“ไม่แปลกใจที่ท่านถังชื่นชมผู้ชายคนนี้มาก ที่แท้ก็มีของดีนี่เอง!”
เซวหมานจื่อยิ่งสู้ก็ยิ่งเหนื่อยใจ แม้คนอื่นๆ จะไม่เข้าใจ แต่เขาที่เป็นเจ้าของเรื่องจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
อย่ามองว่าเขาเหมือนกำลังได้เปรียบ เพราะทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเย่เทียนแล้ว ส่วนเขาทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
เย่เทียนในเวลานี้ไหลลื่นเหมือนปลาไหล เขาไม่ยอมสู้กับเซวหมานจื่อด้วยซ้ำ เขาจะพยายามหลบทุกการโจมตีเท่าที่จะหลบได้ ส่วนกระบวนท่าทีไม่สามารถหลบได้เขาจะใช้ทักษะในการตัดกำลังเซวหมานจื่อ
“ฝีมือของไอ้หมอนี่อย่างน้อยต้องอยู่ในระดับดำชั้นล่าง หรืออาจจะอยู่ในระดับดินก็ได้!”
แม้เซวหมานจื่อจะเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าสมองของเขาจะคำนวณช้ากว่าคนอื่น
ในทางกลับกัน เซวหมานจื่อไม่เพียงแต่ไม่ได้โง่ แต่เขากลับฉลาดกว่าคนทั่วไปอีกด้วย!
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว เว้นแต่เขาใช้ท่าไม้ตาย ไม่อย่างนั้นทำอะไรเย่เทียนไม่ได้แน่นอน
แต่นี่เป็นเพียงการประลองวัดฝีมือกันเท่านั้น ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิต เขาไม่จำเป็นต้องใช้ท่าไม้ตายเลยด้วยซ้ำ!
ในทางกลับกัน ไม่ว่าเย่เทียนจะทำลายร่างแห่งวัชระร่างป้องกันได้หรือไม่ แต่มันไม่สำคัญ ตราบใดที่เขายังใช้กลยุทธ์แบบนี้ เชื่อว่าคนที่แพ้ก็คือเซวหมานจื่อ!
นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เหมือนกัน ใครให้ฝีมือของเย่เทียนเหนือชั้นกว่าเซวหมานจื่อล่ะ?!
นอกจากนี้ เซวหมานจื่อยังเป็นบุคคลในตำนานของกองทัพ หากเขาเอาชนะเย่เทียนได้ มันก็เป็นแค่การเอาชนะคนที่ด้อยกว่าเขา แต่ถ้าหากเขาแพ้เย่เทียน เขาจะขายหน้าจนไม่สามารถกู้คืนได้!
แล้วยังจะสู้อีกเหรอ?
เซวหมานจื่อไม่มีความคิดที่จะสู้อีก การแข่งขันที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นฝ่ายแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์ สู้ต่อไปก็คงโง่แล้ว!
“ฮ่า ๆ! น้องเย่ เอ็งฝีมือดีจริงๆ เลยนะ ไม่แปลกใจที่ท่านถังให้ความสำคัญกับเอ็งขนาดนี้!”
“แต่ดูแล้วตอนนี้มันก็ใกล้เวลาแล้ว เชื่อว่าท่านถังและคนอื่นๆ กำลังจะลงมาแล้ว ข้าว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน ไว้โอกาสหน้าเราค่อยมาประลองให้รู้แล้วรู้รอดไปนะ!”
หลังจากตัดสินใจแล้ว เซวหมานจื่อก็ชะลอการโจมตีทันที แพ้ได้แต่อย่าให้เสียหน้า เขาจึงหัวเราะออกมาดังๆ
เย่เทียนปัดกำปั้นของเซวหมานจื่อที่กำลังรัวมาที่เขาแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “แต่ผมต้องการคุยกับหยุนเหมิงหยาน”
“น้องเย่ เอ็งจะมากไปแล้วนะ!”
สีหน้าของเซวหมานจื่อบูดบึ้งอีกครั้ง เขากัดฟันพูดว่า “จะจีบแฟนข้าต่อหน้าข้าแบบนี้ แล้วถ้าคนอื่นเห็น ข้าเซวฟู่เหลินยังจะเป็นผู้ชายอีกเหรอ?!”
