“เป็นความคิดที่ดี ข้าไม่ชอบพวกสำนักโอสถเหล่านั้นตั้งแต่แรกแล้ว! ” อู๋จุนรีบพูดสนับสนุน
ทว่าใบหน้าของมู่หรงฉีกลับนิ่งขรึม “เกรงว่าหากคิดจะกำจัดสำนักโอสถคงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จงเนี่ยจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าเขายังมีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือ รวมทั้งทหารอีกสี่แสนนาย นอกจากนั้น… สำนักโอสถยังมีจงซูอี้ผู้ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้”
มู่หรงฉีเกรงว่าหากกดดันตระกูลจงมากเกินไป จะทำให้เกิดความยุ่งยากที่ไม่มีวันจบ และพวกเขาอาจก่อกบฏขึ้นได้
หากเป็นเมื่อก่อน มู่หรงเฟิงกับมู่หรงฉีคงร่วมมือกันต่อต้าน
ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ การที่มู่หรงเฟิงไม่ร่วมมือกับสกุลจง นับเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว
ซูจิ่นซีก็คิดถึงจุดนี้เช่นกัน
“เช่นนั้นต้องคิดวิธีประนีประนอมและแผนการที่รอบคอบที่สุด”
“เจ้าคิดว่าอย่างไร? ”
เมื่อพูดว่าจะจัดระเบียบสำนักแพทย์ อู๋จุนก็ตื่นเต้นอย่างมาก เขาเห็นมู่หรงฉีและซูจิ่นซีพูดวนไปเวียนมาตั้งมากมาย ทว่าเรื่องเหล่านั้นล้วนไม่อยู่ในความสนใจของเขา ทั้งยังทำให้เขายิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก
“แม่นางพิษน้อย วิชาพิษของเจ้าเก่งกาจยิ่งนัก เพียงวางยาพิษพวกเขาทั้งหมดก็สิ้นเรื่อง หากยังไม่สำเร็จ พี่จุนจะหาศพพิษจำนวนหนึ่งจากแคว้นไหวเจียงมาให้เจ้า รับประกันว่าสามารถบดขยี้คนพวกนั้นได้สบาย”
มู่หรงฉีมองอู๋จุนพลางส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ ซูจิ่นซียิ่งก่ายหน้าผากอย่างหมดหนทาง พวกเขารู้สึกรำคาญอยู่บ้างที่ให้อู๋จุนมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ หากรีบเร่งวางยาพิษพวกสำนักโอสถ คงโหดร้ายมากเกินไป
นางในฐานะที่เป็นคนในจวนมู่หรงฉี และเพิ่งมีเรื่องพัวพันกับสกุลจง ทว่าผ่านไปไม่นาน สกุลจงกลับถูกคนวางยาพิษสังหารอย่างลึกลับ สำหรับเรื่องนี้ หากชาวเมืองเย่หลินไม่สงสัยมู่หรงฉี ยังจะสงสัยผู้ใดได้อีก?
ทว่าอู๋จุนผู้ดื้อรั้นกลับไม่ได้นึกถึงประเด็นนี้
เมื่อเห็นท่าทางรำคาญของซูจิ่นซีและมู่หรงฉี คิ้วภายใต้หน้ากากเย็นชาของเขาพลันขมวดแน่น จากนั้นเขาก็กระโดดเข้าไปยืนเบื้องหน้าซูจิ่นซี
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนพูดไม่ถูกหรือ? ตราบใดที่เจ้าพูดมา พี่จุนจะรีบไปจัดการเรื่องนี้แทนเจ้า รับรองว่าจะจัดการให้อย่างเรียบร้อยสวยงาม ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ”
เพราะว่าไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ จึงเรียกว่าโหดร้าย!
ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องนี้กับอู๋จุนอย่างไร
บางเรื่อง ผู้ที่มีความฉลาดและมีสติปัญญาระดับหนึ่งเท่านั้นจึงจะเข้าใจ
เมื่อเห็นซูจิ่นซีขมวดคิ้วมุ่น อู๋จุนจึงขมวดคิ้วเช่นกัน ทว่าเขาขมวดคิ้วเนื่องจากความสงสัย
อู๋จุนกำลังจะถามซูจิ่นซี ทว่าซูจิ่นซีกลับพูดขึ้นก่อน “คืนนี้ข้าจะเตรียมตัวไปสำนักโอสถก่อนเพื่อค้นหาความจริง หลังจากนี้ค่อยว่ากัน”
“ไปสกุลจง? แม่นางพิษน้อย พี่จุนไปด้วย! ” อู๋จุนพูดขึ้น
“ไม่ได้” ซูจิ่นซีรีบโต้แย้ง คนมากอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้
“พี่จุนสามารถปกป้องเจ้าได้ จะมีเรื่องผิดพลาดได้อย่างไร? ”
“ตอนนี้ข้าไม่ต้องให้เจ้าปกป้อง”
ไม่รู้ว่าอู๋จุนคิดสิ่งใด เขาไม่โต้แย้งกับซูจิ่นซีอีก ทำเพียงกระโดดไปที่โต๊ะหินแล้วนั่งลง “ไม่ไปก็ไม่ไป หึ! ”
เมื่อเห็นท่าทางของอู๋จุน มู่หรงฉีก็หัวเราะ ฮ่า ฮ่า ออกมาสองครั้ง “จิ่นซี เจ้าไปพร้อมกับอู๋จุนเถิด! ต่อให้เจ้าไม่พาเขาไป รอจนเจ้าถึงสกุลจงแล้ว เขาก็ไล่ตามไปอยู่ดี ผู้ใดจะรู้ ตอนที่ไม่มีเจ้าคอยควบคุม เขาจะทำสิ่งใดลงไปอีก”
มู่หรงฉีเพิ่งพูดจบ อู๋จุนก็กระโดดมาด้านข้างมู่หรงฉี และตบหัวไหล่ของเขาเบาๆ
“เจ้าฉี เจ้ายังคงเป็นผู้ที่เข้าใจข้ามากที่สุด! ”
ซูจิ่นซีก่ายหน้าผากราวกับทำอันใดไม่ถูก สุดท้ายจึงรับปากว่าจะพาอู๋จุนไปด้วย “ไปกับข้าก็ได้ ทว่าเจ้าต้องสัญญากับข้า ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้พิษทำร้ายสำนักโอสถ”
อู๋จุนรีบให้สัญญา “แม่นางพิษน้อยวางใจได้ ขอเพียงเจ้าไม่ยินยอม พี่จุนจะไม่วางยาพิษแน่นอน ทั้งไม่ทำเรื่องยุ่งยากให้เจ้า! ”
“พระชายา ในเมื่อเจ้าหุบเขาอู๋ไปด้วย หากเพิ่มกระหม่อมไปด้วยอีกคนคงก็ไม่มากเกินไปกระมัง? ”
อวิ๋นจิ่นที่ยืนอยู่ด้านข้างและไม่พูดอันใดมาตลอด พลันเอ่ยปากขึ้น
ซูจิ่นซีตอบตกลงให้อู๋จุนไปแล้ว หากอวิ๋นจิ่นอยากไป นางยังจะปฏิเสธได้หรือ?
ดังนั้นนางจึงตอบตกลง
ในจวนสำนักแพทย์มีช่องทางลับ สามารถทะลุถึงจวนฉีอ๋องได้โดยตรง
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้อื่นสงสัย ในตอนกลางคืน มู่หรงฉีจะกลับจวนฉีอ๋องด้วยเส้นทางลับ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปสำนักโอสถกับพวกซูจิ่นซี
ในยามกลางคืน ซูจิ่นซี อวิ๋นจิ่น และอู๋จุนไปที่จวนสกุลจง
แม้จวนสกุลจงจะมีทหารเฝ้าอยู่อย่างแน่นหนา ทว่าทั้งสามคนยังแอบเข้าไปได้
พวกเขาทั้งสามเหาะลงบนหลังคาเรือนหลังของสกุลจงอย่างเงียบงัน ก่อนจะยกกระเบื้องหลังคาขึ้นและมองลงมาด้านล่าง
สิ่งที่ซูจิ่นซีไม่คาดคิดและเรื่องที่นางกังวลใจได้เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากพวกนางเห็นมู่หรงเฟิงอยู่ด้านล่าง
ใช่แล้ว แม้มหาอุปราชกับสกุลจง สามเศียรมังกรแห่งแคว้นหนานหลีจะไม่ได้เป็นศัตรูกัน ทว่าพวกเขายังคงเผชิญหน้าโดยไม่แทรกแซงกันและกัน จึงเกิดสถานการณ์สามอำนาจหลักขึ้น
อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยคาดคิดเลยว่า มู่หรงเฟิงจะปรากฏตัวที่จวนสกุลจงในยามค่ำคืน
มู่หรงเฟิงกับสกุลจงร่วมมือกันแล้วใช่หรือไม่?
พวกเขาจะทำอันใดต่อไป?
รีบกำจัดมู่หรงฉีให้เร็วที่สุดใช่หรือไม่?
