ตอนที่ 671 ตอบรับ
“ก็แค่ไปที่พระอารามจีซูมิใช่หรือ เราเองก็เคยได้ยินว่ามีสถานที่เช่นนี้ ฉู่เกอ อาเหรา หากพวกเจ้าอยากไป ข้าก็จะพาไปเสียนานแล้ว ไหนเลยจะต้องไปรบกวนคนอื่น เราเองก็สามารถพาเจ้าไปได้แน่”
“เจ้าหาเจอจริงหรือ” อวี้อาเหราชะงักเล็กน้อย
“แน่นอนสิ” สีหน้าของจวินอู๋เหินไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย “แค่หาก็ย่อมหาพบ หากพวกเจ้าขอร้องข้า ข้าก็จะพิจารณาว่าจะพาเจ้าไปด้วยหรือไม่”
สำหรับความหน้าด้านไร้ยางอายของเขา อวี้อาเหราและฉู่ป๋ายกลอกตา คร้านที่จะสนใจ
จากนั้นก็ส่งสายตาไปหาฉู่ป๋ายอีกครั้ง ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้างดงามเหมือนแผ่นหยก ทั้งเรียบลื่นและอ่อนนุ่ม ทั่วทั้งร่างให้บรรยากาศเย็นเยียบเหลือบรรยาย เพียงมองครั้งเดียวก็ยากที่จะหลงลืม ทุกคนพากันจ้องมองตัวเขา ทว่าก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะออกปากตอบรับเสียที
ฉู่เกอเห็นเขาไม่ไว้หน้านางเช่นนี้ก็โกรธขึ้นมา หันไปมองอวี้จื้อที่ยืนอยู่ด้านหลัง “เขาไม่พาพวกเราไปก็ช่างเถิด พวกเราไปกันเองก็ได้ เราคุ้นชินกับทิศทางดี พวกเราไปกันเถิด พี่เหราเอ๋อร์ ท่านว่าดีหรือไม่เล่า”
“ดี” อวี้อาเหราไม่รู้จะทำอย่างไร จำต้องทำตามที่นางว่าเท่านั้น
เมื่อพูดเช่นนี้ ฉู่ป๋ายจึงแทบกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคน แม้แต่น้องสาวเขายังไม่ไว้หน้า ช่างใจร้ายสมคำเล่าลือ ยามที่ทุกคนกำลังล้มเลิกความคิดที่จะให้เขาเป็นผู้นำทางให้ ฉู่ป๋ายก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาพุ่งตรงไปยังอวี้อาเหรา
“เจ้าอยากไปที่พระอารามจีซูจริงๆ หรือ?”
อวี้อาเหราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หากนางบอกว่านางต้องการที่จะไปจริงๆ ด้วยสติปัญญาของฉู่ป๋าย เขาคงจะเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
และคงจะลังเลใจแน่
ไม่ต้องรอให้เขาตอบโต้ขึ้นมา ฉู่เกอชิงตอบแทนนาง “แน่นอนว่าต้องอยากไปสิ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่ป๋ายก็นิ่งไปเป็นนาน ยามที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พยักหน้าอย่างเงียบขรึม
เมื่อเห็นดังนั้น ก็เห็นได้ว่าเป็นการตอบรับ
เมื่อเห็นว่าเขาตอบรับ ทุกคนก็ยิ้มออกมาบนใบหน้า
ฉู่ป๋ายหันกลับมา เมื่อเห็นมุมปากของอวี้อาเหราโค้งขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มบางๆ เขาเห็นเช่นนั้นก็ใจลอย
ฉู่เกอมองไปรอบๆ ในที่สุดก็เห็นว่ามีคนขาดไปหนึ่งคน จึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่เหราเอ๋อร์ เมี่ยวอวี้ สาวใช้ข้างกายของท่านเล่า”
