แม้นว่าทั้งสองจะวิพากษ์ว่า ไฮ่เฉินเฟิง แข็งแกร่งเกินกว่าพวกเขา พวกเขาก็ยังคิดว่า เขาคงจะไม่ตั้งใจและไม่กล้ากระทำหุนหัน  ความจริงแล้ว เขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ   ทำให้เขา ระมัดระวังและไม่จู่โจมพวกเขาสุ่มสี่สุ่มห้า ชายทั้งสองมิอาจเชื่อถึงความโชคดีของพวกเขา !

 

ในเวลาเดียวกัน ไฮ่เฉินเฟิง ตระหนักได้ว่า ชายชุดดำทั้งสองมิได้สนใจถึงความเมตตาที่เขาแสดงออกมา  จึงอดไม่ได้ที่เขาจะมีโทสะทุกครั้งที่โจมตีออกไป  กระบี่ของเขา ส่องประกายเจิดจ้า และร่างของเขาพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ราวกับดาวหางขณะตะโกน

” ที่นี่ไม่เหมาะสมจะต่อสู้ !  ศิษย์ปรมาจารย์เลือดเย็น หากมีความกล้าพอจะตามข้าไปยังสถานที่อันเหมาะสมหรือไม่ ? “

 

ชายทั้งสองหัวเราะ

” ดี  จากนั้น ผู้ที่พ่ายแพ้จักต้อง ยอมจำนนไม่คิดอาจรวบรวมขบวนการใต้ดินอีก “

สามเงาร่าง ส่องประกายแสงสีคราม จากนั้นหายไปในพริบตา

 

หลงต้าเห่ย และ จิ้นเฟิงเล่ย ทั้งคู่เป็นยอดฝีมือปฐพีเชวียนผู้ที่ไม่ถือว่าอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็อดตื่นตากับการแสดงที่ ยอดฝีมือทั้งสามมีส่วนร่วมอยู่เบื้องบนมิได้  ขณะเห็นทั้งสามจากไป จิ้นเฟิงเล่ย ตบไหล่ หลงต้าเห่ย

” ไปหารือเรื่องการเตรียมการ ก๊กของพวกเราเถิด “

 

จิ้นเฟิงเล่ย โชกโชนในเรื่องใต้ดิน แม้นว่าเขาจะไม่เห็นว่ามีผู้ใดอ่นแอกว่า แต่เขารู้จัก ไฮ่เฉินเฟิง มาเป็นเวลานาน  หลังจากได้ยินคำพูดระหว่างเขาและชายทั้งสอง เขารู้สึกไร้กังวลเนื่องจากมั่นใจว่าเพื่อนของเขารับมือได้ !

 

เป็นเวลาเดียวที่ หลงต้าเห่ย ลืมตาขึ้นมาหลังจากที่หลับตาไปด้วยความกลัว  หลังจากเข้าใจสหาย เขาจึงเดินเข้าไปข้างในอย่างไม่เต็มใจนัก

 

… …

 

ด้านเหนือสุดของดินแดนพายุหิมะสีเงิน !

 

ซึ่งเต็มไปด้วยหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสุดลูกหูลูกตา !

 

ท่ามกลางหุบเขาและม่านหมอกอันไพศาลนั้น คือเมืองน้ำแข็งอันลึกลับ ดูราวกับถูกปิดบังจากโลกภายนอกด้วยม่านหมอกและหุบเขาหิมะ !

 

ยังไม่ถึงเวลารุ่งสาง และท้องฟ้ายังคงมืดมิดขณะที่เสียงระฆังดังก้องกังวาล  เสียงอันกังวาลนั้นดูเหมือนจะขัดความเงียบสงบที่ดูเหมือนชั่วนิรันด์ของสถานที่นี้ และเหล่านกสีขาวนวลที่อยู่ในพื้นที่เหล่านั้นพุ่งตัวขึ้นมาราวกับดอกไม้ไฟ เนื่องจากหวาดกลัวเสียงระฆังที่ดังขึ้นโดยไม่คาดคิด พวกมันร้องระงมเต็มฟากฟ้าขณะบินวนเป็นวงกลมเบื้องบน

 

ฐานของสิ่งก่อสร้างหลักนั้นสร้างจากน้ำแข็งบริสุทธิ์  ด้านในโถง บนพนังน้ำแข็งนั้น คือภาพเหมือนของผู้คนที่แต่งตัวด้วยชุดสีขาว  พวกเขาแต่ละคนมีท่วงท่าที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนั้นเผยถึงสีหน้าที่หยิ่งยโสและเยือกเย็นที่คล้ายคลึงกัน !

