ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา “ผู้ชายที่หน้าตาหล่อเกินไป ก็ยุ่งยากเหมือนกันนะ”
“ใช่ครับๆ” ประโยคนี้จ่านป๋ายเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เขาพยักหน้าพูดขึ้น “ถ้าเป็นผม ก็รู้สึกปลอดภัยกว่าใช่ไหม?”
“ไม่ใช่” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างไม่มีอารมณ์
จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เพียงแต่หัวเราะคิกคัก ระหว่างที่จะพูดอะไรขึ้นนั้น มือถือของซีเหมินจินเหลียนก็ส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของหวังเซียงฉิน เช่นนั้นก็รู้สึกมึนงงไปหมด คนก็ตายไปแล้วแต่ทำไมยังโทรมาหาเธอได้ล่ะ?
จ่านป๋าย เมื่อเห็นสีหน้าผิดปกติของเธอแล้วก็ถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“คือ…หวังเซียงฉิน…” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน
“น่าจะเป็นสายจากสถานีตำรวจโทรเข้ามา เพราะว่าก่อนที่เธอจะตาย เธอก็โทรมาหาคุณ ทางนั้นคงแค่อยากจะสอบปากคำก็เท่านั้น คุณรับเถอะครับ” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าแล้วรับสายโทรศัพท์ และเรียบเรียงถ้อยคำเพื่อให้ปากคำแก่ตำรวจ เพราะว่าเธอคืนนี้อยู่ที่บ้านตระกูลจ่าน พยานที่อยู่จึงมีมาก อีกทั้งเธอยังไปสร้างข่าวอื้อฉาวมาแล้วอีก ทุกคนต่างก็รู้ สถานีตำรวจเลยตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบ เรื่องนี้ก็เลยจัดการไปเช่นนี้
ซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋ายกลับมาถึงที่ย่านหลานกุ้ยด้วยกัน เมื่อได้เอนหลังนั่งพิงโซฟาตัวใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลงมา เรื่องคืนนี้มันช่างเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน ถึงจะทุบสมองออกมาก็คิดไม่ออกว่าจ่านมู่ฮวากำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่ เธอไม่เพอร์เฟคพอที่จะทำให้จ่านมู่ฮวาผู้ชายคนนั้นคิดจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นครั้งนั้นหวังหมิงเหยาคงจะไม่ทิ้งเธอไปหรอก
เมื่อคิดถึงหวังหมิงเหยาแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็คิดไปถึงหวังเซียงฉิน ถึงว่าทั้งสองคนดูจะไม่ค่อยถูกกัน แต่ที่แท้ก็มีเงื่อนงำอะไรซ่องอยู่ คนที่ใช้แซ่หวังมีมากมาย เธอจึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าหวังเซียงฉินและหวังหมิงเหยาจะมีความสัมพันธ์กันทาเครือญาติกัน อีกทั้งยังทำเรื่องผิดศีลธรรมด้วยกันแบบนี้
“เสี่ยวป๋าย คุณว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของใคร หรือว่าเป็นความผิดของฉันอย่างนั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างสงสัย
จ่านป๋ายนิ่งอึ้ง ก่อนจะนั่งลงตรงโซฟาตรงกันข้ามกับเธอ ตระหนักคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงพูดออกมาว่า “ไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละครับ ชีวิตของคนเราก็เป็นแบบนี้ บางคนเลือกที่จะมีจุดจบแสนเศร้าสลด เหมือนแม่ของผมก็เช่นกัน”
“แม่ของคุณ?” ซีเหมินจินเหลียนยังคงไม่เข้าใจ แต่เริ่มนึกออกว่าเขาเคยพูดไว้ว่า คุณแม่ของเขาพาเงินทองเข้ามาแต่งงานกับบ้านตระกูลจ่าน แต่ผลสุดท้ายก็โดนทอดทิ้งให้เสียใจ ฐานะในบ้านตระกูลจ่านของจ่านป๋ายก็สามารถบอกได้อย่างดีว่า ตอนสุดท้ายแม่ของเขาก็ไม่เหลืออะไรเลย
