ในตอนที่ซย่าโหวฉิงเทียนกำลังจะควบคุมตนเองไม่ได้นั้น ในที่สุดอวี้เฟยเยียนก็ปรากฏตัวออกมาเพื่อกู้สถานการณ์
เมื่อเห็นอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวฉิงเทียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
มาได้จังหวะเวลาพอดิบพอดีเลยเชียว!
เขาไม่ชินเลยจริงๆ กับการที่ถูกผู้คนชมเชย ไม่เคยชินเป็นอย่างมากเสียด้วย! เห็นที ความโหดร้ายทารุณจะเป็นเกราะป้องกันชั้นดีที่สำคัญยิ่ง!
บ๊อก…
ไม่รอให้ซย่าโหวฉิงเทียนเดินเข้ามา ฮันจื่อก็วิ่งรีบเข้าไปคลอเคลียตวัดหางออดอ้อนอวี้เฟยเยียนด้วยความดีใจ พร้อมทั้งแสดงท่าทางต่างๆ นานา เพื่อให้นางลูบหัวมัน
แม่นางน้อย ข้าน้อยเจ๋งมากเลยใช่หรือไม่!
คราวหน้าหากว่าองค์หญิงไป๋เสวี่ยมาหาเรื่องถึงที่อีก ข้าจะกินนางเสียเลย
ถึงแม้ว่ากลิ่นแป้งหอมบนกายนางจะรุนแรงหนักเอาการอยู่ แต่หากข้ากินนางเข้าไป นางก็จะได้ไม่มาหาเรื่องแม่นางน้อยอีก!
คำตอบอวี้เฟยเยียนก็คือ นางลูบศีรษะของเจ้าฮันจื่ออย่างแรงแล้วกล่าวว่า
“ปัญญาอ่อนจัดเป็นโรคอย่างหนึ่ง เจ้ากินนางอาจจะติดโรคได้นะ!”
ได้ยินดังนั้นฮันจื่อก็เกิดอาการไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
ข้าไม่อยากกลายเป็นปัญญาอ่อนโง่เขลานะ!
ต่อให้กินยาก็รักษาโรคปัญญาอ่อนนี่ไม่หาย!
ในที่สุดอวี้เฟยเยียนก็เดินเข้าไปหาซย่าโหวฉิงเทียน เขาแสดงอาการน้อยอกน้อยใจออกมาเล็กน้อย
พอแล้ว หยุดนะ…
น่ารักไม่เข้ากับหน้าเลย!
อวี้เฟยเยียนไม่แน่ใจว่า ซย่าโหวฉิงเทียนเริ่มเรียนรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูงเมตรเก้าสิบ กำลังใช้แววตากลัดกลุ้ม เจ็บปวด สับสนเล็กน้อยจ้องมองมาที่นาง บวกกับหน้าที่หล่อเหลาไร้เทียมทานของเขา เฮ้อ ยากนักที่จะไม่ทำให้คนคิดนอกลู่นอกทาง
น่าเสียดาย นางทำได้เพียงแค่มอง!
กินไม่ได้!
เมื่อนึกถึงว่าไม่รู้เมื่อไหร่ที่ตนจะตามหาเครื่องกระจายสัญญาณเชื่อมต่อของด๊อกเตอร์คิว ซึ่งมันสามารถพานางไปจากที่นี่กลับไปที่จีนแผ่นดินใหญ่ได้ตลอดเวลา อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกสับสนวุ่นวายอย่างมาก!
ตั้งแต่ที่ซย่าโหวฉิงเทียนรับค่าจ้างเป็นเหรียญทองแดงเพียงเหรียญเดียวในวันนั้นแล้ว ทุกวันซย่าโหวฉิงเทียนก็จะมาที่หอซงเฮ่อเพื่อทำผมแต่งตัวให้กับอวี้เฟยเยียน แต่ก่อนเขามักจะชอบปากว่ามือถึง เอาเปรียบอวี้เฟยเยียนเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งแอบจุ๊บริมฝีปากของนางด้วย
มาตอนนี้ ไม่มีอีกเลย
อีกทั้งในขณะที่เขาช่วยอวี้เฟยเยียนแต่งตัวนั้น เขาตั้งอกตั้งใจเป็นอย่างมาก
สีหน้าท่าทางเขาแลดูคล้ายกับศิลปินคนหนึ่งที่กำลังรังสรรค์ผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเขาอยู่
ใครๆ ต่างก็บอกว่าบุรุษเวลาตั้งใจทำอะไรจะมีพลังดึงดูดมากที่สุด
ในสายตาอวี้เฟยเยียนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซย่าโหวฉิงเทียนที่ตั้งใจฆ่าคน หรือซย่าโหวฉิงเทียนที่ตั้งอกตั้งใจแต่งตัวทำผมให้กับนาง ล้วนแต่น่าดึงดูดทั้งสิ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่นางเกิดเรื่อง ซย่าโหวฉิงเทียนมักจะเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวเสมอ ไม่ว่าจะช่วยสนับสนุน หรือทำลายล้าง เขาก็เต็มที่ทุกครั้ง บุรุษเช่นนี้ มีเพียงแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น
ทว่า ในจินตนาการนั้นสมบูรณ์แบบ ทว่าความจริงมักจะขมขื่นเสมอ
วิญญาณนางทะลุมิติมาสิงสู่ร่างนี้ มิใช่เจ้าของร่างที่แท้จริง จะมามีวาสนาได้พบกับความรักได้อย่างไรกัน!