 

ดวงตาของพวกเขาเป็นดั่งพระเจ้า และเต็มไปด้วยประหายสังหาร ดูราวกับพวกเขามีอำนาจกำหนดเป็นตาย สามารถช่วงชิงทุกสิ่งที่ต้องการ ความจริงแล้ว พวกเขาดูทรงพลังยิ่งจนถือว่าผู้อื่นอยู่ใต้บาทา !

 

พวกเขาคือ บรรพชนของ เมืองพายุหิมะสีเงิน !

 

โถงนั้นโอ่อ่า แม้นขนาดผู้คนนับร้อยมาดื่มกินก็ยังมิอาจรู้สึกได้ถึงความอึดอัด

 

ชายอาวุโสชุดสีขาว พร้อมด้วยผมและหนวดขาวโพล ยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องหอมพร้อมมือไขว้หลัง  เขาเพ่งมองไปยังรูปเหมือนของเหล่าบรรพชนอย่างเงียบเฉียบ และมีสีหน้าเงียบสงบดั่งวารี และเยือกเย็นเช่นน้ำแข็ง

 

แม้นว่าเส้นผมของเขาจะขาว หลังของเขายังคงตรงดิ่งและมีหน้าอกกระชับ  เขายืนตรงประหนึ่งคมมีด ปลดปล่อยประกายอันเยือกเย็นดั่งกระบี่ !

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายผู้นี้กำลังปิดบังอำนาจมหาศาลเอาไว้ !

 

ความจริงแล้ว ดูเหมือนว่าความแข้งแกร่งของเขานั้นสามารถสะเทือนปฐพี เหนือกว่าทุกผู้เหล่า !

 

จากนั้น เสียงกระพือของเสื้อผ้าดังขึ้นขจัดความเงียบของโถงไป ขณะผู้คนในชุดสีขาวมากมายเดินเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็วจากทุกทิศทาง พวกเขารวมตัวกันในตำแห่งที่ถูกกำหนดไว้ตามระดับฐานะ  แม้นในหมู่ผู้คนมหึมา ก็ไม่มีผู้ใดเดินชนกัน และมีคำพูดดังขึ้นเพียงหนึ่งหรือสองเท่านั้น

 

ในไม่นาน ทุกคนหยุดลงตามตำแหน่ง และสาดสายตามองไปยังชายชราที่อยู่ตรงกลาง  แม้นพวกเขาจะประหลาดใจที่ถูกเรียกมาเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยขึ้นสักคำ

 

น่าประหลาดใจ ที่แสงครามเปล่งออกมาจากร่างของพวกเขา !  มีผู้คนจวนร้อยในที่นี้ และรพดับต่ำสุดคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน !

 

ในจังหวะนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นให้ได้ยินตามมาด้วยผู้อาวุโสเจ็ดเรียงแถวเข้ามา ด้วยความรีบเร่งบนพื้นน้ำแข็งลึกลับที่มีอายุนับหมื่นปี  แต่ละฝีก้าวนั้นเงียบสงบอย่างมากในขณะที่พกวเขาเดินเข้ามา และประจำตำแหน่งอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสที่ยังคนยืนอย่างเงียบเฉียบอยู่ตรงกลาง

 

ปัจเจกชน ในชุดสีขาวหยุดตรงประตูด้วยท่าทางอันสง่างาม ดวงตาเขาส่องประกายและสอดส่องไปรอบๆ ขณะปรากฏตัวขึ้นที่ประตูและยืนอย่างภาคภูมิใจ  เป็นดั่งนครที่อยู่ภายใต้สรวงสวรรค์ รวมถึงทุกผู้ที่อยู่ในโถงนั้น มีอยู่เพียงเพื่อให้เขาปกครอง !

