“คำพูดของน้องผิดไปแล้วกระมัง ได้รู้จักเจ้าถือเป็นเกียรติของพวกเราสองพี่น้องถึงจะถูก” เฝิงจิ้งเหวินยิ้มพลางพูดขึ้น
“ท่านแม่ ท่านพี่ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่มาพูดคุยกัน พวกเราเชิญท่านพี่โยวเอ๋อร์ไปนั่งพูดคุยในห้องกันเถิด” เฝิงจิ้งซูเอ่ยเตือนทั้งสองคน
“ดูข้าซิ เพราะได้พบแม่หญิงเมิ่งดีใจจนเสียมารยาทไป ใช่แล้วๆๆ เข้าไปในห้องก่อน” เฝิงฮูหยินพูดขึ้น
เมิ่งเชียนโยวเอ่ยขอบคุณ เดินตามผู้คนทั้งหลายเข้าไปในเรือนหลังหนึ่ง
เฝิงจิ้งเหวินพูด “นี่เป็นเรื่องตอนที่ข้ายังไม่แต่งงานออกไป ท่านพ่อท่านแม่เก็บเอาไว้ให้ข้ามาตลอด หลายวันมานี้ข้าเองก็พักอยู่ที่นี่ โยวเอ๋อร์เองรีบเข้ามาข้างในเถิด”
พูดจบก็เปิดประตูม่านให้กับเมิ่งเชียนโยวด้วยตนเอง กลุ่มคนเดินกันเข้าไป
เดินเข้าไปในห้องพากันนั่งลง เฝิงฮูหยินเอ่ยสั่งบ่าวรับใช้ให้ไปรินชามา
เมิ่งเชียนโยวพูดว่า “บ่าวรับใช้ของข้ากลับไปเอาเข็มเงินมา รบกวนเฝิงฮูหยินเอ่ยกำชับคนเฝ้าประตูเสียหน่อย อีกครู่หนึ่งให้ปล่อยนางเข้ามาก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชียนโยวยิ้มพลางตอบว่า “ตอนแรกข้าไม่ได้มั่นใจเท่าไรนัก เพียงแค่ทดลองรักษาพี่สะใภ้ดู และก็เป็นเพราะว่านางมีวาสนาสูงส่งนัก ถึงได้มีโอกาสเป็นแม่คนอีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้มาพูดเรื่องเหล่านี้ก็ยังเร็วเกินไป เรื่องทั้งหมดต้องผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง พี่เฝิงตั้งท้องก่อนถึงจะมาพูดกันได้อีก”
ใบหน้าเฝิงจิ้งเหวินเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ไม่ว่าหลังจากนี้ข้าจะได้เป็นแม่คนหรือไม่ ข้าล้วนซาบซึ้งใจต่อน้องโยวเอ๋อร์ไปตลอดชาติ”
เมิ่งเชียนโยวโบกมือ “คำพูดของพี่สะใภ้ไม่เห็นข้าเป็นพี่น้องแล้ว ข้ารับฟังคำพูดเช่นนี้ไม่ได้มากที่สุดแล้ว หลังจากนี้ท่านอย่าได้พูดเช่นนี้อีก”
ตระกูลเฝิงเป็นตระกูลใหญ่ทำการค้า การค้าในตระกูลนั้นทำอย่างใหญ่โต ตัวเฝิงอูหยินเองก็เป็นคนฉลาดเฉลียว ดูออกว่าเมิ่งเชียนโยวไม่อยากฟังคำพูดเกรงอกเกรงใจตามมารยาทอย่างใจจริง จึงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา หัวเราะพลางพูดว่า “วันนี้เวลาดึกมาแล้ว แม่หญิงเมิ่งอยู่ทานอาหารที่จวนก่อนเถิด แล้วค่อยรักษาให้เหวินเอ๋อร์”
สิ่งที่เมิ่งเชียนโยวคิดเอาไว้คืออยู่ในจวนตระกูลเฝิงให้นานสักครู่หนึ่ง ย่อมไม่ปฏิเสธเป็นแน่
เฝิงฮูหยินสั่งห้องครัวให้เตรียมอาหารประณีตสองสามอย่างเพิ่มขึ้น แล้วก็สั่งให้คนจัดสำรับภายในห้องเฝิงจิ้งเหวิน แม่ลูกทั้งสามคนอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนเมิ่งเชียนโยว
ผู้คนทั้งหลายทานอาหารไปพลางพูดคุยไปพลาง ในช่วงเวลานั้นก็พูดคุยถึงอาการเจ็บป่วยของเฝิงจิ้งเหวินขึ้นมา
ภายในห้องมีบ่าวรับใช้คอยดูแลอยู่สองสามคน เมิ่งเชียนโยวแยกสมาธิสังเกตการกระทำของคนในห้องทุกการขยับเคลื่อนไหว ไม่ได้พบว่าใครมีการกระทำที่ผิดปกติ
หลังจากทานอาหารเสร็จก็นั่งพูดคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่ง จูหลีเองก้ไปหยิบเข็มเงินมาแล้ว
เมิ่งเชียนโยวพูดขึ้น “พี่สะใภ้ พวกเราเริ่มกันเถิด”
เฝิงจิ้งเหวินพยักหน้า นอนลงบนเตียงของตนเอง ปลดเสื้อของตนเองออกด้วยความคุ้นชิน ห่มผ้าผืนบาง
