บทที่ 1743 - ธนูทลายสุริยา ลูกศรพิชิตอมตะ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1743 – ธนูทลายสุริยา ลูกศรพิชิตอมตะ
  ทักษะวชิระจู่โจม!!
  ชิงสุ่ยสั่งให้อสูรสยบมังกรคอยสนับสนุนทุกคนในตอนนี้ศัตรูของเขารู้ดีว่าอสูรสยบมังกรของชิงสุ่ยนั้นคือสัตว์อสูรที่น่ากลัว ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามจับตามองมันเอาไว้เพื่อไม่เปิดโอกาสให้มันลอบโจมตี และก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็พยายามลองทักษะต่างๆเพื่อหวังจะสังหารมัน
  เมื่อทุกคนเริ่มระวังตัวชิงสุ่ยจำเป็นต้องสังหารผู้อาวุโสทุกคนเพื่อให้เรื่องจบไวที่สุด ฉะนั้นเขาจึงจำเป็นต้องปลดปล่อยทักษะโจมตีที่เขาคุ้นเคยมากที่สุดเช่นกัน
  พลังโจมตีที่ระเบิดพุ่งพ่านออกมาสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อศัตรูมันคือพลัง 6 เท่าของปกติ ซึ่งเมื่อรวมกับง้าวทองทะลวงศัตรู จะระเบิดพลังได้จนเกือบถึงระดับ 250000 เต๋า และเมื่อพลังอันน่ากลัวเข้าใกล้ผู้อาวุโสที่ตกเป็นเหยื่อ จิตใจของผู้อาวุโสคนนั้นเหมือนตกสู่ความว่างเปล่า
  คลึ้นนนนน!!
  แรงปะทะจากการโจมตีส่งผลให้แผ่นดินโดยรอบแตกระแหงไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสคนนั้นจะร่างดับสูญ แม้แต่ลูกสมุนใกล้เคียงที่พุ่งตรงเข้ามาเพื่อช่วยชายชราก็ถูกดูดเข้าไปเหมือนกับหลุมดำ
  ในตอนแรกกลุ่มอสูรแดนสมุทรมีคนทั้งหมด10 คน แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็ต้องสูญเสียพรรคพวกไปถึง 4 คน ชิงสุ่ยเป็นคนลงมือสังหารพวกอสูรแดนสมุทรไปถึง 3 คน ในขณะที่สุ่ยหยุนเฟิงเป็นผู้สังหารอีก 1 คน เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้พวกเขาคงมองข้ามชิงสุ่ยไปไม่ได้แล้ว
  หลังจากสังหารชายชราผู้นั้นชิงสุ่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่จุดจบของการต่อสู้ยังคงห่างไกลยิ่งนักและแล้วสิ่งที่ชิงสุ่ยกังวลก็มาถึง
  พวกมันที่เหลือเดินเรียงแถวตั้งค่ายกล ในชั่วพริบตาท่วงทำนองบทเพลงอันไพเราะก็ดังขึ้นเช่นกัน
  บทเพลงแห่งอสูรสมุทร!!
  ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงขอบเขตพลังของศัตรูที่กำลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างฉับพลันในทางกลับกันพลังของเขากลับลดลง ร่างกายของเขากำลังถูกดูดพลังปราณธรรมชาติออกไป เขาจึงใช้พลังปราณจักรพรรดิเพื่อต่อต้านพลังอำนาจดังกล่าว
  แม้ว่าเขาจะสามารถต้านทานพลังดังกล่าวได้แต่คนรอบข้างไม่ใช่ นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังเริ่มวิตกกังวลถึงปัญหาหลักที่กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือศัตรูที่มีพลังเพิ่มพูน
  ตอนแรกเขาคิดว่าการต่อสู้จะจบอย่างรวดเร็ว แต่ท้ายที่สุดมันก็ต้องยืดเยื้อ
  พระราชวัง9 เทวา!!