 

ด้านข้าง คือคู่ครอง เป็นหญิงวัยกลางคนที่สวยงาม ยืนแอบอิงดั่งไผ่ที่บอบบาง   รูปร่างของพวกเขานั้นมิอาจหาผู้ใดเปรียบ  ชายผู้นั้นดูราวกับ วีรบุรุษที่เชื่อมั่น ผู้ที่ยืนโดยไม่มีผู้ใดเหนือกว่า และหญิงสาวนั้นมีสิริโฉมไม่เหมือนผู้ใดในรุ่นราวคราวเดียวกัน !  ผู้คนต่างชื่นชมพวกเขา เฝ้ามองไปด้วยริษยาถึงความเหมาะสมอันมิหาสิ่งใดเปรียบ !

 

ทุกคนผู้ในโถงหันไปมองทั้งคู่ในขณะที่พวกเขาเข้ามาและโค้งคำนับ

 ” คาราวะ นายท่านและนายหญิงแห่งนครของเรา เป็นความชื่นชมที่ได้พบท่าน ! “

 

” ไม่เป็นเป็นต้องมากพิธี “

ทั้งสองตอบกลับพร้อมรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า  พวกเขาเดินไปกลางโถงอย่างใจเย็น นั่งลงที่เก้าอี้ที่มีเพียงแค่สองตัวภายในโถงขนาดใหญ่ ที่สามารถบรรจุคนได้นับร้อย

 

มีเพียงแค่สองผู้นี้เท่านั้น ที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะนั่งในโถงใบนี้ !

 

พวกเขาทั้งสองคือเจ้าเหนือหัวของนคร กระบี่น้ำแข็งแห่งสรวงสวรรค์  ฮั่นจ๋านเมิง และ ภรรยาของเขา เกล็ดหิมะโผบิน ฉือฉ๋วงเชียง

 

ชายชราโบกมือและพูดขึ้น

” ท่านได้รับการเชิญเสด็จมาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญต่ออนาคตของนคร ทุกผู้ที่ต่ำกว่า เทพเชวียนจงออกไปอารักษขาด้านนอก ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้ถานที่แห่งนี้ในระยะห้าสิบหลา  หากผู้ใดฝ่าฝืน สังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น ! “​

 

” ขอรับ พวกเราจะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโสอย่างเชื่อฟัง ! “

พวกเขาตอบกลับมาพร้อมเพรียง หลังจากประนมมือ และออกไปจากโถงช้าๆ เหลือคนอยู่เพียงไม่ถึงสิบ และโถงเงียบลงในทันทีโดยเหลือคนเพียงยี่สิบเท่านั้น

 

” เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนครเทียนเชียง ? “

ฮั่นจ๋านเมิงยิ้มส่งผู้อาวุโส

” มิเช่นนั้น ผู้อาวุโส เซี่ยวเซียงหยุน คงจะไม่ระแวดระวังเช่นนี้ ! “

 

” เป็นดั่งนายท่านคาด มีขาวจาก นครเทียนเชียง … ผู้อาวุโสสาม ส่งข้อความมา และหนึ่งในอินทรีย์หิมะของพวกเราเราบินข้ามคืนเพื่อส่งข่าวอันน่าประหลาดใจนี้แก่พวกเรา ! “

ผู้อาวุโสตอบขณะเขาเปิดม้วนกระดาษออกและยื่นมันขึ้น

 

ฮั่นจ๋านเมิงพยักหน้าเบาๆและหัวเราะขณะรับกระดาษขาวนวลดั่งหิมะ ขณะเดี่ยวกับฉือฉ๋วงเชียงเข้ามาใกล้เขาเพื่ออ่านเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ต้องการรู้ว่าข่าวนี้อัศจรรย์สักเพียงใด …

 

แต่ขณะทั้งสองนั่งอ่านข่าวนี้ สีหน้าของพวกเขาค่อยๆจริงจังมากขึ้น ไม่นายรอยยิ้มก็จางหายไป !

