ความแข็งแกร่งของหลัวฉีฉี

เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันหนักหน่วงจากลูกทรงกลมที่หมุนติ้วอยู่ตรงหน้า หนานกงหยวนเฟิงถามอย่างหวาดระแวง “คุณเป็นใคร?”

สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูจะไม่ได้มีระดับวรยุทธสูงนัก แต่ลูกทรงกลมที่หมุนติ้วอยู่ตรงหน้าเธอนั้นมีรังสีกระหายเลือด เขารู้สึกว่าลูกทรงกลมนั้นสามารถควบคุมมิติได้

หากจะพูดกันตามเหตุผล สาวน้อยไม่น่าจะควบคุมลูกทรงกลมนั้นได้เมื่อดูจากระดับวรยุทธที่จำกัดของเธอ แต่เพราะเหตุผลอะไรสักอย่าง ลูกทรงกลมนั้นดูเหมือนจะกลมกลืนและเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบกับตัวเธอ ราวกับทั้งคู่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว

เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าไม่ควรประเมินสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าต่ำเกินไป

เมื่อความคิดหนึ่งแวบเข้ามา โม่เอ๋ออุทาน “ท่านอาจารย์ เธออาจจะเป็นองค์หญิงน้อยแห่งตระกูลหลัวก็ได้!”

“องค์หญิงน้อย? คุณคือหลัวหยู่ชิงหรือ?” หนานกงหยวนเฟิงกำหมัดแน่น

เขาได้ยินมาว่าตระกูลหลัวมีองค์หญิงน้อยผู้ปราดเปรื่องมากอยู่คนหนึ่ง แต่เนื่องจากไม่เคยพบเธอมาก่อน จึงคิดว่าอาจเป็นแค่ข่าวลือ ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะมาขวางทางพวกเขาไว้แบบนี้? เธอคิดว่าตัวเองจะยับยั้งพวกเขาได้ด้วยพละกำลังที่มีอยู่หรือ?

“หลัวหยู่ชิง? คุณอาจจะพูดถูก แต่นับจากวันนี้ไป ฉันชื่อ…หลัวฉีฉี!” สาวน้อยตอบ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชื่อจริงของเธอคือหลัวหยู่ชิง หลัวฉีฉีเป็นเพียงอีกชื่อหนึ่งที่เธอคิดขึ้นได้หลังจากที่สูญเสียความทรงจำระหว่างการปกปิดวรยุทธของตัวเอง

“ไม่ว่าคุณจะชื่ออะไรก็เถอะ เรื่องราวของพวกเรากับตระกูลหลัวก็คลี่คลายแล้ว พวกเราต่างยอมแพ้และได้ชดใช้ให้ตระกูลหลัวด้วยของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ทราบว่าคุณหมายความว่าอย่างไรที่มายับยั้งพวกเราไว้ที่นี่?” หนานกงหยวนเฟิงตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“ฉันหมายความว่าอย่างไร?” หลัวฉีฉีเลิกคิ้ว “เลิกเสียเวลาเสียที แล้วมาจัดการให้เสร็จสิ้นไปเถอะ!”

“จัดการให้เสร็จสิ้น?” หนานกงหยวนเฟิงชะงัก

“ถ้าคุณไม่เริ่มโจมตีล่ะก็ ฉันจะเริ่มก่อนนะ!” หลัวฉีฉีคำราม

ลูกทรงกลมที่อยู่ตรงหน้าเธอส่งเสียงหึ่งเบาๆ ในชั่วพริบตา ร่างของเธอก็ปรากฏตรงหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง

พลั่ก!

เลือดกระอักออกจากปากของชายหนุ่มที่ถูกโจมตี เขาล้มลงไปกระแทกพื้น ยังไม่ทันที่ใครจะได้ตอบโต้ หนึ่งคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว และเท่าที่เห็น เขาคงต้องล้มหมอนนอนเสื่อไปอีกอย่างน้อย 3 ถึง 4 เดือน

“บังอาจ!”

นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยจะโจมตีพวกเขาอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มอีก 3 คนที่เหลือหน้าตาเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ต่างคนพากันพุ่งเข้าใส่เพื่อเอาชนะเธอให้ได้

พละกำลังมหาศาลระเบิดออกจากร่างของพวกเขาขณะที่รังสีอันทรงพลังพุ่งขึ้นสู่สวรรค์ ในชั่วพริบตา การโจมตีของทั้งสามก็ตรงเข้าใส่สาวน้อย

แม้จะเห็นลูกศิษย์ทั้งสามสำแดงกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาออกมาพร้อมๆกัน หนานกงหยวนเฟิงก็ยังไม่สบายใจ เขาหรี่ตาด้วยความพรั่นพรึงขณะตวาดลั่นอย่างร้อนรน “อย่านะ!”

แต่ก็สายไปเสียแล้ว

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

เกิดเสียงกระแทกติดต่อกันสามครั้ง ร่างของชายหนุ่มทั้ง 3 ล้มระเนระนาดก่อนที่จะทันได้รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เหมือนกับชายหนุ่มคนแรก พวกเขาถูกซ้อมจนร่างกระแทกพื้นอย่างแรง ทั้งสลบไปและได้รับบาดเจ็บสาหัส เท่าที่ดูจากความบอบช้ำที่ได้รับ คงต้องรักษาเยียวยากันหลายเดือนกว่าที่ร่างกายของพวกเขาจะใช้การได้อีกครั้ง

“คุณ…” หนานกงหยวนเฟิงโมโหจนแทบระเบิด เจตนาสังหารเย็นเยียบวาววับอยู่ในดวงตาของเขา เขาจ้องหน้าสาวน้อยและคำราม “คุณทำแบบนี้…ต้องการอะไร?”

“ก็อย่างที่ฉันพูดไปแล้ว เราอย่ามัวเสียเวลาเลย สำแดงกระบวนท่าของคุณออกมา!” สาวน้อยคร้านจะอธิบายกับหนานกงหยวนเฟิง

เธอย่างสามขุมเข้าใส่เขาด้วยสีหน้าเยือกเย็น

การเคลื่อนไหวของเธอไม่ได้ว่องไวนัก ดูเหมือนกับการเดินเล่นตามสบายอยู่ในสวนที่ไหนสักแห่ง แต่ทุกย่างก้าวของเธอกลับครอบคลุมระยะทางหลายร้อยเมตร ยังไม่ทันที่หนานกงหยวนเฟิงจะรู้ตัว อีกฝ่ายก็มายืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

เมื่อรู้แล้วว่าความเข้าใจเรื่องกฎเกณฑ์แห่งมิติของเธอเหนือชั้นกว่าเขามาก หนานกงหยวนเฟิงขนลุกขนชันไปหมด เขารู้ว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก จึงรีบขับเคลื่อนพละกำลังจนเต็มพิกัด ก่อเกิดเป็นรังสีแผดกล้าราวกับมังกรผู้ไร้เทียมทาน

สมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และทายาทของนักปราชญ์โบราณจื่อร่ง ตอนที่หนานกงหยวนเฟิงดวลกับจางเซวียน เขาจำเป็นต้องลดระดับวรยุทธ จึงไม่สามารถใช้เทคนิคการต่อสู้บางเทคนิคได้ แต่เมื่อเขาปลุกพละกำลังเต็มพิกัดของตัวเองขึ้นมา ก็ให้ความรู้สึกราวกับว่ามิติทั้งหมดสั่นสะท้านภายใต้การควบคุมของเขา แสงสว่างของโลกนี้หายวับไป พื้นที่โดยรอบตกอยู่ในความมืดที่คุกรุ่นด้วยความหวาดระแวง

ไม่เพียงเท่านั้น บรรยากาศรอบตัวพวกเขายังดูเหมือนถูกดูดออกไปจนหมด เกิดเป็นพื้นที่สุญญากาศระหว่างเขากับหลัวฉีฉี

“สกัดกั้น!”

สีหน้าของหลัวฉีฉีไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เธอยกนิ้วขึ้นและเคาะพื้นที่ที่อยู่เหนือตัวเธอ

ฟึ่บ!

