ขณะฟังแผนการเพื่อสกุลจวิน ฉือฉ๋วงเชียง เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที และบีบแขนของสามีเบาๆ เนื่องไม่อาจทนได้อีกต่อไป

” สิ่งนี้มิอาจทำได้ ! “

ฮั่นจ๋านเมิงเลิกคิ้วขึ้นราวกระบี่อันคมกริบที่ชักออกจากฝักสองเล่มอย่างรวดเร็ว

” ข้าไม่มีปัญหากับสองแผนการแรกของผู้อาวุโสสูงสุด แต่ข้าไม่เห็นด้วยกับการกำจักสกุลจวินทั้งสกุล !  ยิ่งไปกว่านั้น ความทุกข์ทรมาณที่เราต้องประสบมานับสิบปี ตั้งแต่ครั้งแรกที่แผนการนี้ดำเนินไปยังไม่เพียงพออีกหรือ ? ”

ฮั่นจ๋านเมิงมองผู้อาวุโสเยือกเย็น และเอ่ยต่อเคร่งขรึม

” สิบปีก่อน ยอดฝีมือเทพเชวียนแห่งสกุลเซี่ยวมากมายแอบออกไปต่อกรกับ สกุลจวิน และเข้าไปเกี่ยวพันกับสงครามสองอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาติ ด้วยเหตุนี้ ทำให้สกุลจวินเกือบล่มสลาย !  และแม้ข้าบังคับให้หยุดทุกอย่างลง สกุลจวินก็ยังคงประสบกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องอีกสามหน ทำให้ทายาทรุ่นที่สองของพวกเขาที่เหลือรอดเพียงหนึ่งพิการ และมีเพียงเด็กเสเพลรุ่นที่สามเพียงหนึ่งเท่านั้น  ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจักพูดสิ่งใด นี่มันมากเกินไป !

ไม่สำคัญว่า สกุลจวินจะดีเด่นหรือซื่อสัตย์เพียงใด และ ความขุ่นแค้นของสกุลเจ้าและเรื่องส่วนตัว เหตุใดจึงต้องเกี่ยวพันกับพวกเราที่เหลือ ?  อีกทั้ง ข้ามิอาจเข้าใจถึงความพูดของผู้อาวุโสสูงสุดตั้งแต่ต้น เจ้าหมายถึงสิ่งใดขณะที่เอ่ยว่าสกุลจวินได้ก่อนกวนเมืองพายุหิมะขาวของเขาหลายครั้งหลายหน และถามถึงพลังอำนาจ ?   เพียงสิ่งเดียวที่ ปุกปั่นเห็นจะเป็นเพียงสกุลเซี่ยว !  เรื่องนี้จะไม่ถูกเอ่ยถึงอีก !  และหากผู้ใดตัดสินใจออกไปเพื่อต่อกรกับสกุลจวินโดยไม่ได้รับอนุญาติ จะได้รับการลงโทษโดยกฎแห่งนครโดยไร้ซึ่งเมตตาเช่นเดียวกัน ! “​

” แต่ ในเวลานี้สกุลจวินมีสองผู้ทรงพลังหนุนหลังอยู่ และไม่ช้านาน พวกเขาจะสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่ เมืองพายุหิมะสีเงินได้  แต่กระนั้น หากเราไม่เริ่มคิดจัดการกับสกุลจวิน พวกเขาจะต้องพยายามสร้างหายนะให้แก่เมืองพายุหิมะสีเงินเพื่อล้างแค่ในสิ่งที่พวกเขาได้ประสบมาในอดีต เนื่องจากเกลียดชังพวกเรา !   ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด พวกเราได้สังหารสมาชิกสกุลจวินสำคัญไปสี่คน และแม้นว่ามันจะเป็นความผิดพลาด ทำให้พวกเขาหนึ่งคนพิการ ก็มิอาจเปลี่ยนความจริงได้  และความเกลียดชังที่ส่งผ่านรุ่นสู่รุ่นนั้นมิอาจเลือนลางได้ง่าย  จะให้สกุลเซี่ยวของข้ายืดอกและแบกรับความไม่พอใจต่ออนาคตของเมืองพายุหิมะสีเงินเพียงลำพังหรือ ? ”

ผู้อาวุโสสูงสุดแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน

” การกระทำที่เกิดจากสกุลเซี่ยวในอดีต เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ ท่าผู้อาวุโสสูงสุดมีการกระทำที่ผิดพลาดมากมาย และท่ายังต้องการจะกระทำมันอยีกกระนั้นหรือ ? ผู้อาวุโสสูงสุดจะทำให้พวกเราต้องเสียเลือดเนื้อไปตลอด เพราะความรู้สึกที่มีร่วมกันของเด็กนสองคน นั่นเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์ !  พวกเขาเป็นคนดี และพวกเขาจะไม่สังหารใครเพราะเรื่องนี้ ความบ้างคลั่งเช่นนี้มิอาจยอมรับได้ในเมืองพายุหิมะสีเงินของข้า !

เรื่องนี้เป็นข้อโต้เถียงมานับสิบปี !  และในสิบปีที่ผ่านมาก็ เห็นเพียงแต่จะเป็นทางตัน !  ข้าไม่ประสงค์จะโต้เถียงเรื่องนี้อีกแล้ว ”

ฮั่นจ๋านเมิง เพ่งมอออกไปอย่างเยือกเย็น

“  ผู้อาวุโสสูงสุด หากสกุลจวิน จริงจัง และโจมตีเมืองหายุหิมะสีเงินเพื่อล้างความแค้นจริง พวกเขาจะทำไม่ว่าเจ้ารู้สึกเช่นไร และข้าจักไม่เข้าไปแทรงแซงในเรื่องนั้น !  หากสกุลจวินไม่โจมตีพวกเราก่อน เราก็จักไม่ทำสิ่งใด ! “​

” สกุลจวินจักต่อสู้กับเมืองพายุหิมะสีเงินนั้นหรือ ?  ช่างน่าขัน มันเป็นเพียงแค่สกุลหนึ่ง ซึ่งไม่สลักสำคัญอันใด จะแกว่งเท้าหาความตายใส่ตัวเพื่อสิ่งใดกัน ?  แม้นจะผ่านไปสักร้อยปี ความแข็งแกร่งของสกุลจวินก็มิอาจเหมาะควรกับเมืองพายุหิมะ ! ”

ผู้อาวุโสผอมสูงคำรามทางจมูก เขามีนามว่า เซี่ยวปู้หยู และความจริงแล้วเขาคือ ผู้อาวุโสอันดับสองแห่งเมืองนคร

” หากสกุลจวินอ่อนแอเพียงนั้น เหตุใดสกุลเซี่ยวจึงต้องกังวลเช่นนี้ ? ”

ฮั่นจ๋านเมิงเพ่งมองไปอย่างเยือกเย็น

” เรื่องนั้น  . . ลูกสาวคนโตของเจ้ามิใช่เด็กอีกแล้ว และยังมิได้แต่งงาน และ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป  . . ”

ขณะเห็นความดื้อรั้นของ ฮั่นจ๋านเมิง ผู้อาวุโสสูงสุดจึงตัดสินใจเปลี่ยนใจไม่โต้แย้งแทนที่จะยืนยันในสิ่งเดิม

” เรื่องนี้จักต้องพิจารณากันต่อไป “​

ใบหน้าของฮั่นจ๋านเมิงแสดงออกราวปวดหัว

” ผู้อาวุโสสูงสุด เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ?  เจ้าต้องการให้โย่เป็นบ้าไปจริงๆ เจ้าต้องการบังคับให้นางทรมาณตัวเองจนเกือบตายอีกจริงๆหรือ ?  เจ้ารักนางดั่งเช่นลูกสาวมาเสมอ !  เจ้าไร้หัวใจขนาดทำเช่นนี้กับนางได้หรือ ? “​