“อ้อ เรียนท่านหญิง ท่านอ๋องเกรงว่าคุณหนูจะไม่สะดวกสบาย ดังนั้นจึงต้องการให้เมี่ยวอวี้ไปรายงานสถานการณ์ให้ฟังทุกเช้า ตอนนี้คงใกล้จะกลับมาแล้วล่ะเจ้าค่ะ!” เจาเอ๋อร์ตอบคำถามของฉู่เกอแทนอวี้อาเหรา
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ท่านลุงหลิงอ๋องช่างดูแลพี่เหราเอ๋อร์ดียิ่งนัก”
ฉู่เกอพยักหน้าพลางกล่าว
จวินอู๋เหินเออออไปด้วย “ใช่แล้ว เสด็จพ่อของข้านั้น วันๆ เอาแต่ถือแส้เอาไว้เฆี่ยนตี หากรู้อย่างนี้ ข้าเกิดเป็นลูกสาวเสียก็ดีหรอก”
“พรืด” ฉู่เกอหัวเราะออกมา มองไปที่จวินอู๋เหินแล้วหัวเราะเสียจนตัวสั่น “ท่านพูดเช่นนี้ หากหนานหยางอ๋องได้ยินเข้า คงเตรียมแส้มาเฆี่ยนท่านแน่ และหากเป็นเช่นนั้นจริงจวนหนานหยางคงไร้ผู้สืบทอด จวนหนานหยางอ๋องนั้นขาดแคลนทายาทอยู่เสมอ เพราะมีเพียงท่านเท่านั้นที่เป็นลูกหลาน”
เมื่อจวินอู๋เหินได้ยินนางพูดเช่นนี้ และเมื่อคิดถึงผลที่จะตามมา เขาก็กลัวเสียจนตัวสั่น
เป็นอย่างที่ฉู่เกอว่าจริงๆ เขาจะต้องโดนเฆี่ยนตีหนักแน่ แต่เสด็จพ่อก็คงไม่ปล่อยให้เขาตายจนกว่าเขาสามารถให้ทายาทรุ่นต่อไปของจวนหนานหยางได้ ดังนั้นแม้ว่าจะโดนตีหนักหน่วงเพียงใด ก็คงไม่ปล่อยให้เขาตายแน่
สิ่งที่เรียกว่าอยากตายก็ไม่ได้ ร้องขอชีวิตก็ไม่ไหว มีชีวิตราวตายทั้งเป็น มันเป็นเช่นนี้เอง!
อวี้อาเหราได้ยินเช่นนั้น ก็อยากจะหัวเราะยิ่งนัก “ก็ไม่แน่หรอก หากเจ้ายังไม่เชื่อฟังอีก หนานหยางอ๋องอาจจะมีบุตรกับภรรยาน้อยสักคน คงจะมีค่ากว่าลูกชายที่ล้างผลาญตระกูลเช่นเจ้าไม่รู้กี่เท่า เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็คงไม่ได้เป็นตัวโปรดเสียแล้วล่ะ”
ตอนที่ 672 จากก้นบึ้งหัวใจ
“เรื่องนั้นก็วางใจเสียเถิด อาเหรา” อวี้อาเหราว่าอย่างมั่นอกมั่นใจ “เสด็จพ่อรักใคร่เสด็จแม่ของข้าอย่างสุดหัวใจ ผ่านไปหลายปีก็ยังไม่มีภรรยาน้อยหรือแต่งภรรยาใหม่ ต่อไปก็คงไม่มีหรอก”
อวี้อาเหราไม่พูดอะไรอีก
ไม่คิดว่าหนานหยางอ๋องจะเป็นคนมีรักจริงเช่นนี้ แม้แต่หลิงอ๋องยังสู้ไม่ได้
เมื่อพระชายายังไม่ตาย ก็แต่งอนุรองเข้าจวนแล้ว แม้จะบอกว่าเป็นฮ่องเต้ที่พระราชทานให้ แต่เขาก็ไม่ได้ห่างเหินจากนาง ช่วงเวลาที่นางย้อนยุคกลับมา นางมักจะได้ยินว่าพระชายาหลิงอ๋องนั้นเป็นภรรยาและแม่ที่ดี ทุกคนต่างก็พูดเช่นนี้ แต่นางจะใจกว้างไปหรือไม่นะ ที่เห็นสามีของตัวเองมีภรรยาน้อยเช่นนี้
ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับอวี้อาเหรา นางคงจะไม่ยอมแน่
ชายหนุ่มเช่นนี้ใครบ้างจะไม่อยากได้ ที่น่าหัวเราะก็คือ ตอนนี้จะไปหาคนแบบนี้ได้จากที่ไหนกัน
ยังไม่ได้แต่งงานเลยแม้แต่น้อย คงยังห่างไกล
“พี่เหราเอ๋อร์ ดูแล้วท่านลุงหลิงอ๋องคงจะเข้มงวดกับท่านไม่น้อย ท่านจะไปที่พระอารามจีซูได้หรือ” ฉู่เกอทำให้อารมณ์ของนางกลับคืนมา อวี้อาเหราคิดอย่างละเอียด แล้วจึงยิ้มออกมา “แน่นอนว่าคงไปไม่ได้หรอก”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วจะทำอย่างไร หากท่านไปไม่ได้ ข้าไปคนเดียวจะไปสนุกอะไรเล่า?” ฉู่เกอไม่ใคร่ยินดีขึ้นมาในทันที
