ตอนที่ 446

The Novel’s Extra

บทที่ 446 ตอนใหม่ (8)

 

[ทวีป อคทรีน่า]

 

… 5 สัปดาห์สู่การเอาชีวิตรอดใน อคทรีน่า

 

ในช่วงเวลานี้เมืองหลวงของ พัลซาร์ ได้รับการปรับปรุงเล็กน้อย

การฟื้นฟูดำเนินไปอย่างราบรื่นและการก่อสร้างที่พักพิงส่วนกลางสำหรับประชาชน 8,633 คนนั้นเสร็จสมบูรณ์ วัสดุก่อสร้างถูกจัดหาโดย [ลูกเต๋าแบบสุ่ม] การก่อสร้างนั้นใช้พลังเวทมนต์ของ ไอลีน และไฟของ อียองอา

 

ผมสร้างปศุสัตว์ใหม่เกือบทุกวัน พวกเรามีไก่ทั้งหมด 53 ตัวหมู 12 ตัวและวัว 6 ตัว ยุ้งข้าวใหม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อชาวบ้าน เสียงร้องดังอย่างต่อเนื่องจากไก่เต็มเล้าที่อัศวินเฝ้ายามทั้งกลางวันและกลางคืน ผมจะมีความสุขที่ได้ทำมากขึ้น แต่เนื่องจากพลังในชิ้นส่วนคริสตัลมีจำกัด

ผมจึงไม่สามารถสร้างไก่ออกมาได้เยอะๆด้วย รอยสัก 5 เส้นในตอนนี้

 

เห็นได้ชัดว่าจินเซยอนมีความกระตือรือร้นอย่างมากเกี่ยวกับงานอาสาสมัคร ซอยองจี ช่วยเธอ พวกเขา 2 คนพร้อมกับผู้คนทำงานในทุ่งนาและขุดบ่อน้ำอย่างใจดี ต้องขอบคุณการทำงานหนักของพวกเขาทำให้การขโมยของหายไปและมันฝรั่งกับข้าวโพดก็โตเต็มที่ใน 4 สัปดาห์และแจกจ่ายให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

 

นอกจากนี้จินซาฮยอค ก็มีความหลงใหลในการศึกษาของเด็กน้อยมาก ผมไม่แน่ใจว่าเธอกำลังจะทำอะไร แต่จินซาฮยอคสอนเด็กน้อยเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้พลังเวทมนต์ขั้นพื้นฐานและทรมานเธอด้วยการยัดไส้ทฤษฎีการปกครองของมาเชเวลลิในสมองของเธอ

 

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จินซาฮยอค ไม่ได้คุยกับผมเลย เธอคอยหลีกเลี่ยงผมโดยไม่แม้แต่จะสบตากับผม

 

ตอนนี้ที่ผมคิดเกี่ยวกับมัน เธอก็ไม่ได้หลบผม เธอมองสายตาผมอย่างเงียบๆหรือตามผมมาจากระยะไกล จากนั้นเมื่อใดก็ตามที่สายตาของพวกเราสบกันเธอก็จะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

ตอนแรกผมคิดว่าเธอพยายามจะฆ่าผม แต่วันเวลาผ่านไปโดยที่เธอไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นปรปักษ์แม้แต่น้อย ความสับสนของผมก็เพิ่มขึ้นทุกวัน

 

“…ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ต้องไปหาเศษคริสตันแล้ว”

 

พวกเราจะอยู่บนกำแพงปราสาทที่ซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์แบบ ผมก็แนะนำให้ทุกคนมองไปดูด้านล่าง

 

“ฉันรู้สึกเหมือนสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นหากพวกเราจากไป” ไอลีน

กล่าว ดูเหมือนว่าเธอจะชอบ อคทรีน่า มากขึ้นไม่น้อย

 

“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันวางแผนจะไปคนเดียว”

 

“นั่นมันไม่อันตรายเกินไปเหรอ? พวกเราไม่มีเงื่อนงำเวลานี้น่า”

จินเซยอน พูดอย่างกังวล

 