ภายในห้องไม่ได้มีเพียงมู่หรงเฟิง ทว่ายังมีจงเนี่ยและหลิงเซียวจวิ้นจู่
นอกจากนั้นยังมีชายชราผู้หนึ่งอายุราวแปดสิบปี ผู้ซึ่งมีผมหงอกและมีจิตวิญญาณแก่กล้า เขากำลังฝังเข็มให้จงเนี่ยที่นอนอยู่บนเตียง
มองดูลักษณะการแต่งกายของชายชราผู้นั้นแล้ว ทุกคนคงเดาสถานะของเขาได้ เขาคงจะเป็นผู้นำสกุลจง จงซูอี้ ผู้เป็นบิดาของจงเนี่ย
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีกลับขมวดคิ้วเมื่อเห็นรูปแบบการฝังเข็มที่จงซูอี้กำลังทำให้จงเนี่ย
ประการแรก แม้ซูจิ่นซีจะเป็นหมอพิษ ทว่าช่วงเวลาที่นางอยู่เพียงลำพังในโลกต่างมิติ นางได้ศึกษาวิชาแพทย์มาไม่น้อย นอกจากนั้น วิชาฝังเข็มยังเป็นหนึ่งในแขนงที่นางชำนาญมาก
ทว่านางไม่เข้าใจวิธีการฝังเข็มที่จงซูอี้ใช้
ประการที่สอง เดิมที จากตำแหน่งและความรุนแรงของอาการบาดเจ็บของจงเนี่ย กระดูกสันหลังทั้งหมดของเขาถูกทำลายจนพิการแล้ว จงเนี่ยต้องเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงไปตลอดชีวิต จากนี้จะไม่มีจงเนี่ย ท่านแม่ทัพใหญ่ ทั้งยังเป็นเทพสงครามแห่งแคว้นหนานหลีอีกต่อไปแล้ว
นับตั้งแต่นี้ ไม่ว่ามู่หรงเฟิงหรือแคว้นจงหนิง จะขาดคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามไปหนึ่งคน
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีดูวิธีการฝังเข็มและตำแหน่งการฝังเข็มของจงซูอี้ ทำให้ภายในใจของนางเป็นกังวลอย่างมาก จากสัญชาตญาณ นางรู้สึกว่าวิชาการแพทย์ของจงซูอี้ไม่ธรรมดา ไม่แน่ว่าเขาอาจสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของจงเนี่ยให้หายดีได้จริงๆ และสามารถทำให้จงเนี่ยเดินเหินได้ตามปกติ
นี่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก
หลังจากที่จงซูอี้ฝังเข็มเสร็จแล้ว เขาก็ดึงเข็มเงินออกจากแผ่นหลังของจงเนี่ย และพูดกับจงเนี่ยว่า “เนี่ยเอ๋อร์ เจ้าลองดูสิว่า ยามนี้หลังของเจ้าสามารถออกแรงได้หรือไม่! ”
ขณะที่ทุกคนกำลังเฝ้าดูอาการ จงเนี่ยก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวร่างกาย แม้การเคลื่อนไหวจะเป็นไปอย่างยากลำบากและเชื่องช้า อย่างไรก็ตาม นึกไม่ถึงว่าจงเนี่ยที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง จะสามารถพลิกตัวกลับมานอนหงายบนเตียงได้
สำหรับผู้ที่กระดูกสันหลังได้รับบาดเจ็บ การกระทำดังกล่าวย่อมไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน ทว่าหลังจากที่จงซูอี้ดึงเข็มออกแล้ว จงเนี่ยกลับสามารถทำได้จริงๆ
หากเป็นไปตามผลการรักษา เพียงฝังเข็มอีกไม่กี่ครั้ง จงเนี่ยก็จะฟื้นฟูร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
ไม่ต้องพูดถึงซูจิ่นซี กระทั่งอู๋จุนที่อยู่ด้านข้างซูจิ่นซียังเผยท่าทีประหลาดใจ
“บัดซบ ตาแก่นั่นทำได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซีหันไปมองอู๋จุน นางส่ายศีรษะเพื่อปรามไม่ให้เขาพูดสิ่งใด
ด้านล่างยังมียอดฝีมืออย่างมู่หรงเฟิง นอกจากนั้น แม้จงเนี่ยจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าประสาทสัมผัสของเขาไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ยอดฝีมือเช่นนี้ สามารถจับสัมผัสรับรู้ลมหายใจของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงเสียงที่พวกเขาพูดคุยกัน
ซูจิ่นซีห้ามปรามอู๋จุนและหันไปดูด้านล่าง
อย่างไรก็ตาม คาดไม่ถึงว่าจงซูอี้จะทำเรื่องบางอย่างที่ทำให้ซูจิ่นซีประหลาดใจยิ่งนัก
เรื่องนี้ไม่ด้อยไปกว่าการที่เขาฝังเข็มให้จงเนี่ยเลย
คืออันใด?