ตอนที่ 869 - ข้อความทองคำ

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.869 – ข้อความทองคำ
  หลังจากใช้เวลาสังเกตทรายทองซือหยูยังมิอาจทราบได้ว่ามันใช้ทำสิ่งใด นอกจากสีประหลาดและเนื้อที่แข็ง อย่างอื่นล้วนดูธรรมดา
  ทุกวิธีที่เขาใช้นั้นรวมถึงการอัดพลังชีวิตรินน้ำจนเปียก เผา และอื่นๆ แต่มันก็ไม่มีการตอบสนองเลย
  หรือว่ามันจะเป็นแค่ทรายธรรมดา?ข้าคิดมากเกินไปรึ? ซือหยูกำลังสงสัยตัวเอง แต่ถ้าหากทรายนี้ถูกซ่อนไว้อย่างดี มันก็ควรจะไม่ธรรมดา
  หลังจากมองทรายอยู่นานซือหยูผู้ที่กำลังจ้องมองทรายก็ได้พบสิ่งประหลาด เพราะทรายแต่ละส่วนนั้นแตกต่างกัน ไม่มีส่วนใดเลยที่เหมือนกัน! ซือหยูตาลุกวาว เขาเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่รูปร่างที่แตกต่างกันของทรายสีทอง
  กองทรายนั้นเล็กจนแทบมองไม่เห็นซึ่งอธิบายได้ว่าเหตุใดมันจึงไม่มีใครพบจนป่านนี้ ต่อให้มีสายตาสมบูรณ์แบบเช่นเขาก็ยากที่จะเห็นรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนกันของกองทรายสีทองนี้
  เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก่อนจะแยกแยะความแตกต่างของทรายได้ยิ่งมองนานเท่าใดมันก็ยิ่งดูเหมือนกับตัวอักษรมากเท่านั้น! เหล่ากองทรายสีทองนี้คือข้อความ!
  เมื่อมองดูอย่างละเอียดซือหยูคิดว่ามันน่าจะเป็นภาษาของเผ่าไม้ที่เขาคุ้นเคย ที่แปลกที่สุดก็คือข้อความทั้งสองร้อยตัวอักษรนั้นเป็นคำแปลกที่ซือหยูจำได้เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น
  ทีแรกเขาคิดว่ามันเป็นความรู้ทั่วไปในคำของเผ่าไม้ซึ่งเป็นเผ่าที่รองผู้จัดการใหญ่กำลังสนใจและบอกว่าจะให้ซือหยูทำงานสำคัญแต่ ณ ตอนนี้ ซือหยูกลับเข้าใจภาษาไม้ตรงหน้าเพียงหนึ่งในสิบ!
  นี่ทำให้ซือหยูอับอายเมื่อรู้ว่าพื้นฐานในภาษาไม้ของเขายังไม่แน่นพอดูเหมือนว่าเขาจะต้องเรียนรู้คำของเผ่าไม้อย่างตั้งใจต่อไป โดยเฉพาะความลับที่อยู่เบื้องหลังทรายสีทองนี้ ทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือการเข้าใจภาษาไม้ทั้งหมด!
  ทันทีที่เขากำลังจะศึกษาคำศัพท์หยิงหลวนวิ่งมาหาเข้าด้วยความตื่นเต้นและตะโกนที่หน้าประตู
  “เจ้าของร้านซือมีคนมาเยี่ยมท่าน!”
  “ใครกัน?”
  ซือหยูถาม
  หยิงหลวนตอบ
  “เป็นคนค้าโอสถจากเมืองเทียนหยา”
  เมื่อรู้ว่าเป็นคนขายโอสถซือหยูก็ไม่สนใจในทันที เขาตอบโดยที่ไม่สนใจอะไร
  “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่รึ?ถ้าคนค้าโอสถมาส่งโอสถก็รับมันแทนข้า ตอนนี้ข้าไม่มีเวลา”
  เมื่อซือหยูไปที่สวนหนังสือ่พอค้าสามถึงสี่คนได้มาเพื่อส่งโอสถ และหยิงหลวนก็รับโอสถเอาไว้ตามที่ซือหยูบอก แต่นางคิดว่าคนค้าโอสถที่เป็นคนสำคัญน่าจะเป็นข้อยกเว้น…
  หยิงหลวนรีบกล่าวด้วยความตกใจ
  “มัน..มะไม่ ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด…คนที่เพิ่งจะมาขายให้เราคือท่านหวงที่เป็นนายหน้าลำดับห้าจากพันธมิตร!”
