บทที่ 1742 - สังหารยอดยุทธ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1742 – สังหารยอดยุทธ
  สำหรับชิงสุ่ยแล้วเขาไม่มีวันเกรงกลัวผู้ใด แต่ดูเหมือนฝั่งตรงข้ามพยายามที่จะสร้างปัญหาให้กับเขา
  ”ชิงสุ่ยเราจะทำอย่างไรดี?”นายหญิงแห่งพระราชวังสุริยาขมวดคิ้ว
  สุ่ยหยุนเฟิงและมูหยุนชิงเก้อต่างก็ขมวดคิ้วโดยสัญชาตญาณไม่มีใครสามารถรักษาความสงบได้ เมื่อปัญหากำลังตรงเข้ามาหา แต่ก็ยังเป็นโชคดีที่กลุ่มของพวกเขามีแกนหลักที่คอยสนับสนุนอยู่นั่นก็คือชิงสุ่ย
  สำหรับทั้งสามคนปัญหานี้มันใหญ่เกินกว่าจะแก้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องทำตามชิงสุ่ย
  ชิงสุ่ยมองดูคนจากกลุ่มพระราชวังอสูรแดนสมุทรพร้อมปรากฏให้เห็นเป็นรอยยิ้มที่ไร้ความปราณี “ไปกันเถอะ ไปสังหารพวกอวดดีกัน จำไว้ว่าพวกเราไม่ใช่ฝ่ายก่อปัญหา และคนที่เริ่มต้นสงครามคือพวกมัน”
  ไม่มีใครคัดค้านสิ่งที่ชิงสุ่ยพูดอย่างไรก็ตามทุกคนที่เพิ่งได้รับพลังมา ล้วนอยากรู้อยากลอง ลึกๆในใจของทุกคน ทุกคนเปรียบเสมือนนักรบที่เลือดร้อน ชอบความท้าทาย ฉะนั้นการได้ประลองฝีมือกับนักสู้คนใหม่ๆย่อมเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ
  รูปแบบผสานจตุรทิศ!!คลื่นปฐพี!!
  ทุกคนกระจายตัวตั้งค่ายกลโดยมีชิงสุ่ยยืนตำแหน่งหน้าสุด ส่วนหญิงสาวทั้งสองยืนอยู่บนจุดที่โดดเด่นด้านการป้องกัน
  ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากเขาต้องการที่จะต่อสู้กับชายร่างใหญ่ เปรียบเทียบของก่อนหน้านี้ ทุกอย่างตอนนี้ดูง่ายไปหมด ส่วนทางฝั่งของห้องขุมทรัพย์ เจ้าสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ร่างกายใหญ่โตพร้อมพละกำลังมหาศาลกำลังตั้งท่าต้องการเข้ามาร่วมวงการต่อสู้
  หญิงสาวทั้งสองและสุ่ยหยุนเฟิงเปรียบเสมือนสายเลือดชนชั้นสูงแห่งแดนสมุทรทุกคนต่างมีทักษะที่น่าเกรงขาม ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากพี่ทั้งสามจะสามารถกำลังเจ้าอสูรผู้พิทักษ์ตัวนี้
  ชิงสุ่ยยังคงจับตาดูกลุ่มพระราชวังอสูรแดนสมุทรเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าพวกมันแอบลอบโจมตีเขาหรือไม่ มันจะเป็นไปได้จริงๆหรือที่กลุ่มพระราชวังอสูรแดนสมุทร จะยอมปล่อยให้สมบัติที่อยู่ตรงหน้าถูกแย่งชิงไป?
  เขาปลดปล่อยการรับรู้แห่งปราณจิตเพื่อเตือนให้ทุกคนระวัง
  เหยียนสือหยุนยืนมองอยู่ไม่ห่างไกลนัก เขาต้องมองและตรวจสอบกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้ ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินพวกมันต่ำไป
  ”ข้าเปลี่ยนใจแล้วตอนแรกข้าก็ไม่ได้คิดจะสังหารพวกมัน แต่ตอนนี้ข้าคงปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”เหยียนสือหยุนกล่าว
  ”นายน้อยแล้วเราจะทำอย่างไรดีกับหญิงสาว 2 คนนั้น?”