“ใครบอกคุณว่าผมจะจีบแฟนคุณ?!”
เย่เทียนเหลือบมองเซวฟู่เหลินอย่างแปลกประหลาดและอธิบายว่า “ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินหยุนเหมิงหยานเล่าไหม ว่าเธอเคยมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ดีมาก แต่ต่อมา เพราะความเข้าใจผิดบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอแย่ลง ที่ผมจะบอกก็คือ หลายปีที่ผ่านมานี้ เพื่อนสนิทของเธอคนนั้นรู้สึกเสียใจมาก ผมก็แค่อยากเคลียร์ความเข้าใจผิดของพวกเธอก็เท่านั้น”
“หือ?!”
เซวหมานจื่อถึงกับตากระตุกและหยุดลงทันที “ที่เอ็งอยากคุยกับเหมิงหยานก็เพราะเรื่องแค่นี้เหรอ?”
“ไม่อย่างนั้นล่ะ?”
เย่เทียนยักไหล่อย่างเฉยเมย “ผมยอมรับว่าหยุนเหมิงหยานดีนะ แต่ผมแต่งงานแล้ว อีกอย่างภรรยาผมสวยกว่าหยุนเหมิงหยานตั้งหลายเท่า ผมจำเป็นต้องทำแบบนั้นเหรอ?”
“เข้าใจผิด เข้าใจผิดกันแล้ว! ให้ตายสิ คำติฉินนินทามันฆ่าคนได้จริงๆ!”
เซวหมานจื่อหัวเราะออกมาดังๆ เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เย่เทียนหาว่าภรรยาเขาสวยกว่าหยุนเหมิงหยาน เขาแค่เดินเข้ามาแล้วเกาะไหล่เย่เทียนและพูดว่า “ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ ให้เราเสียเวลาสู้กันฟรีๆ เลย!”
“เรื่องที่เอ็งบอก ข้าเคยได้ยินจากปากของเหมิงหยานมาหลายรอบแล้ว ทุกครั้งที่นางเล่าเรื่องนี้ นางจะปากแข็งตลอด แต่ข้ารู้สึกได้ว่านางก็เสียใจเหมือนกัน”
“แต่ว่าเหมิงหยานเป็นคนปากแข็งจริงๆ นางคงไม่คิดจะเข้าหาใครเพื่อแสดงความขอโทษก่อนหรอก มันจึงเป็นเหตุทำให้นางต้องค้างคาใจมาถึงทุกวันนี้ไง”
“จริงเหรอ?”
เย่เทียนดีใจขึ้นมาทันที หากเป็นอย่างที่เซวหมานจื่อพูด หยุนเหมิงหยานก็เสียดายความสัมพันธ์ที่ดีต่อจี้เยียนหรันจริงๆ นั่นก็หมายความว่าเรื่องนี้คลี่คลายได้ไม่ยากแล้ว!
“ข้าจะโกหกเอ็งไปทำไม!”
เซวหมานจื่อเม้มปากแล้วเสนอขึ้นก่อน “น้องเย่ เอางี้ไหม เดี๋ยวข้าจะไปพูดเกริ่นกับเหมิงหยานก่อน ส่วนเอ็งก็ไปคุยกับเพื่อนของเหมิงหยาน แล้วข้าจะพาเหมิงหยานไปหาพวกเอ็ง?”
“ได้!”
เนื่องจากกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ของทั้งสอง ผู้ชมจึงอยู่ห่างจากพวกเขาระยะหนึ่ง บวกกับทั้งสองลดเสียงในการสนทนาเมื่อครู่นี้ จึงทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย
เมื่อเห็นว่าทั้งสองดูเหมือนจะเสียดายที่รู้จักกันช้าไป และทั้งสองยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกด้วย ผู้คนโดยรอบจึงสับสนงงงวยด้วยสีหน้าความว่างเปล่า
เมื่อกี้ยังต่อสู้กันอย่างดุเดือดเมามันเลยไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ ๆ ก็หยุดลง?
นี่มันเหมือนการถอดกางเกงแล้วอีกฝ่ายบอกว่าญาติกำลังจะกลับมาชัดๆ?