  ซือหยูยังคงไม่สนใจ
  “จะลำดับไหนก็บอกให้เขาทิ้งโอสถกับชื่อไว้ข้ากำลังยุ่ง ไม่สะดวกที่จะพบแขกคนใด”
  หยิงหลวนอ้าปากค้างเมื่อได้ฟัง!คงไม่เป็นไรหากซือหยูจะไม่พบผู้ค้าโอสถคนก่อนๆ แต่ท่านหวงนั้นเป็นคนมีชื่อเสียงของเมืองเทียนหยา หยิงหลวนไม่รู้เลยว่าซือหยูยังใจเย็นอยูได้อย่างไร!
  ก่อนหน้านี้ร้านตงหลินถูกเจ้าของร้านเฟยกดขี่โดยการสั่งห้ามผู้ค้าโอสถไม่ให้ขายโอสถให้ แต่เมื่อตอนนี้มีผู้ค้าโอสถมา ซือหยูกลับไม่สนใจเลย! หยิงหลวนสับสนอย่างมาก
  “แต่เจ้าของร้านซือเขาคือลำดับห้าจากพันธมิตรปรุงยา พวกเขามีโอสถคุณภาพดีอยู่มากนัก ชื่อเสียงของพวกเขาดีกว่าเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างด้วย! เจ้าของร้านคนก่อนอยากจะติดต่อกับเขาแต่ก็ถูกปฏิเสธทั้งหมด…ใยท่านไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ล่ะ?”
  หยิงหลวนถามซือหยูด้วยความกังวลกับเหตุผลของเขา
  ซือหยูคิดในใจ…ข้าไม่ใช่คนที่จะมาคว้าโอกาสพวกนายหน้าพวกนั้นต่างหากที่อยากจะสร้างความสัมพันธ์กับข้าแล้วมาแทนที่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่าง!
  “ทำตามที่ข้าสั่งเจ้า!ไม่ว่าใครจะมาก็ให้ทิ้งโอสถกับชื่อไว้ให้เจ้า ข้าไม่ว่างจะรับรองใครทั้งนั้น…”
  ซือหยูพูดเสียงแข็ง
  หยิงหลวนรู้แล้วว่าซือหยูไม่พอใจนางจึงรีบกลับไปทำตามคำสั่ง
  น่าแปลกที่มีเสียงหัวเราะอบอุ่นดังมาจากสวนหลังร้าน
  “แม้แต่ข้าเจ้าก็ไม่อยากเจองั้นรึ?”
  ซือหยูเลิกคิ้วและรีบนึกถึงผู้เป็นเจ้าของเสียงเมื่อจำได้แต่เป็นเสียงของใครเขาก็คิดกับตัวเอง…เป็นเขาจริงๆรึ?
  ซือหยูยืนขึ้นเปิดประตูทันทีเขาก้าวออกไปที่หน้าร้านและพบชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อสีน้ำเงินท่ามกลางผู้คน เขาคือทหารจากตำหนักโลหิตเมืองเทียนหยา ชายวัยกลางคนสกุลจู้ที่เป็นจ้าวเทวะระดับหนึ่ง
  เขามักจะทำให้ซือหยูคิดว่าเขาคือคนที่กระตือรือร้นจนเกินควรซือหยูระแวงขึ้นมาทันทีกับการมาเยี่ยมโดยไม่เขาไม่ได้ตั้งตัว
  “โอ้…ผู้อาวุโสจู้นั่นเอง”..ไอลีนโนเวล
  ซือหยูทักทายเขาและประสานมือด้วยรอยยิ้มไม่มีร่องรอยของความเคลือบแคลงอยู่บนใบหน้าซือหยูแม้แต่น้อย
  อีกฝ่ายมองร้านตงหลินอย่างระมัดระวังจากนั้นก็หันไปมองนายหน้าค้าโอสถใกล้ๆพลางหัวเราะเบาๆ
  “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ธรรมดาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้วเจ้ามีชื่อเสียงในเมืองเพียงแค่ไม่กี่วัน ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเจ้าช่วยหลานสาวทั้งสามของท่านโจวแห่งพันธมิตรปรุงยา เจ้านับว่าเป็นคนสำคัญทีเดียว!”
  ซือหยูยิ้มอย่างนอบน้อม
  “ข้าโชคดีแต่เพียงเท่านั้นข้าไม่รู้เรื่องเจ้าพันธมิตรโจวมาก่อนเลย”
  “ฮ่าๆๆ!เอาเถอะ…เจ้าจะไม่ชวนข้าเข้าไปหน่อยรึ?”