เฝิงฮูหยินไม่เคยเห็นมาก่อน มุงเข้ามาด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน รอจนเมิ่งเชียนโยวหยิบเข็มเงินขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากันกว่าสิบเล่มออกมาก็ต้องส่งเสียงร้องเสียงเบาออกมา
เฝิงจิ้งเหวินยิ้มเอ่ยปลอบนาง “ท่านแม่ ไม่เป็นอะไร ไม่เจ็บเจ้าค่ะ”
เฝิงฮูหยินไฉนเลยจะเชื่อ นึกสงสารจับใจ พูดว่า “เหวินเอ๋อร์ ครั้งนี้หากตั้งท้องอีกครั้งจริง จะต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าจะละโมบกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เจ้าดูเข้าซิ ครั้งนี้ต้องเจ็บปวดทนทุกข์มากเพียงใด ตอนนี้ใจแม่เหมือนถูกเข็มเหล่านี้ทิ่มแทง”
เฝิงจิ้งเหวินพยักหน้า “ท่านแม่ ข้าจำได้แล้วเจ้าค่ะ”
เฝิงฮูหยินหันไปพูดกับเฝิงจิ้งซูว่า “เห็นแล้วหรือไม่ พี่สาวของเจ้าเป็นตัวอย่าง หลังจากนี้เจ้าแต่งงานแล้ว ถ้าตั้งท้องอย่าได้ละโมบกินเด็ดขาด”
เฝิงจิ้งซูเดินมาถึงข้างกายเฝิงฮูหยินคล้องแขนของนางเอาไว้ พูดออดอ้อนว่า “ท่านแม่ ข้าไม่แต่งงาน ท่านรีบเป็นกังวลไปเสียแล้ว อีกอย่างท่านพี่เองก็เป็นข้อยกเว้น ท่านดูซิว่าคนอื่นก็ไม่เห็นเป็นอะไร”
เฝิงฮูหยินยื่นมือออกไปเคาะกลางกระหม่อมนางทีหนึ่ง “เจ้านี่ ทุกเรื่องย่อมมีเหตุผล ไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปหาผู้ชายแบบไหนมาคุมเจ้าได้” หลังจากที่เฝิงฮูหยินเอ่ยสั่งก็พูดว่า “ขอบใจแม่หญิงเมิ่งที่รักษาให้เหวินเอ๋อร์ ให้นางยังมีโอกาสได้เป็นแม่คน มิเช่นนั้นข้าก็ไม่รู้เลยว่าวันเวลาต่อจากนี้นางจะผ่านไปได้อย่างไร”
เฝิงจิ้งซูหน้าแดงขึ้นในฉับพลัน “ท่านแม่ ตอนนี้กำลังพูดเรื่องอาการป่วยของท่านพี่อยู่ เหตุใดถึงได้พาลมาเรื่องการแต่งงานของข้าเหล่า ข้าพูดแล้วไม่ใช่หรือ ข้าไม่แต่งงานถึงจะดี จะได้อยู่ที่บ้านกับท่านพ่อท่านแม่ตลอดไป”
เฝิงจิ้งซูเป็นลูกคนเล็กสุดในตระกูล นิสัยดีเช่นเดียวกัน ได้รับความชื่นชอบจากคนในตระกูลมาตั้งแต่เด็ก คู่สามีภรรยาเฝิงเอ็นดูเป็นอย่างมาก ได้ยินคำพูดของนาง เฝิงฮูหยินก็พลางส่ายหน้า “หากเจ้าเชื่อฟังได้สักครึ่งหนึ่งของพี่สาวเจ้า แม่เองก็คงไม่ต้องเป็นห่วงถึงเพียงนี้”
เฝิงจิ้งซูแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน
เมิ่งเชียนโยวทำตัวเหมือนปกติ นำเข็มเงินเล่มหนึ่งขึ้นมาปักลงไปบนจุดชีพจรที่แตกต่างออกไปอย่างระมัดระวัง
เฝิงฮูหยินมองดู นึกสงสารเป็นอย่างมาก ดวงตาแดงก่ำอย่างห้ามไม่ได้
เฝิงจิ้งเหวินเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านแม่ ท่านดูซิ ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ”
เฝิงฮูหยินสังเกตนางอย่างละเอียด เห็นนางไม่ได้มีทีท่าเจ็บปวดแม้แต่น้อย บนหน้าผากก็ไม่มีเหงื่อผุดให้เห็น นึกเชื่ออยู่บ้าง พูดอย่างแปลกใจว่า “นี่ทำให้คนนึกแปลกใจเกินไปแล้ว ปักเข็มลงไปบนท้องมากมายเช่นนี้กลับไม่ได้เจ็บปวดเหมือนที่ข้าคิดไว้” พูดจบก็พูดอีกว่า “ฝีมือแพทย์ของแม่หญิงเมิ่งช่างล้ำเลิศยิ่งนัก ทำให้คนนับถือเสียจริง”
เมิ่งเชียนโยวกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในห้องทีหนึ่ง พูดว่า “เฝิงฮูหยินพูดเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ฝีมือแพทย์ล้ำเลิศนั้นไม่อาจรับไว้ได้ แต่ทำให้พี่สะใภ้ตั้งท้องได้อีกครั้งข้ามีความมั่นใจเจ้าค่ะ”
เฝิงฮูหยินยินดีเป็นอย่างมาก “จริงหรือ เช่นนี้หลังจากนี้เหวินเอ๋อร์ก็จะต้องมีลูกเป็นแน่ล่ะซิ?”
เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า ลอบสังเกตอาการคนอื่นภายในห้อง
ภายในห้องนอกจากพวกเขาสามสี่คนแล้ว ยังมีบ่าวรับใช้ข้างกายเฝิงจิ้งเหวินอีกสามคนที่คอยดูแลรับใช้ คนทั้งหลายเมื่อได้ยินคำพูดนี้ล้วนแสดงท่าทีดีใจออกมาทั้งหมด ดีอกดีใจแทนเฝิงจิ้งเหวินจากใจจริง
เมิ่งเชียนโยวกวาดตามองพวกนางทีหนึ่งด้วยอาการไม่กระโตกกระตาก หลุบสายตาลงไป พูดกับเฝิงฮูหยินว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่กล้าบอกพี่สะใภ้ ที่จริงแล้วที่ท่านให้กำเนิดทารกไร้ชีวิต ไม่ได้เป็นเพราะท่านทานของแสลง แต่เป็นเพราะมีคนนำยาพิษไปใส่ไว้ในอาหารที่ท่านทานอยู่ทุกวัน ถึงได้ทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้”
แม่ลูกสามคนถลึงตาโตพร้อมกัน เฝิงจิ้งเหวินยิ่งไม่นึกเชื่อ เอ่ยถามเสียงสั่น “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าพูดจริงหรือ”
เมิ่งเชียนโยวแสดงท่าทีเคร่งขรึม “พี่สะใภ้ ท่านเห็นว่าข้ามีท่าทีล้อเล่นเช่นนั้นหรือ ในร่างกายของท่านยังคงมีซากพิษที่หลงเหลืออยู่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้จับชีพจรท่านข้าก็รู้แล้ว แต่ที่ไม่ได้บอกท่านก็เพราะเกรงว่าท่านจะเกิดความกังวลในใจ อีกทั้งตอนนั้นข้าเองก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะรักษาท่านให้ดีได้ แต่เรื่องนี้ข้าได้บอกเถ้าแก่เหวินแล้ว เขาได้สั่งให้คนลอบสืบค้นแล้ว น่าเสียดายที่คนผู้นั้นหลบซ่อนลึกล้ำมากนัก จนถึงตอนนี้เถ้าแก่เหวินก็ยังสืบไม่ได้ความว่าเป็นใคร”
“นี่ๆๆๆ…” เฝิงฮูหยินตกใจอยู่นานถึงได้พูดเป็นประโยคออกมา “เป็นใครที่ใจคอเ**้ยมโหดเช่นนี้กัน ลงมือเ**้ยมกับเหวินเอ๋อร์ของข้า”
เฝิงจิ้งซูถลึงตาโต พูดด้วยความแค้นเคือง “ช่างน่ารังเกียจนัก หากข้ารู้ว่าเป็นใคร ข้าจะต้องแทงเข็มพันเล่มใส่นางเป็นแน่ ให้นางได้ลิ้มรสความทรมานของท่านพี่”
เคร้ง! จู่ๆ ภายในห้องก็เกิดเสียงเคลื่อนไหวดังสนั่นจนทำให้ทุกคนนึกตกใจ
เฝิงจิ้งซูกุมหน้าอกตัวเอง เอ่ยต่อว่าบ่าวรับใช้ผู้หนึ่ง “ชุ่ยหง เจ้าทำอะไร ข้าตกใจหมด”
บ่าวรับใช้ที่ชื่อชุ่ยหงรีบรายงานความผิดด้วยความหวาดกลัว “ฮูหยิน คุณหนูได้โปรดให้อภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวได้ยินว่าคุณหนูถูกคนวางยาพิษจนกลายเป็นเช่นนี้ ในใจเกิดโมโหยิ่งนัก ไม่ทันระวังเลยเตะเก้าอี้ล้มเจ้าค่ะ”