ตอนที่ 673 ทำให้ลำบาก
“ไม่ต้องพูดแล้ว” อวี้อาเหราได้ยินเมี่ยวอวี้ละล่ำละลักขึ้นมาเช่นนี้ ก็นึกรำคาญอยู่บ้าง
“คุณหนู…” ไหนเลยเมี่ยวอวี้จะปล่อยให้นางไป หากถูกหลิงอ๋องจับได้ คนที่ถูกลงโทษนั้นเป็นนางน่ะสิ!
เมื่อถูกขวางอยู่หน้าประตู เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ยอมให้นางทั้งสองออกไป
หันกลับไปดุเจาเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ “เจาเอ๋อร์ ทำไมจึงทำให้ข้าลำบากเพียงนี้ อยากตายหรืออย่างไร?”
“บ่าว…” เจาเอ๋อร์ลำบากใจเป็นอย่างมาก คิ้วของนางย่นรวมกัน นางเองก็ไม่เห็นด้วยกับในสิ่งที่อวี้อาเหราตัดสินใจ แต่ว่านี่คือนิสัยของคุณหนู ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แล้วไหนเลยจะห้ามได้เล่า นางจำได้ว่าครั้งที่แล้วนั้นนางเคยห้ามเช่นนี้ สุดท้ายนางก็ยังหนีไปได้ สู้ไปกับนางเหมือนยามที่ไปเมืองตะวันตกเฉิงซีเสียยังจะดีกว่า ในยามคับขันยังสามารถที่จะปกป้องนางได้
ในสายตาของเจาเอ๋อร์ ชีวิตของคุณหนูนั้นสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด
เมี่ยวอวี้ทนดูไม่ได้อีกต่อไป จึงทำได้แต่เพียงหันไปมองอวี้อาเหรา “คุณหนู ท่านอย่าสร้างเรื่องอีกเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงช่วงปีใหม่แล้ว ในช่วงเวลาเช่นนี้หากท่านยังจะหนีออกไปอีก ท่านอ๋องทราบเข้าก็คงเกิดเรื่องปน่ อนุรองเองก็กำลังจ้องจะหาเรื่องอยู่นะเจ้าคะ!”
ที่เมี่ยวอวี้พูดก็มีเหตุผล แต่เรื่องที่จะต้องตรวจสอบสถานะของตัวเองนั้นก็เป็นเรื่องเร่งด่วนเช่นเดียวกัน
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ที่เมืองเฉิงซี นางยังจำได้ แม้ว่าหลิงอ๋องจะรู้อยู่แก่ใจ แต่กลับไม่ได้ว่าอะไรนาง นางจึงรู้ว่าเรื่องในครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก
อวี้อาเหราคิดเช่นนี้ จึงเงยหน้าขึ้นมา “เมี่ยวอวี้ เจ้าวางใจเสียเถิด ไม่มีอะไรหรอก”
เมี่ยวอวี้ไม่เชื่อนางอย่างเห็นได้ชัด
ท่าทีหนักอกหนักใจของนาง ทำให้เสียงของอวี้อาเหราเปลี่ยนไปเป็นดุดันขึ้นมา “เมี่ยวอวี้ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไรวันนี้ข้าก็จำต้องไปให้ได้ หากเจ้ากล้าที่จะขัดขวางข้า เจ้าก็กลับไปรับใช้เสด็จพ่อเหมือนเดิมเถิด เพราะเจ้าเป็นคนของเสด็นพ่ออยู่แล้ว ข้ารู้ดีว่าเสด็จพ่อส่งเจ้าจับตามองข้า เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าย่อมโอนเอียงเข้าหาเสด็จพ่อ ในเมื่อพูดเช่นนี้แล้วก็แล้วแต่เจ้าเถิด เจ้าจะบอกเสด็จพ่อก็ได้ ยอมเห็นข้าโดนอนุรองหาเรื่องได้ก็ตามใจเจ้า”
“คุณหนู…” ในที่สุดเมี่ยวอวี้ก็หวั่นไหว “ท่านกำลังทำให้บ่าวลำบากใจหรือเจ้าคะ”
อวี้อาเหราไม่พูดอะไร สายตากลับแกร่งกล้า ใช้สายตาบอกเมี่ยวอวี้ถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่
อย่างไรเสียวันนี้นางก็ต้องหาพระอารามจีซูให้ได้!