 

ใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวเริ่มจางจนซีดเผือก แม้นจะมีความสุขอยู่เพียงน้อยนิด  ไม่นาน รอยยิ้มของนางจางหายไปและแทนที่ด้วยความกังวล นางอดจะคว้ามือของสามีเพื่อทำให้เขาอุ่นใจไม่ได้

 

” นี่เป็นข่าวที่ไม่คาดคิด ทุกคน มาดู พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร “

ฮั่นจ๋านเมิงอ่านจบและหลับตาขณะรู้สึกว่า ฉือฉ๋วงเชียงคว้าแขนเขาอยู่ เหมือนเตือนบางสิ่งขณะที่เขายื่นข่าวนั้นให้คนอื่นอ่าน

 

” เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กำลังปกป้องสกุลจวิน และทำให้ผู้อาวุโสหกบาดเจ็บ … ปรมาจารย์ลึกลับ ทำให้ เฟิงวู บาดเจ็บ และยังแย่งชิงเอา หยกเสริมวิญญาณ  ของผู้อาวุโสหกไป . . ไม่มีผู้ใดต่อต้านเขาได้หรือ ?  . . . นี่  . . เป็นไปได้อย่างไรกัน !? “

ทุกคนอุทานออกมาอย่างสับสน งุนงง แต่ละคนพยายามรักษาสีหน้าให้ดีไว้

 

” ดังนั้น มีเหตุการมากมายอุบัติขึ้นในไม่กี่วันมานี้ ! “

ผู้อาวุโส เซี่ยวเซียงหยุนยิ้มเยือกเย็น

” อีกทั้ง เจ้าเด็กอวดดีจากสกุลจวินนั้น ผู้ที่สำคัญตัวอย่างมาก และได้รับการรักษาให้หายจากความพิการ นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง …. “

 

ฮั่นจ๋านเมิง เงียบไปครู่หนึ่งก่อนมองไปยังผู้อาวุโสสูงสุดและถาม

” ที่ท่านอาวุโสเรียกทุกคนมาวันนี้   . . ดังนั้น ข้าคิดว่าเขามีแผนการ ? “

 

” ข้าผู้นี้อาจวางแผนได้มากมาย แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ครองนคร และเขาจะตัดสินใจว่าจะทำเช่นไรกับแผนดังกล่าว ! “

ผู้อาวุโสคำนับอย่างสุภาพและถอยลงครึ่งก้าว

 

” ผู้อาวุโสสูงสุดคือบุคคลสำคัญของนคร เขาแนะนำว่าเช่นไร ? “

ฮั่นจ๋านเมิง ไม่อ้อมค้อม

 

” แม้นเขาจะมีสถานะในสังคม เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไร้เหตุผล การกระทำนี้จะต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง !  หากข่าวนี้แพร่ออกไป จะเกิดอะไรขึ้นกับชื่อเสียงของนครเรา ?  พวกเรามิอาจละเลยในเรื่องนี้ ! “

ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยขึ้นใจเย็น

 

ผู้อาวุโสสูงสุดทำให้ทุกคนตกใจด้วยการลงโทษหนึ่งใน แปดยอดปรมาจารย์ !  แต่กระนั้น ทุกผู้ที่อยู่ที่นี่ก็พยักหน้าเห็นพ้อง เพราะในสายตาของผู้อาวุโสแห่งเมืองพายุหิมะสีเงินนั้น แม้แต่ แปดยอดปรมาจารย์ รวมถึงเหยี่ยวแห่งทุ่งหญ้า นั้นมิได้สำคัญอันใด นี่แสดงให้เห็นถึงความทรงพลังอันน่าเกรงขามของเมืองพายุหิมะสีเงิน !

