เมื่อมีหยวนเฟยคอยสาดน้ำมันลงบนกองไฟอยู่ตลอดเวลา เหยียนเฉียวหลัวชิงชังจนอยากจะกระโดดถีบนางให้ตายไปเสียตอนนี้ซะเลย
นางกำหมัดจนแน่น ค่อยยิ้มออกมาบางๆ “หยวนเฟยตรัสเช่นนี้ออกจะประหลาดอยู่บ้างแล้ว แคว้นต้าโจวมีตัวประหลาดโผล่ออกมา กลับโยนเรื่องลงมาบนเศียรของเรา นี่นับเป็นเหตุผลอันใดกัน?”
ตรัสแล้วนางก็มองไปทางจีเฉวียน ยกหัตถ์ขึ้นมาถวายคำนับเขา “ฝ่าบาท เฉียวหลัวมาที่นี่ เพื่อผูกมิตรกับต้าโจว ความจริงใจนี้พระองค์ก็ทรงทราบดีอยู่แล้ว ไยตอนนี้จึงทรงปล่อยให้ผู้อื่นลบหลู่หม่อมฉันได้กัน?”
ทูลแล้ว ดวงเนตรของนางก็มีน้ำคลอหน่วยขึ้นมา เพียงครู่เดียวก็รินไหลกลายเป็นหยาดน้ำตา มองไปยังจีเฉวียนด้วยความเศร้าที่ได้รับความอยุติธรรม คล้ายดั่งมีความในใจที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้
“องค์หญิงพะยะค่ะ…..” ซิวเห็นท่าทางของนางก็เจ็บปวดใจแทน
“เป็นเพราะกระหม่อมไร้ความสามารถ ไม่เพียงทำให้องค์หญิงทรงสูญเสียแผนที่ขุมทรัพย์ในวังหลวงของต้าโจว ทั้งยังต้องมาถูกหลู่พระเกียรติเช่นนี้ ขอทรงส่งข่าวกลับไปยังแคว้นเหยียน ให้ฮ่องเต้ของพวกเราตัดสินความเถอะพะยะค่ะ”
เหยียนเฉียวหลัวฟังแล้ว ก็ปาดเช็ดน้ำตา “เรื่องราวยังไม่หนักหนาถึงเพียงนั้น เชื่อว่าฝ่าบาทจะต้องทรงจัดการให้ข้าอย่างแน่นอน”
นางหนึ่งทรงปาดเช็ดน้ำตาทางหนึ่งก็เหลือบมองจีฉวน นางรู้ดีว่าจีเฉวียนให้ความสำคัญกับบ้านเมืองอยู่เหนือสิ่งใด เมื่อซิวกล่าวออกไปเช่นนี้ จีเฉวียนก็ยิ่งต้องคำนึงถึงสถานะของแว่นแคว้น เขาย่อมรู้ดีว่าสมควรจะทำเช่นไร
ต่อให้เขาชอบตู๋กูซิงหลันแล้วอย่างไร ยังจะกล้าทำลายความสัมพันธ์ของสองแคว้นเพื่อนางหรือ?
เขาย่อมต้องรู้ว่า ตอนนั้นเพราะต้าโจวอ่อนด้อยที่สุดในสามแคว้น เขาจึงต้องไปเป็นองค์ประกันนานถึงสิบปีเพื่อแลกกับความสงบสุขของต้าโจว ความทุกข์ทรมานตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้แต่ต้องอดทนโดยมิอาจขัดขืน แล้วไหนเลยจะมายอมสูญเสียมันไปง่ายๆ
เหยียนเฉียวหลัวมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม นางยืนตัวตรงประดุจพู่กัน มิให้ศักดิ์ศรีความเป็นองค์หญิงแห่งต้าเหยียนของตนเองต้องหมองหม่นไป
สายพระเนตรของจีเฉวียนยังคงเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง พอนางกล่าวจบสิ้นก็ทรงแย้มยิ้มเย็นชาออกมา เขาโบกพระหัตถ์น้อยๆ เหล่าองครักษ์ลับก็ลากศพคืนชีพผู้นั้นเข้ามาในทันที
แม้ว่าศพคืนชีพชราผู้นั้นจะศีรษะแตกและกระดูกหักทั่วทั้งร่าง แต่ก็เป็นเหมือนดั่งเสียนไท่เฟยเป็นศพมีชีวิตที่ไม่หลั่งเลือด บนใบหน้าของศพคืนชีพชราผู้นั้นเกลื่อนไปด้วยเลือดสีดำ ศีรษะแตกยับจนเป็นรู ใบหน้าที่เดิมก็น่าตระหนกอยู่แล้วยามนี้ยิ่งดูน่าหวาดผวากว่าเดิม
ร่างของเขาที่ผิดรูปจนแปลกประหลาดถูกคนควบคุมตัวเอาไว้ สองขาหักจนกระดูกแหลก ทั่วร่างมีไอสีดำกำจายออกมาทั้งบนและล่าง
ผู้คนทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะขยับถอยออกไป แต่ละคนพอคิดถึงฉากเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ยังคงหวาดกลัวไม่หาย
กระดูกหักถึงเพียงนี้ก็ยังไม่ตาย ตัวประหลาดเช่นนี้น่ากลัวจริงๆ
ศพคืนชีพผู้นั้นถูกองครักษ์ลับกดเอาไว้กับพื้น แต่ยังคงผืนร่างกายลืมตาขึ้นมา มองดูสถานการณ์โดยรอบ
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งตนเองจะต้องมาพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเด็กสาว
ประด็นสำคัญคือนางถึงกับใช้พลังทั้งหมดของหยกสรรพชีวิตมาเล่นงานเขา!
