ตอนที่ 441 ไพ่ใบสำคัญ

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เขาเย็นชาต่อผู้คนเพราะชีวิตเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขา เขาไม่เคยมีอัธยาศัยไมตรีกับใคร นั่นเป็นเพียงเพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดจากับคนอื่นอย่างไร… แม้จะไม่รู้วิธีสื่อสารความคิดกับเพื่อนสนิท แต่เขาก็ยังคงพยายามอย่างที่สุด ที่จะให้เพื่อนเขาไม่พลาดจากรักแท้ 

 

 

เขารู้ว่าลู่หลีใส่ใจความรู้สึกเหวินนิ่งมากแค่ไหน และเรื่องบ้าๆ ทั้งหมดที่ลู่หลีทำนั้นก็เพื่อเหวินนิ่ง เขาจึงหวังว่าลู่หลีจะไม่ละทิ้งความสุขของตนเองเพียงเพราะความเข้าใจผิด ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งได้มีโอกาสสัมผัสกับความสุขนั้น 

 

 

เขาเคยสูญเสียรักแท้มาแล้ว เขาจึงรู้ว่าเป็นความเจ็บปวดแค่ไหน เขาสาบานว่าจะไม่ยอมให้ตัวเองพลาดรักแท้อีกครั้ง แต่ลู่หลีไม่เหมือนเขา ลู่หลีไม่เคยมีเหวินนิ่งอยู่ในชีวิต ลู่หลีจึงคิดว่าตนเองสามารถเลิกกับเหวินนิ่งได้ และการทำงานจะเยียวยารักษาเขาเอง… 

 

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลู่หลีจะนึกถึงช่วงเวลาที่เขาได้มีร่วมกับเหวินนิ่ง จากนั้นความปวดร้าวจะแทรกซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก ถึงหัวใจ… และค่อยๆ กลืนกินเขา 

 

 

ลู่หลีสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วจุดบุหรี่ แต่เขาไม่ได้คีบบุหรี่มาที่ปากเลย เอาแต่จ้องมองปลายเท้าตัวเอง ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ เวลาผ่านไปพักใหญ่กว่าลู่หลีจะดับบุหรี่ที่ไหม้เป็นเถ้าไปแล้ว เขาหันมาสบตาเฉียวเหลียงและยิ้ม “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคุณพูดประโยคยาวๆ กับผม” 

 

 

“คุณคือเพื่อนที่เป็นเหมือนญาติ คือเพื่อนตาย” เฉียวเหลียงจ้องมองลู่หลี ลู่หลีเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย ขณะมองดูลู่หลี เฉียวเหลียงรู้สึกเหมือนกำลังมองตัวเองในอดีต ตอนที่เขาเพิ่งสูญเสียถังซี… 

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว แล้วละสายตาไปทางอื่น 

 

 

เมื่อเห็นท่าทางการเคลื่อนไหวของเฉียวเหลียง ลู่หลีคิดว่าเฉียวเหลียงเคอะเขิน เขายิ้มมุมปาก ใช่เพื่อนตาย พวกเขาทั้งสามคบกันเป็นเพื่อนตาย เพื่อนที่สำคัญกว่าชีวิตของตัวเอง แต่พวกเขาไม่เคยพูดออกมา… เท่าที่เขารู้จักเฉียวเหลียงมา ไม่ง่ายเลยที่เฉียวเหลียงจะเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้กับเขา 

 

 

“ถ้าเกิดความเข้าใจผิดระหว่างเรา ทำไมเธอถึงไม่อธิบายให้ผมฟังล่ะ เวลาผ่านมาตั้งนานแล้ว แต่เธอไม่ติดต่อผมเลย” ความมืดมนปรากฏอยู่ทั่วดวงตาลู่หลี เขามองหน้าเฉียวเหลียงและยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง “บางครั้งผมก็สงสัยว่าวันนั้นเธอสารภาพรักกับผม เพียงเพื่อจะได้ข่าวกรองเกี่ยวกับหลงเซี่ยวและพิกัดของผมหรือเปล่า เพื่อที่เธอจะได้กำจัดหลงเซี่ยวได้” 

 

 

เฉียวเหลียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองไปยังภาพเงาสะท้อนของลู่หลีในกระจกหน้าต่างฝรั่งเศสของห้อง ครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยว่า “คุณเป็นอาจารย์ของเหวินนิ่ง คุณไม่รู้หรือว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหน” ลู่หลีนิ่งขึง เฉียวเหลียงกล่าวต่อไปว่า “คุณคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทที่จะทรยศคนรักและเพื่อน เพื่อผลประโยชน์หรือเปล่า” 

 

 

… 

 

 

ทางอีกด้านหนึ่ง เมื่อถังซีกลับไปที่ห้องแล้ว เธอก็เปิดกระเป๋าเดินทางหยิบเสื้อผ้าชุดสุดท้ายที่เธอออกแบบร่วมกับฉู่หลิง และตัดเย็บด้วยมือของเธอเองออกมา นี่คือผลงานจากการตรากตรำทำงานหนักของเธอ 

 

 

ชุดนี้เป็นสีฟ้าสดกับสีฟ้าน้ำทะเล ช่วงล่างเป็นกระโปรงผ้าโปร่งนุ่มฟู ช่วงบนเป็นลวดลายโมเสกอันงดงาม มีเพียงหญิงสาวที่มีช่วงเอวเล็กคอดเท่านั้น ที่จะสวมชุดที่ดูสวยหรูโดดเด่นอยู่บนไม้แขวนเสื้อชุดนี้ได้… 