  ชิงสุ่ยเรียกอสูรนรกรัตติกาลให้เข้ามารับการโจมตีจากกลุ่มอสูรแดนสมุทรและในเมื่ออสูรนรกรัตติกาลไม่ได้ขวางกั้นเจ้าอสูรผู้พิทักษ์ มันจึงกลายเป็นอิสระ แล้วเข้ามาห่ำหันทุกคนด้วยความโกรธแค้นดวงตาลุกเป็นฟืนเป็นไฟ
  ช่างเป็นโชคดีของชิงสุ่ยบังเอิญว่าเจ้าอสูรผู้พิทักษ์นั้นอยู่ใกล้กับกลุ่มอสูรแดนสมุทรที่กำลังถาโถมเข้ามา ฉะนั้นจุดสนใจของมันจึงตกอยู่กับกลุ่มอสูรแดนสมุทร
  เจ้าอสูรผู้พิทักษ์พุ่งโจมตีกลุ่มอสูรแดนสมุทรยังไม่ลังเลซึ่งกลุ่มของพวกมันกำลังวางค่ายกลเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง แต่โชคไม่ดีที่กระบวนการทั้งสิ้นถูกปั่นป่วนก่อนที่มันจะทำเสร็จกระบวนการ
  เหยียนสือหยุนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและพร้อมจะทำลายเจ้าอสูรผู้พิทักษ์
  อสูรสมุทรคลั่งสะบั้นโทสะ!!
  ตราประทับคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นอย่างชัดและพุ่งเข้าหาเจ้าอสูรผู้พิทักษ์ ก่อนหน้านี้มันยังยืนสงบนิ่งแม้จะถูกอสูรนรกรัตติกาลโจมตี แต่เมื่อมันมองเห็นตราประทับรูปพระจันทร์เสี้ยว มันก็รีบปกป้องตัวเองเพราะรับรู้ถึงภัยคุกคาม
  ปังงงงง!!
  เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นเหมือนคลื่นกระบี่ที่รุนแรงกำลังฟันเจ้าอสูรผู้พิทักษ์ให้แตกสลาย
  การโจมตีที่ทรงพลังสะบั้นร่างกายของเจ้าอสูรผู้พิทักษ์แตกสลายไปกึ่งนึงชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาถึงกับเหงื่อตก ถ้าหากตราประทับนี้พุ่งโจมตีใส่พวกเขา โอกาสที่จะป้องกันได้แทบจะเป็นศูนย์
  แม้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะไม่ทำให้เจ้าอสูรผู้พิทักษ์พังทลายแต่มันก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเจ้าอสูรผู้พิทักษ์ลดลงเป็นอย่างมาก ในไม่ช้าพลังปราณจิตในตัวของมันก็ถดถอย สุดท้ายมันก็ไม่ใช่สิ่งที่คุกคามกลุ่มอสูรแดนสมุทรอีกต่อไป
  ชิงสุ่ยรู้ดีว่าการหนีคงไม่มีประโยชน์อะไรรูปแบบค่ายกลที่ศัตรูใช้อยู่ในระดับน่าหวั่นเกรง แม้ว่าเขาเองจะไม่รู้ว่าศัตรูใช้รูปแบบใด แต่ที่เขารู้ คือรูปแบบนี้สามารถใช้ได้ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ข้อเสียเปรียบที่เห็นชัดเจนคือมันดูดกลืนพลังปราณมหาศาล และเป็นข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุด
  ชิงสุ่ยไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาทเขารู๋ดีว่าศัตรูจะพยายามใช้เวลาให้น้อยที่สุดไม่ยืดเยื้อ
  เขาจึงเพิ่งพาอสูรนรกรัตติกาลในการสร้างสิ่งกีดขวางเพื่อไม่ให้ศัตรูเข้าถึงตัวเขา
  ในขณะเดียวกันเหยียนสือหยุนก็นำคันธนูออกมา
  ธนูมีขนาดพอเหมาะกับมือบนปลายสุดของมันปรากฏให้เห็นเป็นเปลวเพลิงโปร่งใส
  ชิงสุ่ยและคนอื่นได้แต่ตกตะลึง
  มันคือธนูทลายสุริยา!!
  ธนูทลายสุริยาคือธนูระดับตำนานตำนานเล่าขานกันว่าธนูคันนี้สามารถยิงได้แม้กระทั่งดวงอาทิตย์ที่อยู่กลางท้องฟ้า แม้พลังของมันจะไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่มันก็อยู่ในระดับศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์
  ”พวกเราโชคดีจริงๆที่ผลักดันให้ข้ามาถึงจุดนี้จุดที่ข้าต้องนำเอาธนูทลายสุริยาออกมาใช้งาน พวกเจ้าจงตายไปอย่างสงบเถิด “เหยียน สือหยุนกล่าวอย่างสงบขณะที่เขาสะบัดแขนเพื่อนำลูกธนูออกมา
  ลูกศรพิชิตอมตะ!!