  เขายิ้มถาม…novel-lucky
  ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาไม่อยากจะใกล้ชิดกับชายคนนี้นัก แต่ไม่เหมาะเช่นกันที่จะปฏิเสธเขาต่อหน้าผู้คน
  “เข้ามาสิ…”
  จากนั้นซือหยูก็พูดกับหยิงหลวนและฉิงหลิว
  “อย่ารบกวนข้าถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ…”
  หยิงหลวนพยักหน้าเชื่อฟังหลังจากชายทั้งสองเข้าไปด้านใน นางหันไปพูดกับผู้เฒ่าชุดขาวด้วยใบหน้าที่แดง
  “ขอโทษท่านผู้เฒ่าหวงข้าทำให้เจ้าของร้านมาเจอท่านไม่ได้…”
  ชายแก่นามหวงนั้นคือผู้ก่อตั้งร้านหวงโอสถและเป็นคนที่มาหาซือหยูในขณะนี้เขาดูกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก
  เพราะเขามีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองส่วนในจ้าวเทวะหลายคนมักจะมาแอบขอซื้อโอสถลับจากพันธมิตรต่อเขา แต่ตอนนี้เขากำลังถูกปฏิเสธโดยร้านโอสถเล็กๆ!
  ซือหยูถึงกับสั่งให้คนของเขากันคนที่ไม่สำคัญเพื่อไม่ให้รบกวนเขาต่อหน้าทหารจนๆ!คนอย่างเขาไม่มีความสำคัญในสายตาซือหยูเลย!
  ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้เฒ่าหวงจะกระอักกระอ่วน!แต่อย่างไร ด้วยการที่เป็นพ่อค้า เขาเคยเจอกับความอัปยศที่ย่ำแย่กว่านี้มาก่อนอยู่แล้ว!
  เขาได้แต่สลัดความคิดและพูดกับนางอย่างใจดี
  “ฮ่าๆๆแม่หนู ไม่ใช่ความผิดเจ้า หากเจ้าของร้านซือสั่งเจ้าเช่นนี้ เจ้าก็ต้องทำตามที่เขาปรารถนา นี่โอสถชั้นต้นห้าพันชนิด ชั้นกลางห้าร้อยชนิด ชั้นสูงอีกห้าสิบชนิด! ข้าได้ยินว่าเจ้าของร้านซือกำลังเจอปัญหาแต่ก็มิอาจช่วยเหลือได้ทันเวลา ข้าจึงอยากจะให้โอสถเหล่านี้เป็นของขวัญกับเขา”
  หยิงหลวนกับฉิงหลิวกลั้นหายใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้คนรอบๆตัวแข็งทื่อไม่ต่างกัน
  “โอสถชั้นต้นมักจะมีค่าเม็ดละสิบดวงชั้นกลางอย่างน้อยก็ร้อยดวง ชั้นสูงประมาณพันดวง! รวมกันแล้วทั้งหมดมันเกินหนึ่งแสนห้าหมื่นดวงเข้าไปแล้ว! นี่มันเกือบครึ่งของยอดขายร้านตงหลิน!”
  ชายคนหนึ่งอุทานขึ้นมา
  อีกคนพูดทั้งๆที่อ้าปากค้าง
  “ช่างใจกว้างนัก!ผู้เฒ่าหวงยอมจ่ายหนักเพื่อมอบของขวัญให้เขาขนาดนี้! ข้าได้ยินว่าร้านโอสถของเขากำลังยากลำบากเพราะถูกเขตกลางชิงลูกค้าไป”
  “ใช่ร้านหวงเป็นที่นิยมอยู่ก็จริง แต่ร้านเขาไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรเท่าใดนักไม่เหมือนกับนายหน้าสี่ลำดับแรก เจ้าพันธมิตรที่เขารู้จักหันหลังไปหานายหน้าสี่ลำดับแรกจนร้านหวงกลายเป็นร้านเล็กๆในไม่ถึงสิบปี”
  อีกคนกล่าวขึ้นมา
  นี่คือตลาดที่มีแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดคนที่แข็งแกร่งจะแกร่งขึ้น ผู้ที่อ่อนแอจะอ่อนแอลง และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการถูกกำจัดทิ้งไปจากตลาด
  นี่เป็นเหตุให้ร้านหวงยอมจ่ายหนักเพื่อที่จะได้ความดีความชอบจากซือหยูเพราะพวกเขาจ่ายหนักถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นดวง ซือหยูจะต้องชื่นชมพวกเขาต่อหน้าเจ้าพันธมิตรโจวแน่!
  “ข้าต้องขอตัวก่อน…”
  ผู้เฒ่าหวงมอบโอสถและหันหลังกลับโดยมีคนในตระกูลช่วงพยุง
  ตระกูลหวงดูจะไม่พอใจนักพวกเขาโมโหกับสิ่งที่ได้รับ หลายคนพูดโต้ตอบกัน…
  “ซือหยูเซี่ยนดูถูกผู้คนมากมายนัก!เขาปฏิเสธจะให้เราเข้าไปแม้ว่าเราจะมาให้ของขวัญอันยอดเยี่ยมอย่างนี้!”