 

 

ไม่ว่าสาวคนไหนก็ตาม หากอยู่ในชุดนี้เธอจะดูเหมือนนางฟ้าน้อยๆ 

 

 

เหมือนอย่างที่หนิงเหยี่ยนเคยพูดไว้ มีเพียงนางฟ้าแห่งบุปผชาติเท่านั้นที่คู่ควรกับชุดแสนสวยชุดนี้ 

 

 

ถังซีแขวนชุดไว้ และบรรจงรีดอย่างระมัดระวัง จากนั้นเธอก็ยืนมองชุดด้วยความพึงพอใจ แล้วโทรหาเฮ่อหว่านอี เธอรออยู่ครู่ใหญ่กว่าเฮ่อหว่านอีจะรับโทรศัพท์ “โหรวโหรว ว่าไงจ๊ะ” 

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว เมื่อได้ยินเสียงค่อนข้างดังจากทางปลายสาย “พี่หว่านอี พี่ไม่ได้อยู่ที่โรงแรมเหรอคะ” 

 

 

เฮ่อหว่านอีกล่าวว่า “ไม่ได้อยู่จ้ะ พี่กำลังถ่ายปกนิตยสาร ตอนนี้งานเสร็จแล้ว บรรณาธิการนิตยสารเลี้ยงอาหารค่ำพวกเรา พี่จะกลับถึงโรงแรมประมาณเที่ยงคืนจ้ะ มีอะไรเร่งด่วนไหม” 

 

 

ถังซีมองดูชุดและส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวฉันค่อยโทรหาพี่พรุ่งนี้เช้านะคะ” 

 

 

เฮ่อหว่านอีกล่าวว่า “พรุ่งนี้เช้าพี่ไม่มีงาน แต่มีสัมภาษณ์ตอนบ่าย พี่จะไปหาเธอที่ห้องพรุ่งนี้เช้านะ” 

 

 

ถังซีกล่าวว่า “ตกลงค่ะ” แล้ววางสาย เธอมองไปที่ชุดที่แขวนอยู่ ยักไหล่ แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง เริ่มเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็รู้สึกเบื่อ จึงโยนโทรศัพท์ลงข้างตัว และหลับไป 

 

 

เฮ่อหว่านอีวางสาย หันไปมองฉู่หลิงซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้าม แล้วขมวดคิ้ว “คุณฉู่” 

 

 

ฉู่หลิงยิ้มให้เธอ และรินไวน์ให้เธอแก้วหนึ่ง “ขอบคุณสำหรับความร่วมมือนะครับคุณเฮ่อ ผมขอขอบคุณในนามของเดอะควีน ที่คุณให้ความช่วยเหลือเราในครั้งนี้” 

 

 

เฮ่อหว่านอีมองฉู่หลิงแล้วเม้มริมฝีปาก “ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณฉู่ถึงต้องการให้ฉันทำแบบนี้ คุณคิดว่าฉันไม่คู่ควรกับการเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของเดอะควีนเหรอคะ” 

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เป็นเกียรติของเราที่จะมีคุณเฮ่อเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของเรา แต่ผมคาดหวังไว้ว่าเซียวโหรวจะสวมชุดสำคัญ ซึ่งเป็นชุดที่โดดเด่นที่สุดในแฟชั่นโชว์ครั้งนี้” ฉู่หลิงมองเฮ่อหว่านอี ซึ่งมีท่าทางประหลาดใจ เขายักไหล่ “ถ้าคุณเฮ่อชอบชุดนั้น จะลองสวมดูก็ได้ แต่ผมต้องขอโทษที่จะบอกว่า ผมไม่คิดว่าชุดนั้นจะเหมาะกับคุณ” 

 

 

เสื้อผ้าที่เขาออกแบบมักเหมาะกับบุคคลที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น 

 

 

ฉู่หลิงเหลือบมองเรือนร่างโค้งเว้าอันงดงามของเฮ่อหว่านอีแล้วเลิกคิ้ว “คุณเฮ่อ โปรดเชื่อใจผม” 

 

 

เฮ่อหว่านอีรู้สึกขุ่นเคืองสายตาเขาที่เหลือบมองมา เธอจ้องหน้าเขา “คุณมองอะไร!” 

 

 

ฉู่หลิงยักไหล่ “คุณเฮ่อครับ คุณรูปร่างดีมาก ดีมากเกินไปจนชุดนั้นไม่เหมาะกับคุณ” 

 

 

เฮ่อหว่านอีอึ้ง “…” ผู้ชายคนนี้หลอกเธอหรือเปล่า เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินว่าชุดไม่เหมาะกับใครบางคน เพราะรูปร่างเธอคนนั้นดีเกินไป! 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ควรขอบคุณ สำหรับคำชมของคุณ” เฮ่อหว่านอีกล่าวพลางหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา เธอส่งเสียงคำรามกร้าวจากลำคอ แล้วหันหลังเดินจากไป 

 

 

ฉู่หลิงมองตามร่างที่กำลังห่างออกไปแล้วยิ้มอย่างสบายใจ เวลาผ่านไปนานพอสมควร ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วถูระหว่างคิ้วไปมา และถอนหายใจ “ทำไมมันยากจังวะ ที่จะทำให้ไพ่ใบสำคัญเปิดออกมา”