ขณะได้ยินสิ่งนี้ ผู้อาวุโสสูงสุด ถอนหายใจโศกเศร้า แต่มิได้เอ่ยสิ่งใด

สิบปีก่อน ขณะ ฮั่นหยานโย่วกลับมายังเมืองพายุหิมะสีเงิน นางบ้าคลั่ง และทำลายเส้นลมปราณของตัวเองต่อหน้า ฮั่นจ๋านเมิงเพื่อจะรักษาสกุลจวินเอาไว้จากเงื้อมมือของสกุลเซี่ยว  นางสาบานว่านางจะมีชีวิตอยู่และตายไปพร้อมกับสกุลจวิน ภาพเลือดของนางที่เปอระเปื้อนไปทั่วพื้นยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของทุกคน !  จึงเป็นเหตุให้ ฮั่นจ๋านเมิง ขัดแผนการทำลายสกุลจวินของ ผู้อาวุโสสูงสุด อย่างรุนแรง !

ไม่มีผู้ใดลืมความยากลำบากในการช่วยชีวิต ฮั่นหยานโย่ว จากเงื้อมมือมัจจุราชได้ ผู่อาวุโสสูงสุด เวลานั้น สันนิษฐานจากความอ่อนแอทางร่างกายของนางว่า นางมิอาจทำลายเส้นลมปราณของนางได้อีก ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเดินหน้าแผนการจัดการกับสกุลจวินอีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รู้สิ่งนี้ หญิงสาวผู้น่าสงสารแทงตัวเองด้วยกระบี่สองเล่มจนมิดด้าม และยืนอาบเลือดต่อหน้าผู้อาวุโส และ เรียกร้องให้ระงับคำสั่งของเขาในทันที !

ผลนั้นทำให้ ผู้อาวุโสสูงสุดหมดหนทาง และจำใจยกเลิกแผนลับการทำลายล้างสกุลจวินเสีย  อย่างไรก็ตาม ความไม่ยั้งคิดของ ฮั่นหยานโย่ว ได้ทำให้ชีวิตของนางตกอยู่ในความเสี่ยง และด้วยเหตุนี้ ผู้ครองนครคนก่อนจึงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก แม้แต่ ฮั่นจ๋านเมิงและภรรยาของเขาก็มีโทสะกับสกุลเซี่ยว ด้วยเหตุนี้ สัญญาณแห่งความขัดแย้งของสกุลทั้งสองแห่งเมืองพายุหิมะสีเงินจึงปรากฏขึ้น

เดิมที มีเพียงแค่คนสำคัญในเมืองพายุหิมะขาวไม่กี่คนที่ได้รู้เรื่องนี้ ในขณะที่บุคคลภายนอกไม่รู้เลยว่าสิ่งใดเกิดขึ้น

” จากการสนทนานี้ หากไม่สั่งสอนเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะลุกลามไปถึงสกุลจวินหรือ ?  สกุลจวินมิอาจลุกขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกำจัดพวกเขาอีกแล้ว ! ”

ฮั่นจ๋านเมิงถอนหายใจ และเพ่งมองไปทั่วโถงขณะมองออกไปยัง อินทรีย์หิมะที่เกาะอยู่เบื้องนอก จากนั้นจึงพิศวงในหัวใจ

โย่ว ตอนนี้พ่อของเจ้าทำเพื่อเจ้าได้เท่านี้  ที่เหลือนั้น  . . เจ้าทำได้เพียงภาวนา . .

