บทที่ 79 ภัยจากอสูรชั่วร้าย (3)
ทันทีที่ซูเฉินเอ่ยคำจบ ท้องฟ้าก็พลันเปลี่ยนสี
ริ้วแสงสีฟ้าวาดผ่านท้องฟ้า พุ่งมาจากที่ไกล มันพุ่งตรงเข้ามาหากู่เหยาเยี่ย บรรพชนตระกูลกู่
หากไม่ได้ซูเฉินร้องเตือน พลังซัดนี่ก็คงทำให้กู่เหยาเยี่ยบาดเจ็บหนักไปแล้ว
ทว่ากู่เหยาเยี่ยได้ยินคำซูเฉินแล้วก็ตอบสนองทันที พลันทำร่างล่องหนราวกับละลายหายไปในอากาศ เลือนกายไปกับความมืด แทบมองไม่เห็นในฟ้ายามราตรี
แสงสีฟ้าพุ่งเข้าซัดกู่เหยาเยี่ยอีกครา ทว่าครั้งนี้มันลงน้ำแทน เกิดเป็นวงน้ำระลอกใหญ่ ผ่านร่างล่องหนของกู่เหยาเยี่ยไปโดยที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด
พริบตาจากนั้น ริวดาบคมกริบก็กวาดผ่านฟ้า ริ้วแสงสีฟ้าหมุนคว้างอยู่กลางอากาศหลายรอบ หลบท่าดาบบีบคั้นนั่นได้ จากนั้นกลับคืนสู่ร่างเดิม นั่นคือหมาป่าขนสีน้ำเงิน
มันมองลงมาจากมุมสูงบนฟ้าแล้วเอ่ยเสียงเย็น “น่าเสียดาย ข้ากลับถูกพบโดยมนุษย์อ่อนแอตัวหนึ่งเสียได้”
“เจ้าอสูร ! มันเป็นอสูรกายระดับเจ้าอสูร !” ผู้เชี่ยวชาญพลังคนหนึ่งของตระกูลฟางร้องขึ้น
“เซวียนเหมี่ยน พวกเจ้าไปจัดการเจ้านั่น ปล่อยอสรพิษนี่ให้ข้าจัดการ” กู่เหยาเยี่ยเอ่ยเสียงเย็น จากนั้นเหลือบมองซูเฉินด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก “ขอบใจมากพ่อหนุ่ม”
หากไม่ได้คำเตือนจากซูเฉิน หากไม่ตาย กู่เหยาเยี่ยก็คงบาดเจ็บหนักจากการลอบโจมตีเมื่อครู่แล้ว
ถึงตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญด่านผลาญจิตวิญญาณทั้งสี่ยังประมือกับราชันอสูรกายอสรพิษสายฟ้า ส่วนด่านสู่พิสดารที่เหลือกำลังล้อมสู้เจ้าอสูรกายหมาป่าฟ้า
ซูเฉินมองรูปการณ์แล้วก็มุ่นคิ้ว
มนุษย์ทั้งหมดยังล้อมโจมตีอสูรกายทั้งสอง แต่การปรากฏตัวของเจ้าอสูรกายหมาป่าฟ้าก็ดึงเอาพลังที่ต่อกรกับอสรพิษสายฟ้าอยู่แต่เดิมไปจำนวนมาก ผู้เชี่ยวชาญด่านผลาญจิตวิญญาณทั้งสี่รับมือกับราชันอสูรกาย ส่วนด่านสู่พิสดารยี่สิบคนประมือกับเจ้าอสูรกาย เห็นได้ชัดกว่ากลุ่มคนที่แกร่งกว่ากลับเป็นกลุ่มที่ขาดกำลังมากกว่า
หรือก็คือหากเกิดปัญหาขึ้น ยอดบนย่อมถล่มก่อน หากผู้เชี่ยวชาญด่านผลาญจิตวิญญาณทั้งสี่ไม่อาจรั้งราชันอสูรกายไว้ได้ เมืองกลืนธาราก็จะถูกทำลายราบคาบ ด้วยเหตุนี้คนทั้งสี่จึงฝืนทนกัดฟันสู้อย่างขมขื่น ได้แต่หวังว่ากู่เซวียนเหมี่ยนกับคนอื่น ๆ จะรีบจัดการเจ้าอสูรกายหมาป่าฟ้าแล้วเข้ามาเสริมทัพ
หากแต่เจ้าอสูรกายหมาป่าฟ้าเองก็รู้ มันจึงกระโจนขึ้นฟ้าไม่หยุดให้คนไล่ตามแทนที่จะได้สู้หัวชนฝากับมัน มันเองก็กำลังรอ แต่เป็นในทางกลับกัน มันรอให้อสรพิษสายฟ้าสังหารผู้เชี่ยวชาญด่านผลาญจิตวิญญาณให้หมดต่างหาก
