AST
บทที่1747 – พลังของชิงสุ่ยและเหล่าหญิงสาว
ชิงสุ่ยปล่อยให้ไข่มุกวารียอมรับอีเย่เจี้ยนเก้อเป็นเจ้าของพลังของไข่มุกวารีมิได้แตกต่างหรืออ่อนแอไปกว่าไข่มุกวารีศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย พลังของอีเย่เจี้ยนเก้อเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบ 3 เท่า รวมทั้งร่างกายของเธอที่มีผลกระทบอย่างน่าอัศจรรย์
อีเย่เจี้ยนเก้อมีสายเรียกแฝงเป็นสายเลือดมรดกนาคานอกจากนี้เธอยังมีร่างกายที่ทรงพลัง เธอจึงทำให้ทั้งไข่มุกวารีและกระบี่พุทธะยอมรับเธอในฐานะเจ้านาย
พลังของอีเย่เจี้ยนเก้อที่ถูกปลดปล่อยผ่านกระบี่พุทธะเต็มไปด้วยพลังและอำนาจมันสามารถปลดปล่อยพลังออกมาในระดับขีดสุดที่ไม่ควรเป็นไปได้ ซึ่งหลังจากที่ชิงสุ่ยใช้พลังเนตรสวรรค์ตรวจสอบคลื่นพลังขณะที่อีเย่เจี้ยนเก้อใช้งาน เขาก็พบว่า
มันคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หยกสวรรค์
แท้จริงแล้วชื่อของมันจริงๆไม่ใช่ชื่อกระบี่พุทธะเพียงแต่ชื่อของมันเกิดขึ้นเพราะผู้สร้าง มันถูกสร้างขึ้นภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนทะเลเหนือ แต่มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องของชื่อซึ่งไม่มีใจความสำคัญใดๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกระบี่นี้ถูกใช้อย่างเหมาะสมเมื่ออยู่ในมือของอีเย่เจี้ยนเก้อ
เมื่อกระบี่ยอมรับเธอเป็นเจ้านายความสามารถทั้งหมดในร่างกายของเธอจะเพิ่มพูนขึ้น 2 เท่า และความว่องไวจะเพิ่มพูนขึ้น 5 เท่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการโจมตีจะลดลงครึ่งหนึ่ง และอัตราการฟื้นฟูร่างกายจะเพิ่มพูนขึ้นอีก 5 เท่า
กระบี่มาพร้อมกับทักษะการต่อสู้- คลื่นป้องกันสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
คลื่นป้องกันสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์- สามารถใช้งานได้วันละ 1 ครั้ง โดยพลังป้องกันภายในร่างกายจะเพิ่มพูนขึ้นแบบทวีคูณ และจะคงอยู่เพียงแค่ 2 ชั่วโมง
พลังศักดิ์สิทธิ์หากโจมตีใส่สิ่งชั่วร้าย พลังโจมตีออกไปจะทำความเสียหายเป็น 2 เท่า
ตอนนี้ชิงสุ่ยมีความสุขอย่างยิ่งที่เห็นอีเย่เจี้ยนเก้อแข็งแกร่งขึ้นเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดเขาก็พร้อมที่จะจากไป
ทุกกระบวนการเป็นไปอย่างล่าช้าทำให้เวลาครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็วชิงสุ่ยจ้องมองชิงห่านอี้ แม่ใบหน้าของเธอจะไม่ได้แสดงออกถึงสิ่งใดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ แต่เขาก็รู้สึกถึงความเศร้าจากในตัวของเธอ
ชิงสุ่ยเอื้อมมือไปแตะใบหน้าชิงห่านอี้ซึ่งเธอเองก็เขินอายเล็กน้อยเพราะอยู่ต่อหน้าอีเย่เจี้ยนเก้อและมูหยุนชิงเก้อ