” หากเป็นเช่นนั้น ข้าจักเตรียมการ “​

แม้นผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่เห็นด้วยกับ ฮั่นจ๋านเมิง เขาไม่มีทางเลือกอื่น

” ครั้งนี้ พี่สองจะเป็นผู้นำ ผู้อาวุโสห้าและแปด  และเพื่อทำให้ความพยายามนี้ไม่ผิดพลาด ข้าจึงขอให้ ผู้นำนครคนเก่า อนุญาติให้พวกเขานำ กระบี่ทั้งเจ็ดตอดตามไปกับพวกเขาด้วย  สรุปแล้ว หากผู้ลึกลับเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม กระบี่ทั้งเจ็ดจักไม่เป็นสิ่งที่รับประกันได้หรือ ? “

” ดี !  เช่นนั้นไม่มีปัญหา !  สำหรับเรื่องที่เหลือ ข้าจักให้ผู้อาวุโสสูงสุดมีสิทธิ์เต็มที่ในการเตรียมการ “

ขณะได้ยินสิงนี้ ฮั่นจ๋านเมิงถูหน้าผาก ยืนขึ้น และเริ่มเคลื่อนออกจาโถงพร้อมภรรยา  แต่เมื่อเขาไปถึงประตู เขาหันหลังมาและเตือน

” ไม่ว่ากรณีใดๆ ห้ามผู้ใดเกี่ยวพันกับสกุลจวิน และหากฝ่าฝืน มั่นใจได้ว่า ข้าจะส่งรายงานแก่ท่านพ่อ  และข้าให้สัญญาว่า คนผู้นั้นจักถูกขับออกจากเมืองพายุหิมะสีเงิน !  โดยไม่มีข้อยกเว้น ! ”

หลังจากพูดจบ ทั้งสองจึงเดินช้าๆจากไป

สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดยืนอย่างไร้อารมณ์  และแม้นว่าเขาจะยังคงยืนอย่างสงบนิ่งต่อไป ร่องรอยแห่งโทสะสามารถเห็นได้จากประกายในดวงตา  จากนั้น เขาหันไปยัง เซี่ยวปู้หยูทันที

“​ เจ้าจักต้องเตรียมการเพื่อลงจากหุบเขาในเย็นนี้ กระทำการอย่างเร่งด่วนโดยไร้ซึ่งผิดพลาด ! “​

” ท่านพี่  . . ปัญหาของสกุลจวิน ? “

เซี่ยวปู้หยู ถามขณะคิ้วอันยับย่นของเขากระตุกขึ้นลง

” จะมีโอกาสมากมายสำหรับเจ้า เพื่อทำให้งานนั้นสำเร็จ ”

เซี่ยวเซียงหยุนสูงหายใจลึก และตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยเมย 

” หลังจากที่เจ้าลงไปแล้ว ทำในสิ่งที่เจ้าคิดว่าสำคัญ ! “

” ขอรับ ! ”

ภายนอกโถง ฉือฉ๋วงเชียง ลูบท้อง ปลดปล่อยความกังวลบางอย่างที่ยังคงติดตรึงในความคิดของนาง   

” ขอบคุณสามีข้า หากเจ้าไม่ยืนกราน บางทีสกุลจวินอาจต้องพินาศ  . . และหากสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับพวกเขา ข้ากลัวว่า โย่ว  . . “

” แม้นข้าจะหยุดการดำเนินการทั้งหมดไปแล้ว แต่โย่วก็ยังคงมีปัญหาอีกมากมาย  . . พวกเราสามารถช่วยนางได้เพียงไม่นาน “

ฮั่นจ๋านเมิงถอนหายใจลุก และมองขึ้นไปยัง สรวงสวรรค์ขณะพูดเบาๆ

” ลูกสาวของพวกเราต้องประสบกับความทุกข์ทรมาณมากมายนับสิบปี  และในฐานะพ่อ ข้าจักปล่อยให้ความหวังสุดท้ายของนางดับสลายไปได้เช่นไร ? “

” ไม่ว่าอย่างไร ไม่มีผู้ใดทำอันตรายลูกของข้า !   หรือครอบครัวของข้าได้ ! “

ฮั่นจ๋านเมิงเอ่ยขึ้นเสียงเบา  ขณะเขาสบัดปลอกแขน น้ำแข็งก้อนใหญ่แตกเป็นเสี่ยงมากมาย ซึ่งกระจายขึ้นไปบนอากาศราวกับเกล็ดหิมะ !