อวี้อาเหราหัวเราะ “ในเมื่อไม่อาจไปได้อย่างเปิดเผย ก็แอบไปสิ”
“ใช่แล้ว!” ใบหน้าของฉู่เกอก็เปลี่ยนไปเป็นแย้มยิ้มอย่างยินดีทีเดียว สีหน้าของนางเปลี่ยนไปราวกับพลิกหนังสือ
อวี้อาเหรานิ่งไปเป็นนาน ในที่สุดก็ได้สติ “แต่ข้าก็ไม่อยากไป”
“ทำไมเล่า” ฉู่เกอตกใจเสียเหลือเกิน
อวี้อาเหราพูดขึ้นโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย “ช่วงนี้เสด็จพ่อค่อนข้างเข้มงวด พระอารามจีซูก็ไม่ใช่จะไปง่ายๆ ด้านนอกก็มีหิมะตกห่าใหญ่ อยู่ดื่มชาในห้องอุ่นๆ เช่นนี้เสียยังดีกว่า สบายกว่าออกไปข้างนอกเป็นไหนๆ หากเจ้าอยากไปจริงๆ ก็ไปเองเถิด ข้าไม่ไปด้วยหรอก”
“พี่เหราเอ๋อร์” สีหน้าของฉู่เกอเปลี่ยนไปเป็นเข้มงวด แล้วพินิจสีหน้าของนางอย่างละเอียด “ท่างคงไม่ได้หลอกข้าหรอกใช่หรือไม่ พอพวกเรากลับไป ท่านก็จะหนีไปคนเดียว ข้าไม่หลงกลหรอก!”
“ข้าจะหลอกเจ้าทำไม?” อวี้อาเหราถามกลับอย่างนึกขัน เมื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อถือของฉู่เกอ นางจึงจำต้องหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “หรือว่า แม้แต่คำพูดของข้า เจ้าก็ไม่ฟังกันเสียแล้ว?”
ฉู่เกอรีบส่ายหน้าในทันที “ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางที่จะไม่เชื่อคำพูดของพี่เหราเอ๋อร์แน่”
“อย่างนั้นก็ดี กลับไปเสียเถิด” น้ำเสียงของอวี้อาเหราเปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยนขึ้นมา
ฉู่เกอมองนาง เมื่อเห็นอวี้อาเหราไม่มีท่าทีอะไรผิดปกติ ก็ไม่พูดอะไรอีก
หลังจากที่พวกเขาขอตัวลา อวี้อาเหราก็เรียกเจาเอ๋อร์ขึ้นมาอีกครั้ง ในยามนี้เมี่ยวอวี้ก็กลับมาจากจวนหลิงอ๋องแล้ว เมื่อเห็นว่าพวกนางกำลังเก็บข้าวของ ทันใดนั้นนางก็ชะงักไป “คุณหนู จะทำอะไรหรือเจ้าคะ”
“ไปพระอารามจีซูน่ะ” อวี้อาเหราตอบเสียงเบา จากนั้นก็มองไปทางเมี่ยวอวี้ด้วยสายตากล่าวเตือน “เรื่องนี้ห้ามใครพูดออกไปเด็ดขาด ห้ามกราบทูลเสด็จพ่อด้วย การจะไปพระอารามจีซูนั้นไม่ได้จะกลับมารวดเร็วถึงเพียงนั้น เพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ เจ้าอยู่ที่นี่นั่นละ ไปกราบทูลเสด็จพ่อในทุกวันเหมือนอย่างเคย ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะมาเอาเรื่องเจ้า”
“พระอารามจีซูหรือเจ้าคะ?” เมี่ยวอวี้หันกลับมา ก็เข้าใจขึ้นมาทันที “คุณหนู ท่านจะไปพระอารามจีซูเช่นนี้น่ะหรือ! สถานที่หายากเช่นนั้น และอากาศยังหนาวถึงเพียงนั้น คุณหนู อย่าได้ไปเลยนะเจ้าคะ มิเช่นนั้น หากท่านอ๋องอยากพบท่านขึ้นมาจะทำอย่างไร แม้บ่าวจะไม่ได้พูด พระองค์ก็คงจะทราบขึ้นมาในไม่ช้านะเจ้าคะ”