บทที่ 279
หน้ากากป้องกันหมอกควัน
“แต่วิญญาณของปีศาจปรากฏขึ้นมาในป่าแห่งความตายได้ยังไง?! เหล่าปีศาจถูกแยกออกไปตั้งแต่เมื่อหมื่นปีก่อนแล้ว…” หลงหมิงพูด
“…”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับพวกเขาที่คุยกันเรื่องนี้ พวกเขาส่งคนเข้าไปดูสถานการณ์แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรบ้างเลย
“งั้นข้าจะเป็นคนนำเข้าไปเอง ข้าจะเข้าไปและจัดการมันทีหลัง ไม่มีทางที่มันจะอยู่ที่นี่ไปได้ตลอดหรอก…” หลงหมิงพูด
“ไม่ได้นะท่านหลงหมิง ท่านต้องอยู่ เราเสียท่านผู้นำอย่างหลานซุนไปแล้วและเราจะเสียอีกคนไม่ได้ พูดง่ายๆนะ ระดับสีม่วงที่แข็งแกร่งที่สุดจะต้องอยู่ที่นี่ ยังไงซะบาร์เรียก็ยังต้องการการซ่อมแซมอีก นี่เกี่ยวพันกับชีวิตของผู้คนทั้งหมดในดินแดนเฟิงหยุน…”
“ข้าเองก็ไม่ได้อยากที่จะเสียสละโดยไม่จำเป็นเพราะคนในระดับสีม่วงที่ข้าส่งเข้าไปยังไม่มีใครกลับออกมาเลย” หลงหมิงส่ายหัวและไม่เห็นด้วยกับความคิดที่จะส่งคนอื่นเข้าไป ซึ่งมีแต่จะเป็นการเพิ่มการบาดเจ็บล้มตาย คนในระดับสีม่วงมีไม่มากดังนั้นพวกเขาจะยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ตลอดไม่ได้
“ท่าน นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้…”
“ใช่แล้ว ครั้งนี้ให้ระดับกลางของระดับสีม่วงเข้าไปแทนเถอะ ครั้งที่แล้วเป็นคนในระดับต้นของระดับสีม่วง ลองให้เข้าไปสำรวจก่อน…”
เมื่อได้ยินบทสนทนา มู่หรงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน “ข้ามีอะไรที่อยากจะพูด…”
จู่ๆทั่วทั้งห้องก็เงียบกริบ
“ข้าเคยเข้าไปตอนที่อยู่ในระดับขั้นต้นของระดับสีม่วงแต่ก็ทนได้อยู่ไม่เกินนาที ข้าคิดว่าเราจะเข้าไปตรงๆแบบนี้ไม่ได้ เราควรจะต้องมีการเตรียมพร้อม…” ไม่งั้นสุดท้ายพวกเราก็คงจะตายกันหมด
“ตอนนี้ไม่มีทางเลย ถ้าเราสามารถที่จะหาอะไรมาต้านวิญญาณของปีศาจได้ บางทีเราก็อาจจะช่วยอะไรได้ แต่คนเดียวที่รู้เรื่องสถานการณ์ก็ไม่อยู่ที่นี่ เลยไม่มีใครรู้ว่าจะเอาอะไรมาต้านทานวิญญาณปีศาจ ยังไงซะหมื่นปีก็ผ่านมาแล้วและในตอนนั้นก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่องสถานการณ์…”
มู่หรงเสวี่ยก้มหัวและไตร่ตรอง “ถ้าเราสามารถที่จะสร้างหน้ากากป้องกันหมอกควันขึ้นมาได้ มันจะดีกว่าหรือเปล่า?!” ยังไงซะวิญญาณปีศาจจะบุกรุกเข้ามาได้ก็เพราะถ้าหายใจมันเข้าไปในร่างกายของเรา ตราบใดที่เราป้องกันที่จะไม่หายใจเอามันเข้าไปก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหม
คำพูดของเธอราวกับระฆังที่มาปลุกทุกคนให้ตื่นจากความฝัน “ว่าแต่นี่ก็เป็นวิธีที่ดีนะ…” หลงหมิงลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ตอนนี้เราควรที่จะรวบรวมช่างฝีมือก่อน ข้าแนะนำรูปแบบของหน้ากากป้องกันหมอกควันให้ได้แล้วให้โรงหลอมลองดูว่าสามารถที่จะทำได้ไหม…” มู่หรงเสวี่ยพูด หน้ากากป้องกันแก๊สพิษสมัยใหม่ผ่านการปฏิรูปมาแล้วนับไม่ถ้วน แม้ว่ามันจะไม่มีพลังแห่งจิตวิญญาณอยู่ในนั้น แต่หลักการของมันก็ยังดีอยู่
“ตกลง แจ้งออกไปเลยเพื่อรวบรวมโรงหลอมให้มาที่นี่ แล้วพวกเราที่เหลือจะให้สมาชิกคนอื่นๆในระดับสีฟ้าและสีเขียวจัดเตรียมอุปกรณ์การกลั่น ส่วนมู่เทียน เรื่องการวาดแบบจะเป็นหน้าที่ของเจ้านะ…” สายตาของหลงหมิงที่มองตรงไปที่มู่เทียนเต็มไปด้วยความชื่นชม เขาสมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของท่าน หลานซุน เขาน่าประทับใจในทุกมุมมอง
“ไปกันเถอะ ลงมือกันเลยแล้วมารวมตัวกันที่นี่พรุ่งนี้เช้า!”