ฉือฉ๋วงเชียง แอบอิงอยู่เคียงข้างสามี นางสัมผัสถึงความอบอุ่นในหัวใจได้ทันที  นางรู้สึกว่าตราบใดที่สามีของนางแบกรับภาระไว้บ่นบ่าอย่างหนักแน่น จะไม่มีอันตรายใดๆกับลูกสาวทั้งสองของพวกเขา แล้วด้วยเหตุนี้ นางอดที่จะยิ้มพอใจมิได้ …

. . . . . .

ภายในถ้ำอันโดดเดี่ยวบนยอดเขาไม่ไกลจากโถง มีหญิงสาวสวมชุดและหน้ากากขาว ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว  นางเปิดจดหมายด้วยมืออันงดงามรามพฤกษา และอ่านมันอย่างรวดเร็ว แต่ขณะนางอ่านจบ นิ้วมือของนางเริ่มสั่นเทาขณะดวงตาเริ่มเจิ่งนอง

” นี่เขา  . . ! การบาดเจ็บของเขาได้รับการฟื้นฟูแล้ว ขอบคุณสวรรค์  . . “

หญิงสาวชุดขาว หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความสุข ขณะร่างอันเพรียวงามของนางโน้มลงพร้อมหัวไหล่อันสั่นเทาราวกับใบไม้แห้งกลางสายลม  หัวใจของนางเย็นชามานับทศวรรษ อย่างไรก็ตาม จดหมายฉบับนี้ได้ทำลายน้ำแข็งก้อนนั้นไปแล้ว และหลอมละลายจนเผยถึงความอ่อนแอและไร้อำนาจที่นางรู้สึกมาหลายปี !

ด้วยน้ำตามในดวงตา หญิงสาวในชุดขาวสะอื้นเบาชั่วครู่ แต่จากนั้น นางยืนขึ้นและเดินไปยังปากถ้ำ  คุกเข่าลงพร้อมมือประสานด้วยความนอบน้อม มองขึ้นสู่งสวรรค์ขณะนางอ้อนวรด้วยเสียงอันอ่อนนุ่ม

” ขอบคุณพระเจ้า สำหรับการฟื้นฟูของเขา ขอบคุณที่เขาไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป  . . ขอให้เขามีความสุข  . . หญิงสาวผู้นี้จะแลกเปลี่ยน สิบ . . หรือยี่สิบปี เพื่อชีวิตอันปลอดภัยและมีความสุขของเขา  . . “

” หากแม้นพวกเรามิอาจได้อยู่ด้วยกัน  . . ข้ายังเป็นโย่วของเจ้า  . . ตลอดไป ! “​

นางหมอบลงพื้นอย่างอ่อนโยน ขณะคำอ้อนวรของนางค่อยๆจางหายไปในสายลมที่พัดผ่าน ก่อเกิดพายุที่รุนแรงขึ้นเบื้องบนสวรรค์ และยิ่งรุนแรงมากขึ้น ไม่มีวี่แววจะลดลง  เกล็ดหิมะเริ่มใหญ่และอัดแน่นมากขึ้น และร่วงหล่นลงมายังยอดเขารุนแรงกว่าแต่ก่อน  . .

และแม้นว่าหญิงสาวผู้โดดเดี่ยวบนยอดเขาหิมะนี้จะถูกหิมะปกคลุมไปในเวลาไม่นานนัก นางยังคงไร้ความรู้สึก สวดภาวนาขณะที่หน้ำตาของนางหลั่งไหล และหยดลงเป็นน้ำแข็งบนพื้น  . .

อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น มีเงาสิบร่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และเหาะออกไปจากเมื่องสีเงิน  พวกเขาเคลื่อนตัวลงจากหุบเขาภายใต้หิมะและสายลม . .

. . . . . .