ผมส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรเศษคริสตัลที่ผมมีจะตอบสนองเมื่อมีเศษอื่นๆอยู่ใกล้ๆมันอาจใช้เวลาไม่นานในการรวบรวมพวกมันทั้งหมด”

 

“อย่าดูถูกโลกภายนอก”

 

คราวนี้อัศวินแห่งหนึ่งของเด็กน้อยซึ่งยืนเฝ้าอยู่ที่กำแพงก็ออกมาข้างหน้า ชื่อของเขาคือ ลีโอ อัศวินผู้ชายที่ถืออาวุธเคลย์มอร์หนัก

 

“ไม่ใช่แค่ ชูเบิร์ท และมอนสเตอร์แต่รวมถึง ‘ศาลเตี้ย’ ภายนอกด้วย”

 

“ศาลเตี้ย?”

 

“ใช่ เขาโผล่ขึ้นมาเมื่อ 2-3 ปีก่อนที่สิ่งต่างๆเริ่มแย่ลลงพวกเขามีส่วนร่วมในสงครามกองโจรระหว่างปราสาทของชูเบิร์ทและปราสาทของพวกเราพร้อมขโมยอาหาร ม้าและอาวุธไป”

 

“อ่า…งั้นเหรอ”

 

ผมปล่อยให้คำพูดของเขาผ่านไปและพยักหน้า ผมค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของผม

 

“ฉันแค่จะไปลาดตระเวนในพื้นก่อน” ผมพูดสั้นๆก่อนกระโดดลงกำแพง

 

ตู้ม

 

หลังจากลงมาแล้วผมก็รู้ว่าจินซาฮยอค กำลังพิงกำแพงไว้ข้างหลังผม เธอจ้องมองมาที่ผม

 

“อะไร?”

 

“…ฉันจะไปกับนาย” จินซาฮยอค พูดและยืนข้างผม

 

ผมสงสัยว่าทำไมเธอหลีกเลี่ยงผมตลอดเวลา ผมปล่อยให้เธอตายไปด้วยมีบางอย่างที่ผมอยากจะพูดกับเธอ

 

“ทำตามที่เธอพอใจ.”

 

ผมก็เลยเดินทางไปกับจินซาฮยอค

 

[เศษคริสตัลสะท้อนแสงเมื่ออยู่ใกล้กัน]

 

เมื่อเดินผ่านป่าบางครั้งผมตรวจสอบคริสตัลในมือของผม ผมพูดหลังจากเงียบอยู่นาน

 

“ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังตะลุยคุกใต้ดินและห้องสมุดหลวง…”

 

“…”

 

ผมได้ยินมาจากอัศวินว่า จินซาฮยอค ใช้เวลามากมายในคุกใต้ดินและห้องสมุดของราชวงศ์ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังมองหาใครบางคน

 

“เป็นใครกัน คิมซูโฮ หรือ พูฮาเรน?”

 

ในบันทึกโลกใบนี้ คิมซูโฮ ไม่มีอยู่ในโลกนี้อาจเป็นเพราะเขาไม่ธรรมดาเกินกว่าจะสร้างโดยพลังของคริสตัลหอคอยได้ จินซาฮยอค ส่ายหัวคำถามของผม

 

“ไม่ใช่”.

 

“…จริงๆเหรอ?”

 

จากรูปลักษณ์บนใบหน้าผมสามารถบอกได้ว่าเธอพบอะไรบางอย่าง ผมเหลือบมองไปที่ใบหน้าของเธออย่างสงสัย

 

“เป็น พูฮาเรน ใช่ไหม? เพราะเธอรู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลายเป็นปีศาจ”

 

“ฉันบอกนายแล้ว ฉันไม่ได้ตายหาพูฮาเรน”

 

จินซาฮยอค หยุดและจ้องมองที่ใบหน้าของผมราวกับพยายามหาบางอย่างในตัวฉัน หลังจากนั้นไม่นานจินซาฮยอค ก็เปล่งเสียงเพี้ยนๆออกมา

 

“ …นายกำลังทดสอบฉันงั้นเหรอ”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างคำพูดของเธอฟังดูน่าตกใจ ผมมองเธอด้วยความสับสนอย่างสมบูรณ์และใบหน้าของจินซาฮยอคก็บิดเบี้ยว ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเธอเศร้าหรือโกรธ

 

“เธอหมายถึง….”