”ข้าคบคิดเรื่องของเจ้าอยู่สักพักนึงแล้วเจ้าถือครองกายาเก้าหยิน ฉะนั้นของขวัญที่เหมาะสมกับเจ้าจะต้องเป็นไข่มุกปฐพีและไข่มุกพฤกษา ส่วนร่างกายของข้าก็เหมาะสมกับไข่มุกอีก 2 เม็ดที่เหลือนั่นก็คือไข่มุกอัคคี และไข่มุกโลหะ ซึ่งพอดีกับขีดจำกัดที่ร่างกายของเจ้าและข้าจะรับไหว”
ทันทีที่กล่าวจบชิงสุ่ยค้นหาเมาไข่มุกทั้งสองเม็ดออกมาและมอบมันให้กับชิงห่านอี้ “มาเถิด ถึงคราวที่เจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นแล้ว” novel-lucky
ชิงสุ่ยพาชิงห่านอี้ออกไปสู่สถานที่ที่เงียบสงัด
ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยพุ่งพ่านออกมาอีกครั้งหลังจากที่ไข่มุกโลหะยอมรับเขาเป็นเจ้านายมันได้ช่วยเพิ่มพูนพลังของง้าวทองทะลวงศัตรูให้แข็งแกร่งขึ้น หากนับตามมนุษย์ทั่วไป แต่ละคนสามารถครอบครองไข่มุกห้าธาตุได้เพียงคนละ 1 เม็ดเท่านั้น แต่เนื่องจากชิงสุ่ยและชิงห่านอี้ครอบครองร่างกายที่ไม่ธรรมดา จึงทำให้พวกเขาสามารถครอบครองไข่มุกได้ถึง 2 เม็ด แต่ข้อดีก็ต้องแลกมาด้วยข้อเสีย ตามกรณีของชิงห่านอี้ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยปัญหามากมาย เธอไม่อาจใช้ชีวิตเช่นหญิงสาวทั่วไปบนโลกใบนี้ได้ หากเธอต้องการมีสามี ด้วยร่างกายที่หล่อๆขึ้นจากพลังหยินจำนวนมาก สามีของเธอจึงจำเป็นต้องมีกายา 9 หยางเพื่อทำให้ร่างกายของเธอสมดุล
เธอก็โชคดีที่เธอได้พบคนที่เหมาะสมกับเธอมิฉะนั้นเธอก็ต้องทนอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต
หลังจากที่ชิงห่านอี้ได้ใช้ไข่มุก5 ธาตุ คุณสมบัติธาตุปฐพีและธาตุพฤกษาของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รวมพลังในร่างกายของเธอเพิ่มพูนขึ้นประมาณ 2 เท่า และเรื่องที่ทำให้ชิงสุ่ยงุนงงมากที่สุด คือหลังจากที่เขาเองใช้ไข่มุกทั้ง 2 เม็ด พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นเพียงแค่เท่าเดียว
ชิงสุ่ยพยายามทำความเข้าใจซึ่งสิ่งที่เขาเข้าใจ ก็คือการที่คนเรายิ่งแข็งแรงอัตราการเพิ่มพูนก็ยิ่งน้อยลง สำหรับอีเย่เจี้ยนเก้อ พลังของเธอเพิ่มขึ้น 3 เท่า แต่ชิงห่านอี้กลับเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 2 เท่า ในขณะที่เขาเพิ่มขึ้นแค่เท่าเดียว
แม้ว่าพลังจะเพิ่มขึ้นแค่เท่าเดียวแต่ก็ทำให้ชิงสุ่ยมีพลังทะลุถึงระดับ 90,000 เต๋า
ส่วนอีเย่เจี้ยนเก้อและชิงห่านอี้มีพลังอยู่ใกล้เคียงกันคือระดับประมาณ30,000 เต๋า ส่วนมูหยุนชิงเก้อมีพลังน้อยกว่าเล็กน้อย และหลัวชิงเฉิงก็มีพลังใกล้เคียงกับระดับของมูหยุนชิงเก้อ ขึ้นมากกว่า 20,000 เต๋า