ที่ผ่านมาต่อให้เขาต้องเจอกับพวกเดียวกันที่เ**้ยมโหดที่สุดก็ยังไม่ร้ายกาจเท่านาง
“เราจะให้โอกาสเจ้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” จีเฉวียนทรงอุ้มตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ทอดพระเนตรดูศพคืนชีพแวบหนึ่งอย่างเย็นชา
ยามที่สายพระเนตรกวาดออกไป ประกายเย็นยะเยือกในดวงเนตรก็สาดวาบออกมา
ไม่มีผู้ใดเห็นว่า ยามที่องครักษ์ลับลากตัวศพคืนชีพออกมานั้น ก็ได้แทงเข็มเข้าไปด้านหลังกระหม่อมของเขาเล่มหนึ่ง
เดิมทีศพคืพชีพผู้นั้นก็ไม่ได้รู้ถึงความเจ็บปวดอันใด แต่ยามนี้เมื่อเขาอ้าปากขึ้นมา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าหัวสมองปวดร้าว
ดวงตาสีดำที่ไม่เหลือกระทั่งลูกตาขาวมีเลือดสีดำซึมออกมา
แต่ในเมื่อทั้งหมดเป็นสีเดียวกัน ย่อมไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
เข็มที่ฝังอยู่ในหลังกระหม่อมสร้างความทุกข์ทรมานให้กับเขา เมื่อจีเฉวียนทรงทอดเนตรมองอย่างเฉยชา ปากของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นเอ่ยออกไปว่า “องค์หญิงแห่งแคว้นเหยียน ไยเจ้าต้องข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน”
แค่ประโยคเดียว กลับทำให้คนทั้งหมดต้องตกตะลึง!
สีพระพักตร์ของเหยียนเฉียวหลัวย่ำแย่อย่างที่สุด นางแทบจะกระโดดออกไป
“ไอ้เฒ่าประหลาด ไยเจ้ากล้าใส่ความองค์หญิงเช่นเรา? เรากับเจ้าไม่รู้จักมักคุ้นกัน เจ้าทำเช่นนี้เพื่อให้ผู้ใดดู? บอกมา ใครหนุนหลังเจ้า? เป็นไทเฮา?”
นางพูดพลาง ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปเหลือบมองคนในอ้อมแขนของจีเฉวียน
นังคนที่พอมีเรื่องก็เอาแต่หลบอยู่ในอ้อมอกของผู้อื่น นับว่าเป็นตัวอะไร?
กล้าเล่นงานนางแต่ไม่กล้าออกมายอมรับ ช่างเป็นขยะที่ไร้ยางอายจริงๆ
ผู้คนทั้งหลายต่างก็ไม่เข้าใจ ว่าอยู่ดีๆ ทำไมนางต้องไปพาดพิงถึงไทเฮาน้อยด้วย
อ๋อ…. หรือจะเป็นเพราะขนไก่สีดำที่ตกอยู่ในห้องของนาง หากว่าเรื่องนี้ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนออกมา ไทเฮาน้อยย่อมไม่อาจสลัดความเกี่ยวข้องทิ้งไป
แต่ว่าประเด็นที่สำคัญในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ว่านางและศพคืนชีพมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันหรอกหรือ?
องค์หญิงแห่งแคว้นเหยียนผู้นี้ ดูไปแล้วก็สวยดีอยู่ แต่พระทัยกลับร้ายกาจ รำไม่ดีโทษว่าผู้อื่น
“แล้วสิ่งนี้ จะอธิบายว่าอย่างไร” เหยียนเฉียวหลัวหยิบขนไก่สีดำขึ้นมา เสด็จไปถึงเบื้องหน้าจีเฉวียน คล้ายจะถามเอาความกับเขา
เดิมทีนางคิดว่าด้วยความสัมพันธ์นานปีของพวกเขา ต่อให้เขาไม่ปกป้องนางอย่างน้อยๆ ก็คงไม่ทำให้นางต้องตกที่นั่งลำบาก แต่ใครจะไปนึก ว่าเขาจะไม่ไว้หน้านางถึงขนาดนี้!