“คุณแม่ของผมเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลป๋าย เป็นที่ภาคภูมิใจมาก” สายตาของจ่านป๋ายลึกซึ้ง พูดระบายในสิ่งที่เคยผ่านมา มันเป็นเรื่องยากที่จะมองย้อนกลับไปในอดีต “เมื่อคุณแม่แต่งงานกับคุณพ่อได้ไม่นาน แม่ก็รู้ว่าคุณพ่อมีผู้หญิงอื่นอยู่ข้างนอก ถ้าหากตอนนั้นแม่เลือกที่จะระบุความสัมพันธ์ บางทีเรื่องทุกอย่างอาจจะสามารถแก้ไขได้”
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะทนกับสามีที่ไม่ซื่อสัตย์ได้หรอกนะ” สำหรับผู้หญิงแล้ว ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจคุณแม่ของจ่านป๋าย
“ใช่แล้วครับ” จ่านป๋ายยิ้มออกมา “เรื่องก็เลยเศร้าสลดแบบที่เห็น ตั้งแต่คุณแม่รู้ว่าคุณพ่อเลี้ยงผู้หญิงคนอื่นอยู่นอกบ้านก็เริ่มหาเรื่องทะเลาะกับคุณพ่อ ทำให้ที่บ้านวุ่นวายไม่สงบสุข ถ้าหากอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เรื่องเป็นอย่างนั้น บางทีคุณพ่ออาจจะไม่ใส่ใจอะไร”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ผู้ชายนอกใจมีคนอื่น ผู้หญิงที่อยู่ที่บ้านทะเลาะเพราะอยากจะหย่า นั่นก็เป็นเรื่องปกติ แต่คุณแม่ของจ่านป๋ายเหมือนไม่ได้เลือกที่จะหย่า ไม่เช่นนั้นคงไม่มีสถานการณ์เหมือนในวันนี้เกิดขึ้น
“ตอนเริ่มแรก คุณพ่อของผมทนกับเธอทุกวิถีทาง มักชอบตะคอกเธอ จนถึงสุดท้ายเธอก็ฆ่าแม่ของจ่านมู่ฮวาตาย คุณพ่อเลยค่อยๆ เขมือบสมบัติตระกูลป๋ายไปหมด ด้วยเหตุนี้เขาเลยปฏิบัติกับคุณแม่จากหน้ามือเป็นหลังมือ” จ่านป๋ายยิ้มฝืน
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา นี่และเป็นความเคียดแค้นของจ่านมู่ฮวาและจ่านป๋าย ระหว่างสองคนนี้ขั้นกลางระหว่างการแก่งแย่งผู้สืบทอดทรัพย์สมบัติของตระกูล และยังแอบซ่อนความคาดแค้นเอาไว้ ถ้ามีโอกาสจ่านป๋ายคงไม่ใจอ่อน และคงจะทำจ่านมู่ฮวาให้ตายไปจากโลกนี้ ไม่สนใจว่าใครถูกใครผิด นี่เป็นเรื่องที่ห้ามยาก ถ้าไม่มีใครตายเสียก่อนก็ไม่หยุด
“จินเหลียน ผมแพ้แล้ว นับตั้งแต่ที่คุณช่วยชีวิตผมไว้คืนนั้น ความจริงผมแพ้อย่างราบคาบไปตั้งนานแล้ว” จ่านป๋ายถอนหายใจ “เดิมทีผมคิดว่าชีวิตนี้ผมจะไม่เหยียบเท้าเข้าไปในบ้านตระกูลจ่านอีก แต่เรื่องมันก็ยากที่จะคาดเดา”
“แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าคุณเป็นขโมย?” ซีเหมินจินเหลียนถาม “คุณแกล้งฉัน?”
“แต่ก่อนผมก็คือโจร ถ้าไม่มีคุณลุง บางทีอาจจะตายไปตั้งนานแล้วก็ได้ คงไม่มีคุณสมบัติที่จะไปแก่งแย่งกับจ่านมู่ฮวา แต่หลังจากที่คุณลุงตายได้ไม่นาน ผมก็แพ้ทุกอย่าง” จ่านป๋ายฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาก็เป็นแค่ลูกในตระกูลป๋ายที่ไม่เหลืออะไรเลย หากไม่ได้มีการเพิ่มสินทรัพย์ในต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บนโลกใบนี้เขาคงหาที่พักที่ปลอดภัยไม่ได้ หากไม่มีซีเหมินจินเหลียน ไม่เช่นนั้นเขาคงตายเป็นกระดูกอยู่ที่ข้างทางไปตั้งนานแล้ว…
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณคิดจะทำอย่างไรต่อไป” ซีเหมินจินเหลียนถามหยั่งเชิงคำถามที่อยู่ในใจ เขาจะกลับไปหรือเปล่า ไปเริ่มสงครามที่ไม่มีใครตายก็ไม่มีทางจบต่อ?
จ่านป๋ายยิ้ม “ถ้าหากคุณไม่ว่าอะไร ผมก็คิดที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต!”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้ง หลังจากนั้นก็แกล้งด่าเป็นจริงแกมเล่นว่า “คุณฝันหวานไปแล้ว!”
จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นในใจก็เจ็บชา เขารู้ว่าเธอห่วงใยเขา แต่เธอไม่ได้เปิดใจตั้งแต่แรก ในใจของเธอมีพื้นที่ของหลินเสวียนหลานที่ยากจะขยับเขยื้อน หรือว่ายังมีคนอื่นอีก
“ดึกมากแล้ว รีบนอนพักผ่อนเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแล้วเดินขึ้นไปด้านบน ไม่ได้ถามปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนนี่ต่อ ชีวิตคนเราก็มักจะยุ่งยากแบบนี้เสมอ ถ้าจะให้เธอเข้าใจในทุกๆ เรื่อง มันก็เหนื่อยเกินไป สู้ไม่คิดไปเลยเสียดีกว่า
หลินเสวียนหลานใช้อำนาจที่ยิ่งใหญ่ซื้อหุ้นของบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ที่อยู่ในมือของคนอื่นที่เหลือ จากนั้นบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ ส่วนผู้มีฝีมือในการแกะสลักหยกเหล่านั้นก็ยังเป็นคนชุดเดิม นำหยกชนิดเนื้อน้ำแข็งที่ซีเหมินจินเหลียนสะสมไว้ไปแกะสลักเพิ่ม เตรียมตัวสำหรับงานนิทรรศการแสดงสินค้าหยกที่จัดขึ้นสามปีครั้งโดยคลับหยก แล้วค่อยนำไปขึ้นบนเวทีอัญมณีโลกอีกครั้ง
เมื่อหวังเซียงฉินจากไปแล้ว หลินเจิ้งก็เปลี่ยนไป เขาย้ายออกจากบ้านตระกูลหลิน แล้วซื้อบ้านข้างนอกอยู่หนึ่งหลัง จากนั้นใช้ชีวิตเหมือนตัดขาดกับโลก
งานเลี้ยงคืนนั้นผ่านไป ซีเหมินจินเหลียนที่คิดว่าเดิมทีที่เธอทำให้จ่านมู่ฮวาอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าผู้คน เขาคงเกลียดเธอปางตาย แต่เรื่องกลับพลิกผันไม่เป็นตามคาด เช้าวันถัดมา จ่านมู่ฮวาโทรศัพท์มาหาเธอก่อน บอกว่าเขาเสียใจ และยังคงยืนยันอีกครั้งว่าเขาแค่ชอบเธอมากเกินไปเลยอยากจะขอเธอแต่งงานเท่านั้น
ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ยิ้ม คำพูดไร้สาระนี้เก็บเอาไว้ให้เขาใช้ไปหยอดผู้หญิงคนอื่นดีกว่า!
ตั้งแต่ล้มเหลวกับความรักครั้งแรก เธอก็เข้าใจทุกอย่าง ความรัก ในความเป็นจริงมันก็เป็นเกมที่น่าตื่นเต้นของคนรวย แต่ถ้าคนทั่วไปสร้างมันก็เป็นครอบครัวและความรับผิดชอบร่วมกัน ทำงานอย่างหนักเพื่อต่อสู้ดิ้นรน
มีแค่คนรวยที่ไม่รู้จะทำอะไร ถึงได้เล่นเกมกับความรัก
จ่านมู่ฮวามาหาซีเหมินจินเหลียนอยู่หลายครั้ง ขอร่วมงานธุรกิจเพชรกับบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ ซีเหมินจินเหลียนลองถามหลินเสวียนหลานเกี่ยวกับราคาในการซื้อเพชรเมื่อก่อน ราคาที่จ่านมู่ฮวาให้มา ถือว่าต่ำกว่าราคาในตลาดถึงสองเท่าจริง หากมีเงินแล้วไม่ไขว่คว้า ถ้าอย่างนั้นก็เรียกว่าโง่แล้ว เธอไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปหรอก
แต่เรื่องทางธุรกิจทั้งหมด เธอยกให้หลินเสวียนหลานเป็นคนจัดการ ตอนนี้หลินเสวียนหลานกลายเป็นประธานของบริษัทจีนเหลียนจิวเวอรี่ไปแล้ว เธอแค่คุมหุ้น หนึ่งเพราะเธอไม่เข้าใจเชิงธุรกิจ สองเธอก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ สามคือเธอไม่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคมสักเท่าไหร่