ภายในจวนสกุลจวิน เสียงร้องราววิญญาณโหยหวนปลุกให้นายน้อยตื่นขึ้นในรุ่งสาง เขาถูกลากลงจากเตียงโดยเจ้าอ้วน   และเมื่อเขาลืมตา เขาก็ได้เห็นเจ้าไขมันสวมชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูราวกับวิญญาณไม่ปาน  ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอ้วนยังดูผอมลงกว่าแต่ก่อน จนตอนนี้ อย่างนอยเขาก็ดูเหมือน   . . คนขึ้นมาบ้างแล้ว

ไม่เพียงแค่นั้น ใบหน้าของเขายังสะอาดสะอ้าน และผมของเขาเรียบร้อยอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่ร่างของเขาปลดปล่อยกลิ่นหอมน้ำผึ้งจางๆ  หลังจากมองหน้าเขา สามารถบอกได้เลยว่าเขาต้องโปะแป้งเข้าไปจำนวนมาก  . . เจ้าอ้วนทาห้าตัวเองด้วยแป้ง และแน่นอน มันหนามาก  . .

” เออออออ  . . “

จวินโม่เซี่ยสำรอกออกมา 

” เจ้าอ้วน แป้งหนาบนหน้าของเจ้าทำให้เจ้าดูน่ากลัวเพราะรูปร่างของเจ้า รู้บ้างไหม ?  เจ้ากำลังพยายามแสดงเป็นผีด้วยการโป่ะแป้งหน้าๆบนใบหน้าของเจ้าอย่างนั้นหรือ ?  และเหตุใดเจ้าจึงปลุกข้าตื่นไวเช่นนี้ ? ”

เขามองไปที่หน้าตางและเห็นแสงแรกอรุณจางๆ

” นายน้อยสาม  . . ท่านพี่ . . ”

ถังหยวนนั้นไม่เคยอับอาย

” เจ้ามิได้สัญญาไว้ว่าจะตามข้าไปพบแม่นางสกุล ซุนกับข้าหรือ … ”

” แม่นางซุน . . โอ้ แม้นางซุนนั่น ? ”

จวินโม่เซี่ยตระหนักได้ทันที และลุกขึ้น 

” นางมิได้เป็นคู่หมั้นของเจ้า ?  ผู้ที่เจ้าเสียไปตอนเล่นพนันหรือ ? ”

” แม่วัวเอ้ย ! ”

เจ้าอ้วนคำรามอย่างรุนแรง 

” เป็นไปได้ไหมที่เจ้าไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นต่อหน้านาง ?  ข้ามิได้อยู่ให้ห่างเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้นตั้งแต่นั้นมาหรอกหรือ ? “​

เขาพูดขณะยืดตัวขึ้น หน้าตาพึงพอใจ

” ข้าผอม ดูดีใช่ไหม ? ”

” เอ่ออ ใช่  . . ผอมเพรียวจริงๆ  ความจริงแล้ว เจ้าเกือบจะดูเหมือนคน ”

จวินโม่เซี่ยเอ่ยปากอย่างทันที 

” เจ้าดูผอมมากจริงๆ ความจริงแล้ว ข้าสับสนยิ่ง  . . “

ถังหยวนอ้าปากและหัวเราะลั่นหลงตัวเอง  จากนั้นเขาหมุนตัวสองรอบ กำลังคิดว่าตัวเองดูสง่างาม

อย่างไรก็ตาม การหมุนตัวนี้ทำให้สิ่งที่พยุงความผอมบางนี้พังทลายลง  ปล่อยให้ไขมันของเขาหลุดลงมาอีกครั้ง ซึ่งหลุดออกมาดั่งกระเป๋าที่ยืดหยุ่นได้ตามวิถีการหมุนตัวของเขา และเปลี่ยนทิศทางอีกครั้งขณะที่เขาหยุดลง มันย้อยลงมาและปะทะเข้ากับ ง่ามขาและเข่า

” ข้ากำลังจะไปพบแม่นาง ซุนเป็นครั้งแรก ข้าจะต้องดูดีในสายตาของนาง ! ”

ความปรารถนาและความสุขเปล่งประกายขึ้นในดวงตาของเขา ขณะที่รูม่านตาของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นรูปหัวใจ