คนในวังทั้งหลายเห็นเหยียนเฉียวหลัวยังคงไม่ยอมรับผิด ทั้งยังทำท่าอาละวาดออกมา แต่ละคนก็เคร่งเครียดกว่าเดิม กระทั่งศีรษะยังมีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา
คิดๆ ดูแล้ว ต่อให้เป็นไทเฮาน้อยที่ชอบหาเรื่องตาย เกรงว่าก็คงยังไม่กล้าถามเอาความกันต่อหน้าฝ่าบาทเช่นนี้
สมแล้วที่เป็นพระธิดายอดดวงใจของฮ่องเต้แคว้นเหยียน ถือทิฐิน่าดู
จีเฉวียนหรี่พระเนตรลง เขายังคงอุ้มสตรีในอ้อมแขนเอาไว้ อุ้มมานานก็ไม่มีท่าทีจะเมื่อยล้า
“ดูท่าเจ้าคงคิดจะให้ตัวประหลาดผู้นี้รับผิดไปแต่ผู้เดียวสินะ” ทรงตรัสออกไปประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ประโยคนี้สำหรับศพคืนชีพแล้ว ราวกับคำสั่งเอาชีวิต
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด ยามนี้พอฮ่องเต้ตรัสถามอะไรออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะตอบออกไป ราวกับไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ทั่วทั้งร่างราวกับถูกควบคุมเอาไว้หมด
เขาอ้าปากขึ้นมา ยังไม่ทันจะพูดออกไป ก็ได้ยินเสียง “กะกะกะต๊าก”
ท่ามกลางค่ำคืน เสียงกะต๊ากนี้ดังก้องออกไป
คนในวังทั้งหมดหันสายตาไปมองดู ทันทีที่หันไปก็เห็นว่าภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง เจ้าไก่ขนฟูที่ตัวใหญ่ประมาณนกกระจอกเทศก็ขยับปีกโผเข้ามา
ที่ด้านหลังของมันยังมีเงาร่างสีแดงเพลิงผู้หนึ่ง
ซูหวงกุ้ยเฟย
หวงกุ้ยเฟยผู้นี้ยังคงงดงามจนหยาดเยิ้มเหมือนดังเก่า แม้เส้นผมจะดูกระเซอะกระเซิงไปบ้าง ก็ยังคงเย้ายวนทั้งคนและผีได้อย่างบอกไม่ถูก
“กะ กะ กะต๊าก กะต๊าก กะต๊าก!” พอเจ้าไก่ขนดำมาถึง ก็ตีปีกกวาดมองไปทางตำหนักหยู่เฉวียนกงครั้งหนึ่ง พอกวาดตากลับมาก็จดจ้องอยู่ที่เหยียนเฉียวหลัวกับศพคืนชีพ
เฮียไก่รู้สึกแล้วว่าไหวพริบของมันถูกคนลอบกระทืบอย่างโหดเ**้ยม
มันถูกลอบเล่นงานเข้าแล้ว!
เพราะตัวมัน จึงเป็นสาเหตุให้พี่สาวตัวน้อยต้องบาดเจ็บอย่างสาหัสเช่นนี้!
ไอ้พวกคนเลวที่สมควรจิกให้ตายสักพันครั้ง!
น้อยนักที่น้ำเสียงของมันจะแสดงความรวดร้าวเช่นนี้ออกมา ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองของมันก็เปี่ยมไปด้วยไอสังสาร
พอตู๋กูซิงหลันได้ยินเสียงของเจ้าติ๊งต๊อง ก็ยิ่งอยากจะหันศีรษะออกไป เจ้าไก่โง่นั่นเลือดร้อน นางกลัวว่าพอมันระเบิดอารมณ์ขึ้นมา ก็จะเผาวังหลวงไปครึ่งหนึ่ง
พึ่งจะขยับศีรษะหน่อยเดียว ก็ถูกฝ่าพระหัตถ์ใหญ่โตของจีฉวนจับให้หันกลับไป
ใบหน้าของนางจมอยู่ในอ้อมอกของเขา ที่หายใจเข้าไปล้วนเป็นกลิ่นอายจากร่างของเขาทั้งสิ้น
เย็นมาก แต่ก็ทำให้คนรู้สึกสงบใจได้อย่างแปลกๆ
จากนั้นซูเม่ยก็รีบตามมาติดๆ
เขามองดูเหยียนเฉียวหลัวอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง ก็ปั้นท่าพระสนมเอกประจำตัวออกมา “ฝ่าบาท หม่อมฉันกำลังตั้งครรภ์มังกร ดึกดื่นค่อนคืนองค์หญิงแห่งแคว้นเหยียนผู้นี้ก็ลุกขึ้นมาเอะอะโวยวาย ทำเอาจิตใจของหม่อมฉันไม่สงบ นี่เป็นเพราะนางหวังจะให้ครรภ์มังกรไม่ปลอดภัยใช่หรือไม่เพคะ?”
——
คุยกันนิดนึง:
อาหลันคะ เจ็บแล้วก็พักไปลูก ฉากนี้นอนดูก็พอ หนูปล่อยเวทีให้คนอื่นบ้างนะคะ
เหยียนเฉียวหลัว (燕乔萝) : แซ่เหยียนตัวนี้เป็นคำเดียวกันกับ燕子 ที่แปลว่านกนางแอ่น นกตัวกระจิ๊ดกล้ามาจิกหลังเฮียไก่ ระวังเอาไว้เถอะ จะไม่เหลือ ไรท์เตือนแล้วนะ (นี่เรียกว่าสปอย์ไหม?)