สำหรับการออกแบบอัญมณี หลินเสวียนหลานมีความคิดที่โดดเด่นแปลกใหม่อยู่เยอะทีเดียว แต่ก่อนบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่เดินบนเส้นทางที่อ่อนปวกเปียกคร่ำครึ ไม่มีใครยินยอมที่จะใช้ความคิดสร้างสรรค์ของเขา ส่วนตอนนี้ซีเหมินจินเหลียนมีอำนาจในมือ ฉินเฮ่าคอยยุ่งกับธุรกิจในครอบครัวของตระกูลฉิน แน่นอนว่าไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ ส่วนจ่านป๋ายที่ชอบตามติดซีเหมินจินเหลียนข้างกายอยู่ทุกวันก็เป็นบอดี้การ์ดที่เหมาะสม เธอก็สามารถวางใจปล่อยให้เขาทำได้แล้ว
ซีเหมินจินเหลียนเห็นความคิดสร้างสรรค์ของเขาแล้วก็เห็นดีเห็นชอบ ซ้ำยังพูดว่าแบบของหยกมันโบราณคร่ำครึเกินไป น่าจะออกแบบใหม่ๆ มาบ้าง
เพราะว่างานนิทรรศการจัดแสดงสินค้าหยกใกล้จะมาถึง ถึงแม้จะมีเวลาเพียงแค่สามวัน แต่ความต้องการในการแสดงสินค้าต้องเป็นของชั้นดี ซีเหมินจินเหลียนใช้โอกาสนี้เปิดตลาด แค่คิดก็ใจเต้นแล้ว
หยกดอกบัวสีแดงเลือด ขลุ่ยหยกเนื้อแก้วสีเขียวสดชนิดโบราณ กำไลหยกสีฟ้า ราชาหยกสมหวัง หยกประกายดาวระยิบระยับ ต่างเตรียมพร้อมสำหรับการจัดแสดง ตอนที่ซีเหมินจินเหลียนมองเผชิญหน้ากับหยกราชางู ก็รู้สึกสงสัยไม่หาย
หยกก้อนนี้ เธอเคยเจียระไนอย่างพิถีพิถันมาก่อนแล้ว ตอนนี้ข้างในที่มีงูโบราณประหลาดอยู่ ดูแล้วเหมือนสิ่งมีชีวิตก็ไม่ปาน หยกชนิดนี้ถ้านำไปจัดแสดงสินค้าเมื่อไหร่ ระหว่างนั้นจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ เธอสามารถคาดเดาได้ แต่ก็กลัวที่จะนำมาซึ่งความยุ่งยาก จะนำไปจัดแสดงดีไหมนะ?
สุดท้ายเธอก็หาจ่านป๋ายเพื่อปรึกษา จ่านป๋ายบอกว่า สรรพสิ่งบนโลกใบนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีของที่มหัศจรรย์ ถึงอยากจะนำออกไปจัดแสดงก็ไม่เป็นไร เพราะงานนิทรรศการจัดแสดงสินค้าหยกนี้จัดโดยคลับหยก เป็นเส้นทางที่ดีในการนำหยกมาจัดแสดง คนธรรมดาไม่มีทางซื้อตั๋วเข้าชมงานที่แพงหูฉี่ขนาดนี้ได้หรอก ไม่สู้ลองใช้โอกาสนี้ดู? บางทีอาจจะมีคนสามารถเปิดเผยความลับของราชาหยกนี้ก็ได้
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เพียงแต่ใจเต้นแรงไม่หยุด ส่วนจ่านป๋ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
นอกจากนี้จ่านมู่ฮวาก็โทรมาบอกว่า ร้านค้าบางส่วนที่มาร่วมงานในนิทรรศการจัดแสดงหยกครั้งนี้ ต่างเล่นเกมเดิมพันหินใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น ถามเธอว่าสนใจที่จะเข้าร่วมหรือไม่
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกประหลาดใจ เดิมพันหินใหญ่? หรือจะเป็นเหมือนหินหยกพวกนั้นที่เถ้าแก่โจววางไว้หน้าประตู เลือกมาจากหินหยกส่วนที่เหลือแล้วเขียนราคาไปบนหินว่าเท่าไหร่? ให้คนเดิมพันเล่นๆ?
สุดท้ายพอซีเหมินจินเหลียนถามก็รู้ว่าคุณภาพไม่ต่างกัน แต่ไม่อยากให้ร้านเถ้าแกโจวเล่นง่ายๆ แบบนี้ การเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้น่าจะมีนักธุรกิจจากเจียหยางนำหินหยกมาเข้าร่วมเช่นกัน หรือจะพูดว่าผู้ร่วมงานสามารถพาหินหยกมาร่วมเดิมพันได้ จากนั้นคนที่เข้าใจในการเดิมพันหินของแต่ละที่เข้ามาเดิมพันแหล่งกำเนิด เดิมพันสี เดิมพันชนิด รายละเอียดหลักสำคัญ จ่านมู่ฮวาส่งแฟกซ์มาให้เธอแล้ว
ซีเหมินจินเหลียนดูกติกาการเล่นเกม ก็พบว่าประเด็นหลักอยู่ที่เดิมพันหิน นี่เป็นสิ่งที่พอจะดึงดูดความสนใจของนักธุรกิจได้อย่างดีไม่ใช่หรือ? เปิดแกะหยกชั้นดีที่นั้นเลย รวมไปถึงของเดิมพันมูลค่าสูง นี่เป็นสิ่งดึงดูดสายตาของคนทั้งโลกอีกวิธีหนึ่ง