“เช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ! เราต้องช่วยพวกเขากดดันราชันอสูรกายไปก่อน ไม่เช่นนั้นเมืองกลืนธาราแพ้แน่ !” ซูเฉินว่า
“นานยท่าน คงไม่ได้คิดจะไปเองหรอกใช่หรือไม่ ? การต่อสู้นี้เราเข้าร่วมไม่ได้” กังเหยียนสะดุ้งตัวโยน พยายามกล่อมเขา
แค่ซูเฉินสามารถประมือกับคนด่านสู่พิสดารระดับต่ำก็ประทับใจมากพอแล้ว แต่รับมือกับราชันอสูรกายหรือเจ้าอสูรกายหมาป่าฟ้านั้นนับว่ากล้าแกร่งเกินไป ซูเฉินพูดราวกับจะเข้าต่อสู้ด้วย ไม่เท่ากับรนตาที่ตายหรอกหรือ ? หากเข้าใกล้สักนิดก็คงถูกบี้เละแน่ !
“ข้าไม่ได้บอกว่าจะพยายามฆ่าราชันอสูรกาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าข้าช่วยไม่ได้” ซูเฉินเอ่ยแล้วพลันลุกขึ้น “ข้าจะไปช่วยพวกเขา เจ้าอยู่ในเมือง คอยดูแลชาวบ้านให้ปลอดภัย”
ว่าแล้วเขาก็ขึ้นเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากจากไป
ท้องฟ้าในปัจจุบันเต็มไปด้วยทะเลเพลิง สายฟ้าฟาด และปราณดาบมากมาย……
มันทั้งมีพายุคลั่งและปั่นป่วนอย่างน่าเหลือเชื่อ
เปลวไฟและน้ำแข็งร่ายรำสอดประสานยามสายฟ้าพาดผ่านท้องฟ้า
วิชามากมายฟาดฟันกันอยู่บนฟ้า เต็มไปด้วยพลังงานปั่นป่วน แรงกดดันในอากาศหนั่นแน่น รู้สึกทั้งหนักทั้งหน่วง เคลื่อนตัวผ่านอากาศราวกับเคลื่อนผ่านหนองโคลน แรงกดดันเช่นนี้สูงมากจนบีบคั้นคนให้ตายได้ทีเดียว
แรงกดดันของพวกเขาบีบให้คนที่ต่ำกว่าด่านทะลวงลมปราณต้องล่าถอย ไม่ให้เข้าร่วมในการต่อสู้
ซูเฉินขับเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากเข้าท่ามกลางการต่อสู้ แม้จะนั่งอยู่ภายใน แต่ก็รับรู้ถึงแรงกดดันเฉียบขาด กระนั้นเขาก็ไม่กลัว แต่กลับอยากสู้มากขึ้นไปอีก
วีรบุรุษที่แท้จริงจำต้องกล้าหาญ !
เขามองคลื่นพลังพากันเคลื่อนเข้าโอบล้อมเรือเหาะ ลำแสงนับไม่ถ้วนซัดผ่านลำเรือไป ส่งเสียงร้อนฉ่าด้วยระดับพลังสูง
“ซูเฉิน เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ?” กู่เซวียนเจาตะโกนลั่น
ตอนนี้เขากับคนอื่น ๆ กำลังต่อสู้พัวพันกับเจ้าอสูรกายหมาป่าฟ้า ไม่มีใครคิดว่าจู่ ๆ ซูเฉินจะปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้
ทำไมไม่อยู่ด้านล่างเล่า ? ขึ้นมาทำอะไรบนนี้ ? ขึ้นมาหาที่ตายหรือ ?
ซูเฉินไม่สนใจ มุ่งหน้าไปหาผู้เชี่ยวชาญด่านผลาญจิตวิญญาณทั้งสี่ กู่เซวียนเจา กู่เซวียนเหมี่ยน และคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง
ไม่หัวดื้อสักคราจะตายหรือไม่ ?