ชิงสุ่ยทำการร่างสำเนาเคล็ดวิชาที่ซ่อนอยู่ภายในไข่มุก5 ธาตุ และแจกจ่ายมันให้กับทุกคน ภายในไข่มุก 5 ธาตุ ธาตุโลหะถือเป็นสิ่งที่หายากที่สุด
มันคือโลหะที่เป็นส่วนหนึ่งของก้อนอุกกาบาตแน่นอนว่ามันย่อมต้องมีคุณภาพดีกว่าโลหะอื่นๆที่ชิงสุ่ยเคยพบเจอ ชิงสุ่ยคิดถึงเรื่องธนูทลายสุริยา แล้วนึกขึ้นได้ว่ามูหยุนชิงเก้อนั้นมีความสามารถเป็นเลิศในการใช้ธนู ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เขาลืมอย่างสนิทใจ
เผ่านาคามีความเป็นเลิศในการใช้ธนูและเมื่อเขาคิดได้ เขาจึงตัดสินใจมอบธนูทลายสุริยาให้แก่มูหยุนชิงเก้อ “ส่วนเรื่องลูกศรธนู เดี๋ยวข้าจะประดิษฐ์มันให้กับเจ้าภายหลัง”
มูหยุนชิงเก้อแสดงความลังเลเล็กน้อยก่อนจะรับธนูทลายสุริยามาจากมือของชิงสุ่ยซึ่งทันทีที่เธอถือมัน บางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกก็เกิดขึ้น ร่างกายของมูหยุนชิงเก้อทอแสงประกายเรืองรอง
ชิงสุ่ยตกตะลึงชั่วครู่หนึ่งดูเหมือนศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์จะยอมรับเจ้าของคนใหม่……
นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาลืมเขาลืมว่าธนูทลายสุริยาเองก็เป็นหนึ่งในศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้าหากศาสตราวุธพวกนี้ยอมรับเจ้าของ ผู้ใช้ก็จะได้รับพลังจากมัน แต่เรื่องเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก และดูเหมือนนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยจะได้เห็นมันกับตาตัวเอง
มูหยุนชิงเก้อตกใจเป็นอย่างมากก่อนที่เธอและชิงสุ่ยจะรับรู้ถึงพลังในตัวของเธอ พลังได้เพิ่มพูนขึ้นจนทำให้เธอมีพลังถึงระดับ 40,000 เต๋า ซึ่งมากกว่าพลังของอีเย่เจี้ยนเก้และชิงห่านอี้อยู่เพียงเล็กน้อย
มูหยุนชิงเก้อที่เคยอ่อนแอที่สุดกลับกลายเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดในบรรดาหมู่หญิงสาวของชิงสุ่ย ที่สำคัญรูปร่างของธนูทลายสุริยา ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนนี้ธนูสามารถกลายร่างให้กลายเป็นกระบี่ได้แล้ว
”ชิงสุ่ยพาชิงเก้อไปที่ถ้ำมหาสมุทรเสียงสวรรค์พร้อมกับเจ้าเถิด เจ้าอย่าได้กังวลเรื่องทางนี้เลย”
ชิงห่านอี้ยิ้มขณะกล่าวว่า”ข้าจะอยู่ที่นี่แล้วรอคอยการกลับมาของเจ้า พาชิงเก้อไปกับเจ้าเถิดนะ มิฉะนั้น ถ้านางปฏิเสธก็พาข้าไปแทน”
”ข้าจะไปกับเจ้า”มูหยุนชิงเก้อกล่าว
หญิงสาวทั้งสามคนยิ้มขณะมองดูมูหยุนชิงเก้อ
”เย่เอ๋อต้องดูแลพระราชวังหมาป่ามังกรในขณะที่ข้ายังคงว่างงาน ฉะนั้นคนที่ไม่มีภาระอย่างข้าสมควรไปที่สุด”น้ำเสียงของมูหยุนชิงเก้อเหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่าง
”เอาล่ะข้าจะให้วิหคอัคคีทมิฬ มังกรไอยรา คอยช่วยเจ้าดูแลที่นี่”ชิงสุ่ยคิดและยอมรับความคิดของทุกคน