พละกำลังที่กำลังพุ่งพรวดของหนานกงหยวนเฟิงหยุดกึกทันที การโจมตีจากฝ่ามือของเขาก็แข็งทื่ออยู่กลางอากาศ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก

จากนั้น หลัวฉีฉีก็กระดิกนิ้วเบาๆ

พลั่ก!

หนานกงหยวนเฟิงถูกสอยกระเด็นไปไกล เลือดสีแดงก่ำกระอักออกจากปากของเขาไม่หยุด การเสียเลือดมากทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด มองแวบเดียวก็เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงจะไม่สาหัสเท่าลูกศิษย์ของเขา แต่เพียงเท่านั้น หนานกงหยวนเฟิงก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายวันแล้ว

ความหวาดกลัวฉายชัดอยู่ในดวงตา หนานกงหยวนเฟิงเฝ้ามองสาวน้อยเดินจากไปช้าๆพร้อมกับหายใจหอบ ความงดงามอันโดดเด่นและเสื้อคลุมที่โบกสะบัดทำให้เธอดูเหมือนเทพธิดาที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ แต่หลังจากได้เห็นพละกำลังอันน่าสะพรึงของเธอแล้ว ก็ไม่อาจมองเธอเป็นอย่างอื่นได้อีกนอกจากปีศาจร้าย

แล้วจู่ๆสาวน้อยก็หยุดชะงัก

เธอพูดโดยไม่ได้หันกลับมามอง “ตระกูลหลัวอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เทียบชั้นกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้ แต่ก็ไม่ใช่กลุ่มอำนาจที่ใครจะเข้ามารังแกได้เหมือนกัน ถ้าคุณยังคิดจะท้าทายตระกูลหลัวอีกล่ะก็ รู้ไว้เสียเลยว่าคุณคือศัตรูของฉัน!”

หลังจากพูดจบ เธอก็ฉีกกระชากมิติและก้าวเข้าไปในรอยแยกแห่งมิติ จากนั้นก็หายวับไป

“ช่างมีพละกำลังที่น่าสะพรึงอะไรขนาดนั้น! มีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ด้วยหรือ?” เมื่อร่างของสาวน้อยหายไปแล้ว หนานกงหยวนเฟิงถึงได้สติขึ้นมาและหายใจหอบด้วยความหวาดกลัว

เขารีบเข้าไปป้อนยาให้ลูกศิษย์แต่ละคน

เป็นความจริงที่ว่าปรมาจารย์ขงเป็นผู้ก่อตั้งสภาปรมาจารย์ที่ตั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ถึงที่สุดแล้ว มรดกตกทอดที่สภาปรมาจารย์ได้รับจากปรมาจารย์ขงก็ยังอ่อนด้อยกว่ามรดกตกทอดที่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้รับ เพราะ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์เต็มไปด้วยศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ขง

ในอีกแง่หนึ่ง เรื่องนี้ก็เหมือนกับความสัมพันธ์ระหว่างจางเซวียนกับศิษย์สายตรงของเขาเมื่อเปรียบเทียบกับแก๊งชวนชวน

เมื่อมีเรื่องการเปิดวิหารแห่งขงจื๊อเข้ามาเกี่ยวข้อง 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะหวนคืนสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์เพื่อเข้ายึดครองของล้ำค่าที่ทวีปแห่งปรมาจารย์มีอยู่ พวกเขาคิดว่าตัวเองคงจะสามารถโค่นกลุ่มอำนาจหลักๆของทวีปแห่งปรมาจารย์และบีบบังคับให้กลุ่มอำนาจเหล่านั้นยอมจำนนได้อย่างง่ายดาย แต่ใครจะไปคิดว่าแม้เพียงตระกูลหลัวตระกูลเดียวก็มีประสิทธิภาพการต่อสู้น่าสะพรึงขนาดนี้!

ที่สำคัญกว่านั้น…สาวน้อยดูจะมีอายุราว 20 ปีเท่านั้นเอง!