เจ้าจะตายพวกข้าก็ไม่สนหรอก แต่เงินที่พวกข้าลงทุนไปเล่า !?
ตอนนี้กู่เหยาเยี่ยกับคนอื่น ๆ กำลังสู้กับราชันอสูรกายอสรพิษสายฟ้า ได้รับแรงกดดันหนักหนานัก คลื่นทะเลสายฟ้ากำลังกัดกินพวกเขา ทั้งยังมีพลังรุนแรงซัดเข้ามาไม่หยุด ผู้เชี่ยวชาญด่านผลาญจิตวิญญาณทั้งสี่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
เป็นไปดังคาด พวกเขากัดฟันสู้อยู่
เป็นตอนนั้นเองที่ซูเฉินมาถึง กัดฟันฝ่าสายฟ้ารอบข้างมาได้
ทว่าเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากนั้นออกแบบมาจากซากจักรพรรดิอสูรกายจึงรับแรงกดดันได้มาก แต่กระนั้นซูเฉินก็ยังถูกพลังซัดไปมาราวกับนกน้อยท่ามกลางสายฟ้าคลั่ง แต่เจ้านกน้อยนั่นก็มั่นใจเฉียบขาด บินต่อไปไม่ลังเล พุ่งเข้าสู่สนามรบอันขมขื่นและเข้าใกล้กู่เหยาเยี่ยได้ในที่สุด
“ผู้อาวุโส !” เขาตะโกนลั่น
กู่เหยาเยี่ยมุ่งจิตอยู่กับการต่อสู้กับอสรพิษสายฟ้า ไม่มีเวลามาสนใจซูเฉิน ได้แต่เหลือบตามองแวบหนึ่ง จากนั้นก็เผยสีหน้าตกใจ
พริบตาต่อมา ซูเฉินก็เปิดเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากทำท่าขว้างของมา ขวดยาหนึ่งปลิวไปหากู่เหยาเยี่ย
“ท่านดื่มเสีย !” ซูเฉินตะโกน
เห็นดังนั้น กู่เหยาเยี่ยก็ใช้เส้นสายพลังต้นกำเนิดคว้าขวดยาเอาไว้แล้วดึงมันเข้าหาตัวอย่างเฉียบขาด
เมื่อเปิดออกลองดมดู ให้กลิ่นหอมสดชื่น กู่เหยาเยี่ยใจสะดุด รู้ทันทีว่ามันเป็นของดี จึงแหงนหน้ากรอกยาลงไปทันทีเมื่อยาถึงมือ
พริบตาต่อมา กลิ่นอายเขาก็พุ่งพรวด แค่ยื่นแขนออกมาก็เกิดเป็นลำแขนยักษ์ขึ้นกลางอากาศ สกัดริ้วสายฟ้าที่หมายโจมตีไปทางซูเฉิน ริ้วแสงนั่นปะทะกับมือยักษ์ราวกับเป็นงูเล็กตัวหนึ่งไร้หนทางหนี กู่เหยาเยี่ยจึงกำมือขยี้มันเสีย ริ้วสายฟ้านั่นพลันหายไปไม่เหลือร่องรอย
กู่เหยาเยี่ยหัวเราะลั่น “ไม่เลว ไม่คิดเลยว่าผู้น้อยเช่นเจ้าจะเป็นนักปรุงยามือฉกาจ มีมากกว่านี้หรือไม่ ?”
“แน่นอน” ซูเฉินหัวเราะ
เขาโยนยาอีกหลายขวดให้กู่เหยาเยี่ย จากนั้นบังคับเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากไปหาอีกสามคน
ตู้ม !
สายฟ้าเริ่มฟาดลงมาทางซูเฉินแล้ว
เดิมทีอสรพิษสายฟ้ามองซูเฉินเป็นแมลงตัวหนึ่ง แต่แมลงตัวนี้กลับทำตัวมีประโยชน์ต่อศัตรูของมัน มันย่อมต้องหยุดเขา
กู่เหยาเยี่ยกระแทกสามฝ่ามือออกไปพลางกล่าวคำ “รีบรับยาเร็ว !”
คนทั้งสามถอยไปทางซูเฉินทันที
ซูเฉินวาดแขน ก่อนจะส่งยาจำนวนมากออกไป