เมี่ยวอวี้ค่อยๆ อ่อนลง ไม่ได้ยืนขวางทางอีกต่อไป
อวี้อาเหราเห็นดังนี้ ใช้สายตามองไปทางเจาเอ๋อร์ ทั้งสองก็เดินจากไป
ยามที่ขึ้นนรถไปแล้ว ในใจของเจาเอ๋อร์ก็กระวนกระวาย คิ้วของนางขมวดมุ่น
“คุณหนู พวกเราออกมาเช่นนี้ เมี่ยวอวี้นาง…”
“ไม่รู้ หากนางจะบอกเสด็จพ่อก็ให้นางบอกไป หรือหากนางจะปิดบังเสด็จพ่อ ข้าก็เพียงต้องถ่วงเวลาเอาไว้เท่านั้น หากเสด็จพ่อจะส่งคนออกมาตามก็คงไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน”
เจาเอ๋อร์เข้าใจขึ้นมา “ดังนั้นคุณหนูจึงตัดสินใจเอาไว้นานแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“อืม” อวี้อาเหราพยักหน้า ทางด้านนี้ด้วย และอีกด้านหนึ่ง นางอยากจะรู้ว่าในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนั้น เมี่ยวอวี้จะเลือกช่วยใครกันแน่ ต่อไปจะได้วางใจได้
เจาเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างที่เชิดสูงขึ้นของนาง ในใจกระวนกระวาย เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว เมื่อวานนี้จู่ๆ คุณหนูก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน และวันนี้ยังอยากจะไปพระอารามจีซูอีก แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย หรือว่า…
คุณหนูทำอะไรกันแน่ ทำไมจึงอยากที่จะไปพระอารามจีซูด้วย?
เมื่อรถม้ากำลังจะออก เมี่ยวอวี้ก็แบกสัมภาระแล้วเดินเข้ามา
อวี้อาเหราและเจาเอ๋อร์มองหน้ากัน ไม่รู้ว่านางจะทำอะไร
ตอนที่ 674 ไม่ได้ตั้งใจ
เมี่ยวอวี้ยื่นสัมภาระห่อเล็กใส่มือเจาเอ๋อร์แล้วเอ่ยกับอวี้อาเหราเสียงเบา “คุณหนู ด้านในมีเงินจำนวนหนึ่ง เอาไว้ใช้ระหว่างทาง บ่าวทราบแล้วว่าคุณหนูตัดสินใจเด็ดขาด ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดอะไรมาก บ่าวจะพยายามถ่วงเวลาท่านอ๋องเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่คุณหนูก็จำต้องเตรียมพร้อมยอมรับการลงทัณฑ์นะเจ้าคะ”
“ข้ารู้แล้ว” อวี้อาเหราผ่อนคลายความกังวล หากจะบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหก
เมื่อมาถึงแคว้นต้าเยี่ยน แม้ว่าจะต้องสู้รบปรบมือ แต่ในเวลาเดียวกันนางเองก็ได้รับอะไรมามาก เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์นั้นมีใจซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งหลิงอ๋องเองก็เป็นเดือดเป็นร้อนกับนางเสมอ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเมี่ยวอวี้เอ่ยจนจบแล้วก็หันกลับไปมอง “เจาเอ๋อร์ ระหว่างทาง เจ้าต้องดูแลคุณหนูดีๆ เข้าใจหรือไม่”
“อืม เจ้าวางใจเถิด เมี่ยวอวี้” ดวงตาของเจาเอ๋อร์แดงก่ำ จำได้ว่ายามที่เมี่ยวอวี้เพิ่งมาถึงนั้น นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคบกันนานเข้า เพียงไม่ช้าก็กลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจกัน
“ไปกันเถิด” อวี้อาเหราเอ่ยกับคนขับรถม้า
ทว่าในช่วงเวลานั้น ยามที่มือทั้งสองกำลังจะปิดประตูรถม้าลง เมื่อมองไปจึงเห็นว่าเป็นจวินอู๋เหินที่กำลังแบกสัมภาระพุ่งเข้ามาในรถม้า ไม่มีท่าทีเหมือนคนนอกเลยแม้แต่น้อย มองท่าทีตื่นตกใจของอวี้อาเหราและเจาเอ๋อร์ด้วยสายตานิ่งงัน ก่อนจะโถมกายนั่งลงข้างๆ นางเสียงดังโครม
สุดท้ายก็มากันอีกสามคน ช่างแออัดนัก
อวี้อาเหรามองเห็นดังนั้น คิ้วของนางก็เลิกสูงขึ้น
กลับไปแล้วมิใช่หรือ?