 

จินซาฮยอค พูดด้วยเสียงสั่น และแล้ว

 

วิ้งงงงงงงงงงงง…

 

ทันใดนั้นคริสตัลก็เริ่มสั่นสะเทือน ผมเอามือปิดปากจินซาฮยอค

 

“…อุ๊บบ!”

 

“เงียบ มีคนอยู่ที่นี่”

 

– ไม่จำเป็น

 

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไป เสียงหนักแทงผ่านหูของผม

 

ไม่ช้ากลุ่มอัศวินก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังพุ่มไม้ เนื่องจากผมไม่รู้สึกถึงการปรากฏตัวของพวกเขา ผมจึงสันนิษฐานว่ามีศัตรูเพียงคนเดียวในตอนแรก

 

“บ้าจริงมีมากขนาดนี้เลยเหรอ”

 

แต่สิ่งที่ปรากฏจากด้านหลังพุ่มไม้…อย่างน้อยอัศวิน 1 กอง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปหมดมากจนแม้แต่จินซาฮยอค ก็ต้องถอยออกไป

 

“ดูเหมือนว่า พวกเจ้า 2 คนมาจากปราสาทหลวง”

 

หัวหน้าของพวกเขายิ้มและก้าวมาข้างหน้า ชุดเกราะของเขาช่างน่าทึ่ง แต่ผมก็จดจ่อกับดาบในมือของเขามากกว่า

 

มีคริสตัลสีน้ำเงินฝังอยู่ตรงกลางด้ามจับ มันเป็นชิ้นส่วนของแผ่นดิน

 

ชายคนนั้นมองผมและจินซาฮยอค

 

“พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อลาดตระเวนงั้นเหรอ? ช่างโชคร้ายที่พวกเจ้าต้องมาเจอกับพวกข้า”

 

เสียงของเขาฟังลื่นไหลราวกับว่ามันถูกทาเนย ผมจะคิดแผนการก่อน

ผมมีแผนที่จะขโมยคริสตัลและหนีไปจากที่นี่ อย่างไรก็ตามจินซาฮยอค จู่ๆก็โกรธขึ้นมา

 

“เรแลน ไอ้ลูกหมา อยากเจอแกอยู่พอดี”

 

“…ฮ่าๆๆๆ งั้นเหรอเจ้ารู้จักข้า ไม่น่าแปลกใจเลยมี ปรมจารย์ดาบ เพียงหยิบมือเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้”

 

“ปรมจารย์ดาบ?”

 

ในขณะนั้นใบหน้าของผมก็แข็งค้าง

 

“ถูกตัอง. ชื่อของฉันคือ เรแลน, ปรมจารย์ดาบแห่ง ชูเบิร์ท”

 

ผมไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเราเป็น ‘ ปรมจารย์ดาบ’ ตัวจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเขาเป็น ถ้างั้นพวกเราก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายจริงๆ  ปรมจารย์ดาบไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่พบได้ทั่วไปในเนื้อเรื่องของผม

 

ปรมจารย์ดาบ ก็ตามชื่อของมันเป็นนัยยะว่า ‘เทพแห่งดาบ’

 

‘ปรมจารย์ดาบ’ เป็นขอบเขตที่ คิมซูโฮ สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเอาชนะราชาปีศาจ ดังนั้นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเราในตอนนี้อย่างน้อยก็แข็งแกร่งเท่ากับคิมซูโฮหรือแย่กว่านั้นก็คือแข็งแกร่งกว่า

 

“แล้ว เจ้าเป็นคนรับใช้ของราชาที่ท่านเคานต์พูดถึงใช่ไหม”

 

เรแลน ถามขณะที่ยกดาบของเขาขึ้นมา อัศวินที่อยู่ข้างหลังเขาดึงดาบของพวกเขาด้วยเช่นกัน

 

ซ่าาาาาาาาาา…

 

พลังเวทมนต์จำนวนมหาศาลแผ่กระจายไปทั่วป่า พลังเวทมนต์ของอัศวิน 1 กองก่อให้เกิดวังวนขนาดเล็ก

 

“จินซาฮยอค เตรียมพร้อมที่จะวิ่ง”

 

“…นายหนีไป. ฉันมีหน้าที่ฆ่าไอ้ลูกหมานี้แม้ว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน นายเองก็ควรรู้ว่าไอ้สวะนี้ก็เป็นคนทรยศด้วยเช่นกัน”

 

จินซาฮยอค จ้องมองไปที่ เรแลน และปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอ

ออกมา พลังเวทมนต์ของเธอลอยขึ้นไปในอากาศกลายเป็นหอกและดาบ

 

“-!!!!”