เฟิงจือหลิงพูดกับพ่อตัวเองเพียงไม่กี่คำแล้วจึงออกมาพร้อมกับมู่เทียน
มู่หรงเสวี่ยกลับไปที่อาคารไม้ไผ่และรีบวาดชุดหน้ากากป้องกันหมอกควันด้วยกระดาษและปากกา รูปที่วาดเป็นเพียงภาพอ้างอิงเท่านั้น ยังไงซะเครื่องมือในการกลั่นก็ยังต้องพึ่งพลังแห่งจิตวิญญาณและการฝึกตนซึ่งต่างไปจากเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัย
เมื่อเฟิงจือหลิงเห็นว่ามู่เทียนวาดรูปเสร็จได้อย่างรวดเร็ว เขาอดไม่ได้ที่จะเอารูปขึ้นมาดูทีละรูป ยิ่งเขาเห็นมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่ามู่เทียนเก่งมากแค่ไหน แต่นี่เขาเก่งมากกว่าที่เขาเคยคิดภาพไว้ซะอีก
ยิ่งเขาเก่งมากแค่ไหน เขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น เขาต้องพยายามให้หนักกว่านี้เพื่อที่จะไม่ถูกเขาเขี่ยทิ้ง
“พวกนี้มันดีมากๆเลย!” หลังจากที่ได้ดูแล้ว เฟิงจือหลิงก็ต้องอุทานออกมา
มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “แน่นอนสิว่ามันต้องดี มันคือการตกผลึกของภูมิปัญญาของมนุษย์เลยนะ ข้าเพียงแค่วาดมันออกมาเท่านั้น ไม่ใช่ข้าหรอกที่เป็นออกแบบพวกมัน…”
“ครั้งนี้ข้าอยากที่จะเข้าไปก่อน” เฟิงจือหลิงพูด ไม่ว่ายังไงอาจารย์ก็อยู่ข้างในและในฐานะศิษย์ เขาจะทิ้งอาจารย์ไว้คนเดียวไม่ได้
มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า “ข้าก็ด้วย ตอนที่เจ้าเข้าไปในมิติลับ ข้าจะเข้าไปตรวจสถานการณ์ก่อนจะได้ลดความเสียหาย…”
สีหน้าของเฟิงจือหลิงเปลี่ยนไป “ไม่ ข้าจะไม่เข้าไปในมิติลับ ข้าจะปล่อยให้เจ้าไปเสี่ยงคนเดียวแล้วตัวเองไปหลบอยู่ได้ยังไง ข้าทำไม่ได้หรอก…”
“ไม่ได้ เพราะข้าเคยเห็นผลของวิญญาณปีศาจมาแล้ว ก่อนหน้านี้อาจารย์บอกข้าว่าวิญญาณปีศาจเข้ามาในร่างกายของเขาและเปลี่ยนเป็นพลังของข้า ตอนนี้ข้าเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ งั้นข้าคิดว่าวิญญาณปีศาจอาจจะทำอะไรข้าไม่ได้แล้วแต่กับเจ้ามันต่างไป…”
“ไม่อยู่ดี ไม่งั้นจะมีหน้ากากป้องกันหมอกควันไว้ทำไมล่ะ? ไม่เป็นไรหรอก!”