  สตรีวัยกลางคนค่อนข้างหงุดหงิด
  “ใช่แล้ว!ท่านปู่ เขาโหดร้ายเกินไปแล้ว! เขาสั่งลูกน้องว่าห้ามให้คนไม่สำคัญมารบกวนต่อหน้าพวกเรา! มันจะมากไปแล้ว! คนตระกูลหวงทุกคนมีเกียรติ เราจะมีชีวิตอยู่ในเมืองเทียนหยาต่อได้ด้วยความอัปยศนี้หรือ?”
  หญิงสาวอีกคนกัดฟันถามนางกำลังโกรธแค้น
  สุดท้ายสตรีวัยกลางคนก็ถามเบาๆ
  “ท่านพ่อท่านมั่นใจหรือว่าเจ้าของร้านซือจะช่วยเราได้? ตระกูลเรากำลังลำบาก เจ้าของร้านเฟยกำลังต่อต้านเรา หากมามอบโอสถให้เจ้าของร้านซือตอนนี้ ถ้าเราเสียร้านกลิ่นสวรรค์และสร้างสัมพันธ์กับเจ้าพันธมิตรโจวไม่ได้ เราจะแย่ยิ่งกว่านี้!”
  เมื่อได้ฟังเสียงอันไม่พอใจของคนในตระกูลผู้เฒ่าหวงยิ้มตอบอย่างใจเย็น
  “พวกเจ้าสบายใจได้พวกเราทำดีที่สุดแล้ว บางที…มันอาจจะดีขึ้นก็ได้”
  “แต่ท่านปู่ของขวัญที่ท่านให้ซือหยูเซี่ยนมันไม่มากไปรึ? จากร้านโอสถของเขา ข้าคิดว่าให้ของขวัญมูลค่าสักหมื่นสองหมื่นก็พอแล้ว!”
  หญิงสาวอีกคนยังคงติดใจ
  ผู้เฒ่าหวงหัวเราะ
  “พอแล้ว!ข้าตัดสินใจแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก รอดูเถอะว่าเขาจะช่วยพวกเราพลิกสถานการณ์ได้หรือไม่”
  ตรงข้ามกับความใจเย็นของผู้เฒ่าหวงทุกคนในตระกูลต่างสีหน้าแปลกไปและขมวดคิ้วกันแน่น พวกเขาไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย
  แม้ว่าซือหยูจะช่วยชื่นชมพวกเขาต่อหน้าเจ้าพันธมิตรโจวพวกเขาก็มิอาจแน่ใจได้ว่าจะยกระดับตัวเองขึ้นได้หรือไม่ พวกเขาต่างคิด…เจ้าพันธมิตรโจวจะส่งช่องทางของเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างให้ตระกูลเราเพียงเพราะคำพูดดีๆของซือหยูเซี่ยนงั้นรึ?
  อย่างมากซือหยูเซี่ยนก็เพียงบอกพันธมิตรปรุงยาให้ดูแลตระกูลของพวกเขาบ้าง ซึ่งพวกเขาไม่คิดว่ามันจะคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไปเลย
  ขณะนั้นซือหยูกำลังพูดคุยกับทหารจู้ผู้มาหาเขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย…
  “ฮ่าๆๆๆแม้แต่ระกูลหวงก็มาขอการสนับสนุนจากเจ้า! เจ้าถูกนับถือมากนัก!”
  ซือหยูยักไหล่
  “ข้าขอไม่ถูกสนใจจะดีกว่าไม่ดีเลยที่ต้องอยู่ท่ามกลางแสงสาดส่องเช่นนี้”
  ทหารจู้เผยดวงตาเจ้าเล่ห์แต่ยังคงใบหน้ายิ้มพอใจเอาไว้
  “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว…ตระกูลหวงกำลังลำบากพวกคนมีอำนาจในพันธมิตรกำลังจะเตรียมลบพวกเขาออกและหาคนมาแทนที่ …เจ้าทิ้งระยะห่างกับคนที่พันธมิตรไม่ชอบไว้ก็ดี”
  อย่างนั้นรึ?ซือหยูพยักหน้าเงียบๆ
  จากนั้นเขาจึงพูด
  “อืมข้ารู้แล้ว แต่ข้าคิดว่าท่านไม่ได้มาหาข้าเพียงเพราะจะเตือนเรื่องพวกนี้ใช่หรือไม่?”