  ”ข้าครอบครองลูกศรพิชิตอมตะเพียงแค่3 ดอก ตลอดชีวิตของข้า ข้าลังเลที่จะใช้มันมากที่สุด แต่ด้วยความจำเป็นและความเคียดแค้น ข้าจึงต้องใช้มันไปแล้ว 2 ดอก และสำหรับดอกสุดท้าย ข้าตัดสินใจใช้มันเพราะเจ้า ถือว่าเจ้าโชคดีอย่างยิ่งที่ได้รับการทดสอบจากมัน”
  ในขณะที่เหยียนสือหยุนกล่าวเขาก็ค่อยๆบรรจุลูกธนู และดึงคันศร
  ธนูทลายสุริยาเปล่งแสงสว่างสีแดงสดทำให้ท้องฟ้าและพื้นโลกถูกย้อมไปด้วยแสงสีแดง พลังปราณต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และโลกถูกดึงดูดมาจากทั้งพื้นดินและพื้นฟ้าขึ้นมาโคจรรอบๆคันธนูทลายสุริยา ในช่วงปิดตา ภาพเงาปราณทับซ้อนของธนูก็ขยายกลายเป็นธนูขนาดมหึมา
  สีหน้าการแสดงออกของชิงสุ่ยแปรเปลี่ยนไปทันทีหัวใจของเขาเต้นถี่ขึ้นอย่างฉับพลัน เขาค่อยๆเดินออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เพื่อรับพลังธนูด้วยตัวเอง เหตุผลที่เขาทำเช่นนั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นโดนลูกหลง และคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงอีกแล้ว
  ”ชิงสุ่ยยย!!”
  นายหญิงแห่งพระราชวังสุริยาพยายามคว้าแขนชิงสุ่ยเอาไว้
  มูหยุนชิงเก้อเองก็มองดูชิงสุ่ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน
  ”ข้าไม่เป็นไรหรอก!!พวกเจ้าอย่าได้กังวล!!”ชิงสุ่ยพยักหน้าและเดินออกไปข้างหน้าอีกครั้ง
  ”ให้ข้ารับการโจมตีนั้นแทนเจ้าเถิด”สุ่ยหยุนเฟิงกัดฟันแล้วเดินออกไปข้างหน้าโดยไม่มีความลังเลตอนนี้เขาออกไปยืนหน้าชิงสุ่ยและพ่องเพื่อน ไอลีนโนเวล
  ”พี่ชายเป้าหมายของพวกมันคือข้า และนอกเหนือจากข้า ก็ไม่มีใครในที่นี้สามารถป้องกันพลังนั้นได้ ข้าได้คิดกลยุทธ์ที่จะป้องกันมันเอาไว้แล้ว และข้าก็คงไม่เอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นหรอก” ชิงสุ่ยหยุดการกระทำของสุ่ยหยุนเฟิง
  ในขณะเดียวกันเหยียนสือหยุนก็เผยรอยยิ้มอันแสนเหี้ยมโหด เขาเล็งธนูตรงไปที่ชิงสุ่ย แล้วค่อยๆปล่อยลูกธนูออกไป ลูกศรพิชิตอมตะพุ่งตรงเข้าหาชิงสุ่ยพร้อมลำแสงที่แพรวพราว
  ลูกศรอาจจะดูไม่เร็วมากแต่พลังของมันทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันเดินทางด้วยความเร็วสูง เส้นทางการเคลื่อนที่ของลูกศรพิชิตอมตะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในชั่วพริบตา ชิงสุ่ยก็มาปรากฏตัวต่อหน้ามัน
  เขาปลดปล่อยทะเลแห่งปัญญา
  หุบเขา9 เทวา!!
  หุบเขา9 เทวาของชิงสุ่ยเป็นดั่งขุมทรัพย์เวทมนตร์ ฉะนั้นเขาจึงมั่นใจว่าหุบเขา 9 เทวาจะต้องรับมือลูกศรพิชิตอมตะที่น่าเกรงขามได้อย่างแน่นอน
  ปังงงงงงง
  เสียงกระแทกดังสนั่นลึกไปถึงหัวใจชิงสุ่ยหุบเขา 9 เทวาปลิวกระแทกไปทางด้านหลังเหมือนลูกอุกกาบาตที่ตกหล่นจากฟากฟ้า ในทางกลับกันลูกศรพิชิตอมตะก็ยังคงพุ่งต่อไปด้วยพลังอันมหาศาล มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ในขณะเดียวกันชิงสุ่ยก็มองเห็นสายตาที่มั่นใจจากดวงตาของเหยียนสือหยุน