 

” เช่นนั้น เจ้ามีแผนการอื่นหรือไม่ ? “

ฮั่นจ๋านเมิงพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับสีหน้าเฉยเมย

 

” ขอรับ หยกเสริมวิญญาณ เป็นมรดกที่สำคัญยิ่งของสกุลเซี่ยวของข้า  ความสามารถของมันเกินธรรมดา และถือได้ว่าเกินกว่าของเขตของปุตุชน ดังนั้น จึงต้องมั่นใจว่ามันจักต้องไปตกไปอยู่ในมือของคนภายนอก !  เห็นได้ชัดว่าการแย่งชิงหยกชิ้นนี้กลับมาเป็นเรื่องเร่งด่วน และไม่มีการอ่อนข้อ !  การได้คืนมาคือสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ! “

ดวงตาของผู้อาวุสูงสุดเปล่งประกาย และเห็นได้ชัดว่าเขามีโทสะอย่างมากที่สุญเสีย หยกเสริมวิญญาณ ไป

 

” พวกเราจักต้องใช้เวลาเพื่อพิจารณาถึงจุดนี้ เพราะหากสิ่งที่ผู้อาวุโสสามพูดเป็นความจริง พวกเราก็ไม่อาจะรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของปรมาจารย์ลึกลับ  และหากเป็นเช่นนั้น แม้นว่าพวกเราทั้งหมดไปเผชิญหน้ากับเขา พวกเราก็อาจจะยังมิอาจแย่งชิง หยกเสริมวิญญาณ คืนกลับมาได้  ดังนั้น พวกเราจึงควรไตร่ตรองมิเสี่ยงชีวิตมากมายเพื่อภารกิจนี้ “

 

ฮั่นจ๋านเฟิงเคาะเท้าแขนเก้าอี้เบาๆ เปลือกขาของเขาปิดลงครึ่งหนึ่งขณะพูด

 

” ความกังวลของนายท่านนั้นถือได้ว่าเป็นธรรม !  เห็นได้ชัดว่าพวกเราจักต้องระมัดระวังเป็นอย่างดีขณะปรับใช้ผู้คน และพวกเราจักต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกับ ชายลึกลับผู้นี้ตราบเท่าเป็นไปได้  อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสสามยังมิได้ถึงขั้นเทพเชวียนหนึ่ง และข้อสันนิษฐานของเขาอาจไม่ถูกต้อง หากเปรียบกับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ความแข็งแกร่งของพวกเขาแตกต่างราวฝ้ากับเหว  ดังนั้น การคาดการของเขาอาจเกินจริงไปมาก  อีกทั้ง เขาไม่เพียงอ้างว่าความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้สูงส่งกว่า อดีตผู้ครองนคร แต่ยังสูงส่งกว่า จุ้นเป้ยเฉินอีกด้วย !  มันจักเป็นไปได้เช่นไรกัน ?  แสดงให้เห็นว่าข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด ! “

 

ผู้อาวุโสสูงสุด ถูกคิ้วสีขาวของเขาขณะพูดอย่างช้าๆ

 

จากนั้นเขาต่อ

” หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจักต้องส่งใครบางคนออกไปเพื่อยืนยันข่าวนี้ หากคนผู้แข็งแกร่งและมิอาจคาดการได้จริงๆ พวกเราจักต้องสอบสวนเรื่องของเขาให้มากกว่านี้  อย่างไรก็ตาม หากกลายเป็นว่าเขาไม่เป็นภัย พวกเราจักบุกเข้าไปแย่งชิงหยกเสริมวิญญาณจากเขาทันที “

 

” ผู้อาวุโสสูงสุดช่างสุขุมยิ่ง และการคาดการของเขานั้นเป็นเลิศ “

ฮั่นจ๋านเมิงพูดขณะมองไปยังผู้อาวุโสอย่างลึกซึ้ง

  ” กระนั้น ดูเหมือนว่าเจ้ายังมีแผนสาม ? “

 

” ขอรับ ! “

ผู้อาวุโสสามเลิกคิ้วขาว

 ” สกุลจวินนี้เป็นสกุลในโลกมนุษย์ และยังก่อกวนเมืองพายุหิมะสีเงินของพวกเราหลากหลายครั้ง !  เป็นสิ่งที่มิอาจทนได้อีกแล้ว !  ข้าคิดว่า หากพวกเรากำจัดพวกเขาทั้งสกุลไป เพื่อตักเตือนถึงโลกมนุษย์ถึงอำนาจแห่งเมืองพายุหิมะสีเงินของพวกเรา ! “​

 

ขณะเอ่ยเช่นนี้ ผู้อาวุโสสูงสุด ยื่นมือขวาออกมา และทำท่าทางทุบลงไปอย่างเด็ดขาด