เช่นนี้มิเท่ากันเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายหรือไร!
ความรู้สึกที่ว่าความหอมหวานอยู่ตรงหน้า ทั้งเย้ายวนชวนให้หลงใหล ทว่าตัวเราเองกลับไม่มีทางที่จะอ้าปากรับ มิอาจกลืนกินลงท้องได้ มันย่ำแย่อย่างยิ่ง!
ในเวลาเพียงไม่นาน ทว่าจิตใจอวี้เฟยเยียนราวกับรถที่เพิ่งปีนขึ้นภูเขาผ่านหนทางยากลำบากเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงขรุขระไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ด้านหนึ่งคือหนุ่มเนื้อแน่นกรุบกริบ อีกด้านคือประเทศชาติ ตลอดจนครอบครัวและหน้าที่ทางการทหาร
ความรู้สึกกับสติสัมปชัญญะกำลังตีกันอย่างหนักในหัว คิดจนหัวแทบแตกก็คิดคำตอบไม่ออก นางจึงสลัดสิ่งเหล่านี้ทิ้งไป ไม่ไปคิดมันอีก
“ขอบคุณเจ้ามากนะ!”
เมื่อได้สติกลับมา อวี้เฟยเยียนจึงเพิ่งค้นคบว่าซย่าโหวฉิงเทียนกำลังจ้องมองตนเองอยู่
นัยน์ตาที่ลึกล้ำคู่นั้นมีเปลวเพลิงสีแดงฉานร้อนระอุกำลังลุกโชติช่วง แผดเผาให้แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว จนต้องเสหน้าหันมองไปทางอื่น
“เจ้ากำลังเขินหรือ”
ซย่าโหวฉิงเทียนทำท่าทีราวกับว่าค้นพบแผ่นดินใหม่อีกผืนอย่างไรอย่างนั้น สีหน้าเขาตะลึงเสียยกใหญ่
นิสัยแมวน้อยที่ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ปฏิบัติตัวกับเขาเป็นกันเองสบายๆ มิเคยเห็นว่าตนเองเป็นหญิงแล้วเขาเป็นชายเลยสักครั้ง
วันนี้นางเป็นอะไรไป
ถึงแม้ว่าแก้มทั้งสองข้างของแมวน้อยจะแดงก่ำ แต่ทว่าสายตานางกลับฉายแววสับสน
หรือว่า…คนชั่วสองคนเมื่อครู่ทำให้นางตกใจจนขวัญเสีย
หลิวเปย เจ้าช่างบังอาจนัก …
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เคยมีความรักกับหญิงใดมาก่อน ดังนั้นจึงไม่เข้าใจความรู้สึกสับสนที่เปิดเผยออกมาผ่านแววตาที่ซับซ้อนของอวี้เฟยเยียน ตรงกันข้ามเขากลับผลักความผิดทั้งหมดไปให้กับหลิวเปย ทั้งยังสาบาน จะต้องทวงมันคืนจากหลิวเปยเป็นเท่าตัว
ซย่าโหวฉิงเทียนจับความรู้สึกได้อย่างรวดเร็ว อวี้เฟยเยียนจึงรีบเบี่ยงประเด็นทันที
“อากาศร้อนต่างหาก!”
อวี้เฟยเยียนพูดไปก็ยกมือน้อยขึ้นพัดโบกไปมา ให้เกิดลมขึ้นคลายร้อน
แต่หารู้ไม่ยิ่งนางทำเช่นนี้ แก้มทั้งสองข้างของนางก็ยิ่งร้อนเห่อมากขึ้น คล้ายกับว่ายิ่งนางกลบเกลื่อนความรู้สึกตนมากเท่าไหร่ มันกลับยิ่งแสดงออกชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
ในสายตาซย่าโหวฉิงเทียน เห็นทีว่าในโลกใบนี้ไม่มีอะไรจะสวยงามไปกว่าดวงหน้างดงามของสาวน้อยตรงหน้าอีกแล้ว!
“เฮ้อ อธิบายก็คือกลบเกลื่อน! พี่เข้าใจแล้ว!”
ในตอนนั้นเอง ผู้คนที่เมื่อครู่สลายตัวกันไปคนละทิศละทางก็กลับมารวมตัวจับกลุ่มเข้ามาอีกครั้ง
เกรงว่าจะทำให้อวี้เฟยเยียนลำบากใจ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงกลับสู่ท่าทีเป็นการเป็นงานเช่นเดิม
“ฮันจื่อ ต่อไปเจ้าจงเฝ้าอยู่ที่นี่! หากใครมาหาเรื่องที่หอคืนชีพ แกล้งป่วยแกล้งตายอีก เจ้าก็กัดมันให้ตายไปเลย!”