มีพละกำลังแข็งแกร่งทั้งที่อายุเพียงเท่านี้ ความปราดเปรื่องของเธอคงจะเทียบได้กับเหล่าปีศาจของสำนักขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่

“หลัวเทียนหยากับหลัวฉีฉี…ทวีปแห่งปรมาจารย์ไม่ได้อ่อนด้อยอย่างที่เราคิดไว้เลย…” หนานกงหยวนเฟิงตั้งข้อสังเกตอย่างเคร่งเครียด

…..

“ท่านอาจารย์ เราจะทำอย่างไรต่อ?”

ราวครึ่งวันให้หลัง ลูกศิษย์คนหนึ่งของหนานกงหยวนเฟิงก็ฟื้นคืนพละกำลังมากพอที่จะพูดจาได้ “เราจะยังมุ่งหน้าไปตระกูลจางอยู่ไหม?”

“ถึงอย่างไรเราก็ต้องไปที่นั่นอยู่ดี แต่ด้วยสภาพของพวกเราตอนนี้ ยังทำไม่ได้หรอก!” หนานกงหยวนเฟิงขมวดคิ้ว

พวกเขาต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการฟื้นฟูตัวเองให้กลับคืนสู่ภาวะแข็งแกร่งสูงสุด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าพวกเขาจะได้เครื่องรางฟ้าประทานในตำนานจากตระกูลจาง อีกอย่าง ทุกคนก็ไม่อาจมองข้ามข่าวลือที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับทายาทน้อยของตระกูลจางได้อีก โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เผชิญหน้ากับพละกำลังมหาศาลขององค์หญิงน้อยแห่งตระกูลหลัวแล้ว

ข่าวลือก็อาจเป็นแค่ข่าวลือ แต่ในเมื่อข่าวลือเรื่องพละกำลังอันน่าเหลือเชื่อขององค์หญิงน้อยเป็นความจริง ข่าวลือเรื่องทายาทน้อยก็คงจะเป็นความจริงเช่นกัน!

“ถ้าอย่างนั้น ท่านอาจารย์คิดจะทำอย่างไร?” ชายหนุ่มตั้งคำถามต่อ

“ส่งข้อความไปหาอาจารย์เจินชิง เขาอยากแข่งขันกับผมอยู่ไม่ใช่หรือ? ให้เขาออกตัวก่อนเลย แล้วพวกเราจะคอยเฝ้าดูสถานการณ์ ถ้าเราได้รู้ว่าตระกูลจางมีไม้ตายอะไร โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้น เราล้มเหลวในการยึดครองเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานของตระกูลหลัวแล้ว เพราะฉะนั้นจะล้มเหลวกับตระกูลจางอีกไม่ได้!” หนานกงหยวนเฟิงคำราม

ได้ยินคำนั้น ชายหนุ่มรีบพยักหน้าและนำตราหยกสื่อสารของเขาออกมา “ขอรับ ผมจะส่งข้อความหาอาจารย์เจินชิงเดี๋ยวนี้แหละ…”

‘อาจารย์เจินชิง’ ที่ท่านอาจารย์ของเขาพูดถึงมีชื่อเต็มว่าถานไท่เจินชิง, ทายาทของนักปราชญ์โบราณจื้อหยู่

“เอาล่ะ พวกคุณก็รีบเยียวยาตัวเองเสียก่อนที่เจินชิงกับพรรคพวกจะมาถึงนะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงต้องถูกเยาะเย้ยอีก” หนานกงหยวนเฟิงพูดก่อนจะหลับตาและเพ่งสมาธิกับการซึมซับพลังงานจากเม็ดยาเข้าสู่ร่างกายเพื่อรักษาอาการบอบช้ำของเขา

ลูกศิษย์แต่ละคนก็รีบหันกลับไปสนใจการเยียวยาตัวเอง

พวกเขาคิดว่าการเดิมพันครั้งนี้คงจะบีบบังคับตระกูลหลัวให้ยอมแพ้ได้อย่างง่ายดาย แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด

ทวีปแห่งปรมาจารย์เปลี่ยนไปมากจริงๆ

มีมังกรทรงพลังและเสือร้ายซ่อนตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกเขาอาจถูกโค่นล้มได้อย่างง่ายดายหากไม่ระวังตัวให้ดี!