มู่หรงเห็นสายตาที่หนักแน่นของเฟิงจือหลิงและคิดว่าไม่พูดแล้วดีกว่า เธอรู้ดีว่าเขาคงจะไม่ยอมหลบอยู่ในมิติลับแน่ๆอยู่แล้ว
ในวันที่สองเมื่อพวกเขามาถึงที่โต๊ะด้านหน้า พวกเขาก็เห็นว่ามีคนงานมากมายกำลังยุ่งกันอยู่ พวกเขาเดินตรงไปที่ห้องประชุมของระดับการฝึกตนสีม่วงซึ่งตอนนี้มีคนนั่งอยู่เต็มแล้ว
“ขอโทษครับที่มาสาย!” เฟิงจือหลิงพูด
“นั่งลง!” หลงหมิงพูด
มู่หรงเสวี่ยวางรูปวาดในมือลงที่กลางโต๊ะ “นี่คือภาพวาดของข้า ลองดูก่อนว่ามีปัญหาตรงไหนหรือเปล่า…”
หลงหมิงหยิบภาพวาดที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูอย่างละเอียด หลังจากที่ดูแล้วเขาก็ส่งต่อให้คนที่นั่งข้างๆแล้วก็พูดออกมาว่า “ดี! ทำได้ดีมาก วันนี้จะมีคนมาที่นี่กันมากมาย เราจะเอาภาพวาดให้พวกเขาทีหลัง ตอนนี้สิ่งที่เราต้องการคือการตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนกลุ่มแรกที่อาสาเข้าไปในป่าแห่งความตาย ทีมแรกที่ส่งเข้าไปจะมีห้าคนก่อน! เพื่อเป็นการรับรอง”
“มู่เทียนกับข้าขอสมัครเข้าเป็นกลุ่มแรกที่จะเข้าไป!” เฟิงจือหลิงพูด
“เราจะเข้าไปเอง ยังไงซะเราก็มีประสบการณ์มากกว่า…”
“ใช่ ถึงแม้ระดับการฝึกตนของเราจะไม่ได้สูงที่สุด แต่เราก็ยังมีประสบการณ์กว่าร้อยปี งั้นให้พวกเรานำไปก่อนเถอะ…” เด็กหนุ่มที่อยู่ในระดับการฝึกตนที่สูงอย่างมู่เทียนเป็นความหวังของดินแดนเฟิงหยุน พวกเขาจึงไม่อยากให้เขาต้องมาตายที่นี่
“ไม่ได้ อาจารย์ของเรายังอยู่ในนั้น เราจะยืนดูเฉยๆไม่ได้หรอก เราต้องเป็นกลุ่มแรกที่ได้เข้าไป อีกอย่างข้าก็มีประสบการณ์กับวิญญาณปีศาจมาแล้วครั้งหนึ่งด้วย ดังนั้นข้าจึงมีแนวโน้มที่จะชนะได้มากกว่า” มู่หรงพูด
หลงหมิงมองไปที่กลุ่มคนที่กำลังมองมาที่เขาอย่างกระหายคำตอบ เขาขมวดคิ้วแน่น นิ้วอดไม่ได้ที่จะเคาะไปที่โต๊ะ
“ก๊อกก๊อก!” เสียงที่ชัดเจนดังอย่างมากในห้องประชุมที่เงียบแบบนี้ ทุกคนต่างก็กำลังรอคำตัดสินใจของหลงหมิงอยู่ ตั้งแต่ที่หลานซุนหายตัวไป เขาก็กลายมาเป็นหัวหน้าของทีม ทุกคนจึงชินกับการที่ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นผู้นำ
“ให้คนที่มีประสบการณ์เข้าไปก่อน สำหรับพวกเจ้าสองคนให้รอเป็นกลุ่มที่สอง!” ก็เหมือนกับคนอื่นๆ เขาคิดว่าคนรุ่นใหม่คือความหวังของอนาคตซึ่งจะให้เสียไปไม่ได้
“ข้าไม่เห็นด้วย พรุ่งนี้ข้าจะออกไปกับมู่เทียน เราจะอยู่ในทีมด้วย” เฟิงจือหลิงพูด
มู่หรงเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “งั้นก็แยกเป็นสองทีม ข้ากับเฟิงจือหลิงจะเป็นทีมหนึ่ง อีกห้าคนก็เป็นอีกทีมหนึ่งแล้วถ้ามีสถานการณ์ที่มันผิดปกติก็จะถอนกำลังทันที”
หลังจากที่เงียบอยู่นาน สุดท้ายหลงหมิงก็พยักหน้า “ตกลง งั้นก็เรียบร้อย เมื่อหน้ากากป้องกันหมอกควันชุดแรกเสร็จ พวกเจ้าก็เริ่มได้เลย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลย พวกเจ้าจะต้องมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของชีวิตตัวเองด้วย ถ้าเจออะไรที่ผิดปกติ ห้ามบุกเข้าไปแต่ต้องรีบรายงานทันที!”