 

จินซาฮยอค ยิงพวกมันไปหา เรแลน ทันที แต่เรแลนเหวี่ยงดาบของเขาออกมา พวกเราเสียเปรียบที่นี่ มันยากที่จะจัดการกับ  ปรมจารย์ดาบแม้จะแค่ 1 คน แต่นี้มันมีอัศวินอีก 100 นาย

 

“ไม่…..ไม่ต้องดื้อเลย…?”

 

ตอนนั้นผมหยุดพูดและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เงาขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นดินที่พวกเรายืนอยู่ คนอื่นๆก็มองดูตามสัญชาตญาณเช่นกัน

 

“อะไรกัน….”

 

หอกหลายร้อยด้ามกำลังตกลงมาจากมุมมองที่ห่างไกลบนท้องฟ้าซึ่งครอบคลุมทั้งดวงอาทิตย์ หอกเหล่านี้ไม่ได้เป็นของ จินซาฮยอค

พวกมันเป็นของบุคคลที่สาม

 

ทันใดนั้นอัศวินก็ตะโกน

 

“เป็นศาลเตี้ย!”

 

“ทุกคนเตรียมพร้อมต่อสู้!”

 

“ไอ้พวกหมาป่า พวกนั้นกลับมาอีกแล้ว!”

 

หอกร่อนลงบนพื้นทันที อัศวินเองก็เตรียมพร้อมโจมตี พวกมันก่อให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ หอกหลายร้อยพุ่งเข้ามาและระเบิดทั่วทั้งบริเวณรอบตัวพวกเรา

 

ตู้มมมมมมมมมมมมมมม!

 

ควันเป็นฟองออกมาจากการระเบิด วิสัยทัศน์ของผมถูกปิดกั้นโดยควัน แต่ผมปลอดภัยต้องขอบคุณ เอเธอร์ ที่ล้อมรอบเป็นโล่ให้ผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองว่าหอกมาจากไหน

 

ชายที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของศาลเตี้ยยืนอยู่ที่นั่น น่าแปลกที่เขาดูคุ้นๆ

 

เคราหนา ดวงตาบวมคล้ำ เสื้อคลุมโทรม ลอยไปในอากาศ…. แม้ว่า

รูปร่าง หน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างมากจากที่ผมจำได้ แต่ผมก็สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นใคร

 

เขาคือ ชินจงฮัค อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

สถานการณ์ทั้งหมดนี้ค่อนข้างเหมือนเดจาวู ทันทีที่ผมเห็นเขาผมจำได้ทันทีจาก ‘เนื้อเรื่องที่ผ่านมา’ ที่ผมเคยไปในอดีตเมื่อมานานแล้ว การย้อนเวลาที่มีผมเพียงคนเดียวที่ตกหล่นไปในอดีตในช่วงเวลาอื่น

 

จะเป็นยังไงถ้าเกิดเรื่องนั้นกับ ชินจงฮัก เขาอยู่ในเวลาที่แตกต่างกัน…?

 

“ชินจงฮัค?”

 

ชินจงฮัคหันมามองผม ตอนแรกผมคิดว่าเขารู้สึกโล่งใจที่เห็นผม

 

“… 3 ปี”

 

แต่มันใช้เวลาไม่นานที่ผมจะรู้ว่าผมคิดผิด

 

“ฉันรอมาที่นี่ 3 ปีแล้วนะ แกไอ้คนไม่ได้เรื่อง!”

 

ชินจงฮัคชี้หอกสีแดงเข้มของเขามาที่ผมเพื่อระบายความโกรธ