หัวใจของผู้ชมดูเหมือนจะถูกเกาคันด้วยเล็บของแมว พวกเขาอดไม่ได้ที่จะบังคับให้ทั้งสองกลับไปที่การประลองเพื่อตัดสินผู้แพ้ผู้ชนะจริงๆ!
“ทำไมไม่อยู่ข้างใน จะออกมาเพ่นพ่านบนดาดฟ้ากันทำไม?”
“เฮียเซว คุณก่อปัญหาอีกแล้วเหรอ? อยากกลับไปล้างห้องน้ำอีกใช่ไหม?!”
ก่อนที่ทุกคนจะได้ไขความข้องใจ ในที่สุดถังเหวินหลงและกลุ่มคนของเขาก็ปรากฏตัวบนดาดฟ้า
“ท่านถังครับ ผมผิดเองครับ! ผมผิดเองครับ!”
เซวหมานจื่อที่กำลังซุบซิบกับเย่เทียนว่าจะไขปัญหาของหยุนเหมิงหยานกับจี้เยียนหรันด้วยวิธีไหนอยู่ เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้เขาก็จำต้องตะโกนขานตอบอย่างรวดเร็ว “ผมกับน้องเย่เพิ่งรู้จักกันครับ ก็เลยอยากแลกเปลี่ยนความรู้กันหน่อยครับ!”
เมื่อดูจากท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตนของเซวหมานจื่อแล้ว ทำให้คนรู้สึกเสียดายกับร่างกายที่กำยำบึกบึนของเขาจริงๆ เพราะเขามีความน่ารักในหุ่นร่างหมี ซึ่งทำให้คนมองแล้วรู้สึกน่าขำขันมาก
“เสี่ยวเย่ เฮียเซวพูดจริงเหรอ?”
ถังเหวินหลงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และมองไปที่เย่เทียน ดวงตาอันขุ่นมัวของเขานั้นประกายความแปลกประหลาดที่ไม่อาจเดาใจได้
“เขาพูดจริงครับ ผมกับเขาแค่อยากแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ”
เย่เทียนพยักหน้าตอบถังเหวินหลง จากนั้นสายตาก็จับจ้องไปที่เฉียนซิงหรงกับเจียงเหอซวนที่ยืนอยู่ข้างหลัวสาม
นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะในบรรดากลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างถังเหวินหลงนั้น มีเพียงสามคนนี้เท่านั้นที่ไม่ได้แผ่ออร่าความน่าเกรงขามของทหารออกมา
ซึ่งเขารู้จักหลัวสามอยู่แล้ว หลัวสามเป็นบุคคลที่มาจากสำนักเฟยวี่ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าสองคนที่เหลือนั้น ก็เป็นคนในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้เช่นกัน!
“เอาล่ะๆ ข้างนอกลมมันแรง พวกคุณทนได้เพราะยังหนุ่มยังแน่น แต่พวกเราคนแก่ทนไม่ไหวหรอก กลับเข้าไปคุยกันข้างในก็แล้วกัน!”
ถังเหวินหลงที่รู้สถานการณ์จึงไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป เขาได้แต่ตะโกนเสียงดังและพาทุกคนเข้าไปในเรือ
เรื่องราวต่อจากนี้มันก็จัดการได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แต่หลังจากถังเหวินหลงมาถึงที่เกิดเหตุ เขาก็ควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งก็ทำให้งานเลี้ยงและการแข่งขันกระชับมิตรผ่านไปอย่างราบรื่น
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าคนที่ดูดุร้ายอย่างเซวหมานจื่อนั้นยังหายากอยู่ แม้จะมีระดับฝีมือถึงระดับดำสองขั้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับชั้นสูง และถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ธรรมดาทั่วไป
สิ่งเดียวที่ทำให้เย่เทียนรู้สึกเสียดายก็คือ ถังเหวินหลงแค่แนะนำชื่อของเฉียนซิงหรงกับเจียงเหอซวนให้เขาเท่านั้น แต่ไม่ได้เปิดเผยความเป็นมาของพวกเขา
แน่นอน ด้วยความช่วยเหลือจากเย่เทียนและเซวหมานจื่อ ในที่สุดความสัมพันธ์ของจี้เยียนหรันกับหยุนเหมิงหยานที่ค้างคาใจมานานหลายปีก็ได้คลี่คลายลง….