ฉู่เกอลากอวี้จื้อเข้ามาด้วย หัวเราะเยาะสีหน้าตื่นตกใจของอวี้อาเหรา “พี่เหราเอ๋อร์ ข้าจะไม่รู้เชียวหรือว่าท่านคิดอะไรอยู่ จะแอบไปที่พระอารามจีซูโดยลำพังหรือ ไม่มีทางเสียล่ะ!”
“นี่เป็นความคิดของเซิ่นซื่อจื่อ…” อวี้จื้อเอ่ยอย่างอ่อนแรง
ฉู่เกอปรายตามองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ
อวี้อาเหรามองไปยังคนทั้งสี่ที่แทรกตัวเข้ามาในรถ
เจาเอ๋อร์ตกใจที่เห็นพวกเขาเข้ามาในรถเช่นนี้ นางตกใจและรีบสละที่นั่งให้ แล้วไปนั่งที่มุมๆ หนึ่ง
ฉู่เกอแทรกตัวอยู่ระหว่างจวินอู๋เหินและอวี้อาเหรา แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแน่ ในเมื่อไม่ให้นางนั่ง ฉู่เกอก็เท้าขึ้นเตะหนักๆ เจ็บเสียจนเขาต้องหลีกทางให้ สุดท้ายก็ไม่เหลือที่นั่งเอาเลย
“ท่านพี่ มานั่งนี่ เร็วเข้าสิ” ฉู่เกอปรายตาขึ้นมอง แล้วลากฉู่ป๋ายเข้ามานั่งตรงกลาง
ข้างๆ นางก็คืออวี้จื้อที่ทำหน้าอึดอัดใจ
ชั่วพริบตา รถม้าที่เคยกว้างขวางนั้นกลับเหมือนกรงนกไม่มีผิด จนแทบจะยัดอะไรลงไปไม่ได้
ฉู่ป๋ายนั่งลง อวี้อาเหราก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นรวยริน จนทำให้ใจไม่สงบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“นั่งดีๆ” ฉู่ป๋ายยื่อมือออกไปกุมมือของนาง น้ำเสียงของเขานั้นช่างเหมือนกับมีมนตร์สะกดให้ทุกคนทำตาม จนทำให้อวี้อาเหราที่ลุกลี้ลุกลนนั้นใจสงบขึ้น ไม่กล้าที่จะขยับไปไหนอีก
อวี้อาเหราพยายามสงบใจ เอ่ยถามเสียงเบา “พวกเจ้ามาได้อย่างไร”
“เจ้าแอบหนีไปยังพระอารามจีซู ข้าเผลอบอกให้เกอเอ๋อร์ทราบโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นนางจึงไม่ยอมไป บอกว่าอย่างไรก็ต้องไปกับเจ้าให้ได้ ข้าอับจนยิ่งนัก จึงต้องตามมานางมา” ยามที่ฉู่ป๋ายตอบออกมานั้น แน่นอนว่ามีท่าทีไม่รู้ไม่ชี้
ไม่ได้ตั้งใจหรือ? นี่ก็ตั้งใจชัดๆ!
อวี้อาเหรารู้ดีอยู่แก่ใจ มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ
เสียงของพวกเขาแผ่วเบา ใช้เพียงเสียงเบาๆ ที่ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น ดังนั้นแม้ฉู่เกอจะนั่งข้างๆ ก็ยังไม่ได้ยิน และยังหันไปคุยกับอวี้จื้ออย่างกระตือรือร้น
ผ่านไปนาน ก็มีเพียงนางที่จ้ออยู่คนเดียว
ทว่าอวี้จื้อกลับมีท่าทีเอียงอายเป็นอย่างมาก ทำเพียงนั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จา นานๆ ทีจึงค่อยส่งเสียงเออออรับปากให้สอดคล้องตามไปด้วย