ได้ยินคำสั่งของซย่าโหวฉิงเทียน ฮันจื่อก็กระโดดขึ้นมาอย่างดีอกดีใจด้วยรอคอยมานาน
ในตอนแรกมันก็อยากที่จะติดตามอวี้เฟยเยียนอยู่ข้างกาย แต่เนื่องด้วยร่างกายมันใหญ่โตมหึมาเกินไป อวี้เฟยเยียนจึงเกรงว่าจะทำให้ผู้ป่วยตกใจ ดังนั้นจึงเก็บฮันจื่อไว้หลังเรือน
มาตอนนี้ในที่สุดซย่าโหวฉิงเทียนก็ออกคำสั่ง แน่นอนว่าฮันจื่อดีใจยิ่งนัก
กัดให้ตาย!
กินมันเข้าไปให้หมด!
โอ้เย่…
จริงอย่างที่มันคาดการณ์เอาไว้ ขอเพียงติดตามแม่นางน้อยชีวิตถึงจะรุ่งเรือง
สุนัขสีดำที่รูปร่างใหญ่เสียยิ่งกว่าเสือ กำลังยิ้มอย่างดุดัน ฟันยาวเรียวและคมกริบ สะท้อนกับแสงแดดเปล่งประกายวิบวับ
มีสัตว์ดุร้ายเฝ้าประตูเช่นนี้ ดูซิ ยังจะมีใครกล้ามาหาเรื่องถึงที่อีก!
หลังจากที่กลับถึงวัง ซย่าโหวเสวี่ยก็แช่ถังน้ำดอกไม้กว่าหนึ่งชั่วยามเต็มๆ รอจนกระทั่งร่างนางอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้เข้มข้น นางจึงยอมลุกออกมา
ไอ้หมายักษ์สมควรตาย!
อย่าให้ถึงทีที่เจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือข้าก็แล้วกัน!
มิเช่นนั้น ข้าจะฆ่าแล้วกินเนื้อสุนัขนั่นเสีย!
แผนการที่ซย่าโหวเสวี่ยจะส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวมอบให้กับหลิวเปยล้มไม่เป็นท่า ทำนางเบื่อหน่ายจนทนแทบไม่ไหว
หลิวเปยมีชื่อเสียงยิ่งนักในเรื่องของความมักมากในกาม แม้ว่าหลังจากที่เขามาถึงแคว้นต้าโจวแห่งนี้แล้วจะประพฤติตัวปกติ แต่ซย่าโหวเสวี่ยก็ได้ยินมาว่าการที่เขาเดินทางมาในครั้งนี้ นำเมียน้อยคนสวยมาด้วยถึงสิบคน
ช่างเปี่ยมด้วยวาสนายิ่งนักแล!
หากว่าหลิวเปยได้ยลโฉมหน้าที่แท้จริงของอวี้หลัวช่าละก็ เขาคงจะน้ำลายไหลออกมาเลยทีเดียวเชียว
พวกสตรีที่แต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมหนาเตอะเช่นนั้น จะมาเทียบกับอวี้หลัวช่าได้อย่างไรกัน!
น่าเสียดาย เรื่องนี้ถูกท่านลุงสิบสี่ก่อกวนจนพังไม่เป็นท่า!
ยิ่งคิด ซย่าโหวเสวี่ยก็ยิ่งขุ่นเคือง
เดิมทีนางคิดจะใช้หลิวเปยต่อกรกับอวี้หลัวช่า ใครจะไปคาดคิดว่าโอกาสที่พวกเขาจะได้พบหน้ายังไม่มีเลย จะทำอย่างไรดีนะ
เมื่อคิดอะไรไม่ออก ซย่าโหวเสวี่ยก็เดินวกไปวนมาอยู่ภายในตำหนักตนอย่างใช้ความคิดเพื่อหาวิธี
จนกระทั่งเมื่อนางมองเห็นภาพวาดหญิงสาวบนผนัง ทันใดนั้นนางก็คิดแผนการออกมาได้แผนหนึ่ง
นางเคยพบอวี้หลัวช่า นางสามารถวาดภาพโฉมหน้าอวี้หลัวช่ามอบให้กับหลิวเปยได้นี่นา นางไม่เชื่อหรอกว่าหลิวเปยเห็นแล้วจะไม่หวั่นไหว
สำหรับเรื่องที่ว่าหลิวเปยจะทำอย่างไรต่อไป มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับซย่าโหวเสวี่ยแล้ว!
ภาวนาขอให้หลิวเปยลบหลู่อวี้หลัวช่า สุดท้ายจึงถูกอวี้หลัวช่าฆ่าตาย ถึงตอนนั้น แคว้นซีเย่ว์จะต้องตามมาคิดบัญชีกับอวี้หลัวช่าเป็นแน่
ต่อให้อวี้หลัวช่าเก่งกาจสักเพียงใด นางก็มิอาจรับมือกับคนทั้งแคว้นได้หรอก…