“…”
สามวันต่อมา มู่หรงเสวี่ยและเฟิงจือหลิงสวมหน้ากากป้องกันหมอกควันและออกเดินทาง ส่วนอีกทีมไปอีกทิศทางหนึ่ง
มู่หรงและเฟิงจือหลิงคุยกันอย่างลับๆ พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไปในทิศทางของหน้าผา หลงหมิงและคนอื่นๆจัดการเปิดช่องทางเข้าเล็กๆ หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นเข้าไปแล้ว พวกเขาก็รีบปิดเพื่อกันวิญญาณปีศาจไว้ทันที ในระหว่างนี้มีวิญญาณปีศาจเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย หลงหมิงและคนอื่นๆกลั้นหายใจไว้จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไร
มู่หรงและอีกห้าคนแยกออกเป็นสองทีม แยกออกเป็นสองทิศทาง
“ระวังด้วย!” เฟิงจือหลิงจับมือมู่เทียนและพูดออกมา
หน้ากากป้องกันหมอกควันใช้ได้ดีอย่างมาก อย่างน้อยก็ตอนนี้เพราะพวกเขายังไม่รู้สึกผิดปกติอะไร
ความเร็วของทั้งสองไม่ได้เร็วมากเท่าไร หลักๆก็เพราะป่าแห่งความตายตอนนี้เต็มไปด้วยวิญญาณปีศาจจึงทำให้ข้างในนี้มืดไปหมด จึงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นบรรยากาศภายในได้ ซึ่งเดาว่าถ้าพวกเขาเดินไปไกลกว่านี้ก็คงจะต้องหลงทางแน่ๆ
“แบบนี้ไม่ดีเลย แบบนี้ไม่มีทางที่จะรู้เลยว่ากำลังเดินไปทางไหน ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกลุ่มที่เข้ามาก่อนหน้านี้ถึงได้หลงทางและหาทางออกไม่ได้…”
“งั้นบางทีเราอาจจะไปไม่ได้นะ!” เฟิงจือหลิงดึงมือ มู่หรงเสวี่ยเพื่อให้หยุด
มู่หรงเห็นด้วย ตอนนี้ทั้งสองยังเดินมาไม่ไกลมาก เดินกลับไปน่าจะดีที่สุด “ไปเถอะ เราออกไปเตรียมเข็มทิศกันก่อนน่าจะดีกว่า!”
ไม่นานทั้งสองก็เดินกลับออกมา หลงหมิงและคนอื่นๆยังอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นว่าทั้งสองกลับออกมาเร็วมาก พวกเขาจึงรู้สึกประหลาดใจและถามออกมา “มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
“มีปัญหาจริงๆ เราต้องการของบางอย่าง เรามองไม่เห็นทางเลย เราต้องใช้เข็มทิศ!” เฟิงจือหลิงพูด
“แล้วคนอื่นๆล่ะ พวกเจ้าเห็นพวกเขาบ้างหรือเปล่า?” หลงหมิงถามเพราะพวกเขาไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนจนลืมอุปกรณ์พื้นฐานแบบนี้ไป
มู่หรงส่ายหัว “ไม่เห็นเลย หลังจากที่เข้าไปแล้วพวกเราก็แยกกัน แต่หน้ากากป้องกันหมอกควันนี่ใช้ได้ผลดีมาก!”
เมื่อได้ยินแบบนี้หลงหมิงและคนอื่นก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขาก็ก้าวหน้าไปบ้าง
“ดีแล้วที่ออกมารายงานทันทีแบบนี้” หลงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เฟิงจือหลิงพยักหน้าแล้วพวกเขาก็ก้าวเข้าไปในป่าแห่งความตายอีกครั้ง เมื่อมีเข็มทิศ อย่างน้อยพวกเขาก็หาทิศเจอซึ่งสะดวกขึ้นกว่าเดิมมาก!