  ”เก็บพวกมันเอาไว้ทุกวันนี้เผ่านาคาและเผ่าเงือกเริ่มหายาก พวกมันยังมีประโยชน์ ฉะนั้นอย่าทำให้มันตาย ส่วนที่เหลือฆ่าทิ้งให้หมดสิ้น”เหยียน สือหยุนกล่าวอย่างเลือดเย็น
  หนึ่งในผู้อาวุโสร่างสูงขณะที่เขาฟังเขาก็ขมวดคิ้ว “การฆ่าพวกมันคงไม่ใช่เรื่องง่าย”
  แม้ว่าเขาอาจจะเป็นผู้อาวุโสแต่จริงๆแล้วเขากลับดูเหมือนชายวัยกลางคน เผ่าอสูรแดนสมุทรมีชีวิตที่ยืนยาวจนน่ากลัว แม้ว่าอายุจะมากกว่า 50 ปีแล้วแต่ยังคงรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์ นี่จะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำไมเหล่าหนุ่มสาวจากเผ่าอื่นๆได้แต่แสดงความอิจฉา
  ”ไม่พวกมันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ ชายหนุ่มผู้นั้น ในอนาคตหากมันยังมีชีวิตรอด มันจะกลายเป็นเสี้ยนหนามที่สำคัญต่อเผ่าของเรา”เหยียน สือหยุนขมวดคิ้วขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
  ชายชราถอนหายใจดูเหมือนเขาจะผิดหวังกับบางสิ่งบางอย่าง
  ”เตรียมพร้อมมุ่งหน้าไปหาพวกมันกัน”
  ”นายน้อยพวกเรารอให้มันสังหารอสูรผู้พิทักษ์ก่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ?”ชายหนุ่มจากเผ่าอสูรแดนสมุทรกล่าวถาม
  ”ตอนนี้พวกมันไม่แสดงกลอุบายทั้งหมดออกมานั่นก็หมายความว่ามันกำลังหวาดระแวงพวกเรา สิ่งที่พวกมันได้ตัดสินใจ คงมั่นใจแล้วว่าการต่อสู้ระหว่างเราและพวกมันจะต้องเกิดขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรออีก เราจะให้สัตว์อสูรเป็นสักขีพยานความแข็งแกร่งของพวกเราเผ่าอสูรแดนสมุทร!!”เหยียน สือหยุนแสดงรอยยิ้มอันน่าสยดสยอง พร้อมปลดปล่อยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
  ในขณะเดียวกันชิงสุ่ยก็เคยเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนจะหายตัววัดไปปรากฏอยู่ด้านข้างสุ่ยหยุนเฟิงแน่นอนว่าในช่วงวินาทีเดียวกัน เหยียนสือหยุนและชายชราก็ปรากฏตัวต่อหน้าสุ่ยหยุนเฟิง พวกเขาโจมตีด้วยอาวุธที่คล้ายกับตรีศูลใส่สุ่ยหยุนเฟิง
  ”เจ้ามันก็แค่ขยะที่รวมตัวกัน”
  ปังงงงงงปังงงงง!!
  ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยในปัจจุบันเป็น2 เท่าจากแต่ก่อน เขาระเบิดพลังป้องกันการโจมตีจากชายชรา พร้อมทั้งดึงสุ่ยหยุนเฟิงกลับไปข้างหลัง พร้อมทั้งปรากฏสัตว์อสูรอยู่บริเวณด้านหลังของเหยียนสือหยุน
  ชิงสุ่ยเตรียมการตอบโต้มาซักพักใหญ่แล้วทันทีที่เขารับรู้ถึงอันตราย อสูรนรกรัตติกาลขนาดเท่าภูเขาย่อมๆ ก็ปรากฏกายระหว่างเขาและอสูรผู้พิทักษ์ขุมทรัพย์
  ในตอนนี้เหตุการณ์เริ่มยุ่งเหยิง กลุ่มของอสูรแดนสมุทร ใช้จำนวนคนที่มากกว่าเขาโถมโจมตี แต่ทันใดนั้นดวงตาของชิงสุ่ยเปล่งประกายคล้ายคมดาบ เขาโบกสะบัดแขน และแล้ว วิหคอัคคีทมิฬ แมงมุมอสูรเศียรมังกร ย่างก้าวมังกรไอยรา ก็ปรากฏกายขึ้นทีละตัว
  ชิงสุ่ยปลดปล่อยรัศมีแห่งเทพสงครามพร้อมกับตั้งค่ายกลเพื่อเสริมพลังป้องกันของตัวเอง
  เคล็ดสังหาร!!
  วชิระอสูรจำนน!!
  ปราณกระบี่วชิระ!! novel-lucky
  ปราณจักรพรรดิ!!
  …………………….
  แมงมุมอสูรเศียรมังกรปลดปล่อยใยแมงมุมจำนวนมากออกมาเพื่อหยุดศัตรูภาพทุกอย่างเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเดียว เนื่องจากชิงสุ่ยได้ตัดสินใจเข้าต่อสู้ เขาจึงไม่รีรอให้เสียเวลาอีกต่อไป
  ก้าวพสุธาเอราวัณ!!
  ตูมมมมม!!
