุนที่อยู่บนจุดสูงสุดย่อมมองออกถึงสถานการณ์การต่อสู้ของพวกเขา แม้จะเรียกว่าอันตรายได้ แต่ยังไม่ถึงนาทีเป็นนาทีตาย
—————————————