  คลื่นแผ่นดินไหวมหึมาแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่ชายชรารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เขากระโดดหลบแต่ก็โดนคลื่นกระแทกจนทำให้รู้สึกมึนงง
  เขาไม่อาจประคองร่างกายแม้ว่าเขาจะมีระดับพลังแตกต่างกับพรรคพวกของตนเพียงเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนเดียวที่ไม่อาจหลบคลื่นกระแทกนี้ได้ ชิงสุ่ยยังคงยืนสงบนิ่งไม่ขยับไปไหน เขาปล่อยให้อสูรสยบมังกรกลายร่างเป็นลำแสงสีทองพุ่งทะยานตรงออกไปยิ่งกว่าความเร็วของสายฟ้า
  ปังงงงงง!!
  ฝุ่นละอองเลือดสีแดงกระจัดกระจายทั่วท้องฟ้าพร้อมกับร่างของชายชราที่หายไป
  ”หืมม………………..”
  เหยียนสือหยุนที่เห็นเหตุการณ์ดวงตาเบิกกว้างและกลายเป็นสีแดงอย่างสมบูรณ์เขาเปล่งเสียงตะโกนดังสนั่นขณะที่พุ่งตรงเข้าไปหาชิงสุ่ย
  เขาไม่คิดเลยว่านักรบที่แข็งแกร่งระดับแนวหน้าของชนเผ่าอสูรแดนสมุทรจะต้องมาตายต่อหน้าเขาชายผู้สูงอายุที่เพิ่งตายไปมีสถานะเปรียบดังชนชั้นสูง มันจึงเปรียบดั่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
  ”เจ้าบังอาจมากจงยอมรับชะตากรรมของเจ้าซะ”เหยียนสือหยุนรู้สึกว่าเขาต้องรับผิดชอบกับการตายของผู้อาวุโส เขาจะต้องสังหารศัตรูเพื่อแก้แค้นและใช้เป็นข้อแก้ตัวในการตอบกลับคนอื่น เขาควรจะดำรงตำแหน่งที่มั่นคงที่สุดเพื่อทำให้ลูกสมุนรู้สึกมีความหวัง แต่จากการกระทำก่อนหน้า เหมือนว่าความหวังกำลังจะกลายเป็นฝุ่น
  ”ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น!!”เหยียน สือหยุนคำรามมมม
  สลายดวงจิตอสูรแดนสมุทร!!
  หิมะขาวโพลนท่วมท้นออกมาจากร่างกายของเขารอบกายของเขาปรากฏให้เห็นเป็นแสงส่องประกายคล้ายกับฟ้าร้องฟ้าแลบ มันคือขอบเขตพลังงานที่เข้มข้น พร้อมจะกลืนกินทุกอย่างเลยคราเดียว
  ”ไอ้เด็กเหลือขอดวงจิตของเจ้าจะต้องสลายภายในเงื้อมมือของข้า”
  ชิงสุ่ยมองดูภาพเลือนลางซึ่งมันย้ำเตือนให้เขานึกถึงภาพการโจมตีของพยัคฆ์ราชสีห์นรกแต่มันก็เป็นเพียงการโจมตีที่อ่อนด้อยกว่าการโจมตีที่อยู่ต่อหน้าเขา ชิงสุ่ยหล่อหลอมพลังเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง จิตวิญญาณมังกรเก้าหยางที่แข็งแกร่งกว่าเดิมถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
  ”ช่างพูดจาโอ้อวดเกินตนได้อย่างหน้าไม่อายข้าอยากรู้เหลือเกินว่าพวกคางคกในบ่อกบตัวใด ทำไมถึงช่างจองหองเช่นนี้”
  ภายในชั่วพริบตาง้าวทองทะลวงศัตรูก็มาปรากฏขึ้นบนมือของชิงสุ่ย จากนั้นม่านพลังก็ปรากฏและรวมตัวกันกลายเป็นจิตวิญญาณมังกรทอง เสียงร้องของมังกรทองใสสะอาดและก้องกังวาล พร้อมพุ่งเข้าไปหาจิตวิญญาณหิมะขาวที่ออกจากตัวเหยียนสือหยุน
  เหยียนสือหยุนใบหน้าซีดเซียวเขากำลังตกใจอย่างมากจนไม่อาจรักษาความสงบภายในจิตใจได้ นอกจากนี้ทะเลแห่งปัญญาของเขากำลังถูกรบกวนด้วยคลื่นพลังภายนอกจนกำลังจะพังทลายลง
  โฮกกกกก!!
  ดวงจิตหิมะขาวถูกทำลายทันทีและชิงสุ่ยก็ไม่ได้หยุดยังจิตวิญญาณมังกรทอง แต่เขาเบี่ยงเบนมันเพิ่มเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสองคนที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของกลุ่มอสูรแดนสมุทร