ถังซีผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว เธอนอนคว่ำเหยียดแขนเหยียดขาทั้งสี่อยู่บนเตียงเหมือนลูกสุนัข เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าคอเธอขยับไม่ได้ เธอร้องครวญครางและค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาดู เห็นว่าเป็นเวลาตีสองครึ่ง
แต่เฉียวเหลียงยังไม่กลับมา!
เกิดอะไรขึ้นกับเขา! เธอโทรหาเฉียวเหลียง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ว่าง และไม่รับสาย…
ถังซีโทรหาเฉียวเหลียงอีกสองสามครั้ง ในที่สุดก็มีคนรับสาย น้ำเสียงเหนื่อยล้าของเฉียวเหลียงดังขึ้น “คุณยังไม่นอนอีกเหรอ”
ถังซีร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงเฉียวเหลียง “อาเหลียง… ทำไมยังไม่กลับ! ฉันกำลังจะตาย…”
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ” เฉียวเหลียงซึ่งกำลังอ่านเอกสารรีบลุกขึ้น คว้าเสื้อโค้ตเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก ถังซีสะอื้น “ช่างเถอะ ดูเหมือนคุณกำลังยุ่ง ฉันจะโทรหาพี่จิ่ง ทำธุระของคุณให้เสร็จก่อนนะ”
ถังซีพูดจบก็วางสาย เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว หันไปมองลู่หลี่ “ซีซีดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ ผมจะกลับไปดู คุณจัดการเรื่องงานเองได้ไหม”
“ได้ เกือบเสร็จแล้ว ไปเลย” ลู่หลี่ถูนิ้วไปมาระหว่างหัวคิ้ว ยกกาแฟดำขึ้นจิบ “ขอบใจนะ ที่มาช่วย”
เฉียวเหลียงยิ้มแล้วเดินออกไปข้างนอก ขณะมองตามหลังเขา ลู่หลี่ก็ยิ้มมุมปาก เก็บแฟ้มและพึมพำด้วยรอยยิ้ม “ต้องบอกว่าผมสู้คุณไม่ได้จริงๆ คุณมันคนบ้างาน!”
ถังซีโทรหาเซียวจิ่งทันทีหลังจากวางสายจากเฉียวเหลียง เซียวจิ่งตื่นจากความฝัน ขณะรับสายเขาคิดว่าถังซีละเมอ เขากล่าวอย่างงัวเงียว่า “เอาละ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะพาไปเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์นะ ไปนอนก่อนนะ เด็กดี”
ถังซีพูดไม่ออก กำลังคิดว่าเธอควรร้องไห้หรือหัวเราะดี เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวจิ่ง ทำไมเขาถึงคิดว่าเธอจะโทรหาเขาแต่เฉพาะเรื่องกิน เธอเป็นนักกินอย่างเดียวเท่านั้นหรือในความคิดเขา!
“พี่จิ่ง… ฉุกเฉิน ช่วยฉันด้วย!” ถังซีกล่าวอย่างสิ้นหวัง
“ไม่เอาน่า อยากกินล็อบสเตอร์มากขนาดนั้นเลยหรือไง ฉุกเฉินเลยเหรอ จะให้พี่โทรสั่งให้เขามาส่งให้เธอไหม เฉียวเหลียงอยู่ไหนล่ะ นี่เที่ยงคืนแล้ว! ไม่ว่าเธอจะอยากกินล็อบสเตอร์มากแค่ไหน เธอก็ต้องรอจนกว่า…”
“ฉันไม่ได้อยากกินล็อบสเตอร์! ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพี่!” ถังซีทนความเพ้อเจ้อของเขาไม่ไหวอีกต่อไป! ทั้งเอวและคอของเธอไม่สามารถขยับได้… เธอรู้สึกว่าเธอกำลังจะตาย!
เซียวจิ่งมีสติขึ้นมาทันที และถามอย่างจริงจัง “มีอะไร”
ถังซีร้องไห้ “พี่ชายที่รัก ช่วยหยุดถามแล้วมาที่ห้องฉันได้ไหม ฉันขยับร่างกายไม่ได้ ถือโทรศัพท์ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เร็วๆ มาช่วยฉันหน่อย!”
เซียวจิ่งรีบสวมเสื้อผ้าทันที “เฉียวเหลียงอยู่ไหน”
“เขาไม่ได้อยู่แถวนี้”
เซียวจิ่งกล่าวเมื่อมาถึงประตูห้องถังซี “มาเปิดประตู”
ถังซีร้องไห้ “ฉันขยับตัวไม่ได้!” พระเจ้า เธอลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เซียวจิ่งเข้ามาไม่ได้ถ้าไม่มีคีย์การ์ด! แต่เธอไม่สามารถลุกไปเปิดประตูให้เขาได้!
ช่างน่าอายอะไรเช่นนี้!
“รอแป๊บนึงนะ พี่จะเรียกพนักงานโรงแรมมาเปิดประตู” เซียวจิ่งกล่าวแล้วหันหลังวิ่งลงไปชั้นล่าง ในที่สุดเขาก็เกลี้ยกล่อมพนักงานสองคนให้มาที่ห้องถังซีกับเขาได้ แต่พวกเขายืนยันว่าเซียวจิ่งต้องพิสูจน์ความสัมพันธ์ของเขากับถังซีก่อน เซียวจิ่งพยายามใจเย็น อธิบายให้พวกเขาฟังอย่างอดทน แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมเชื่อ เขาจึงหมดความอดทน ตะโกนใส่พวกเขา “พวกคุณจะรับผิดชอบไหม ถ้าน้องสาวผมเป็นอะไรไปอยู่ในห้อง!”
พนักงานสองคนมองหน้ากันด้วยท่าทางลังเล…
“เกิดอะไรขึ้น” เฉียวเหลียงส่งเสียงเย็นชาดังขึ้นด้านหลังเซียวจิ่ง
เซียวจิ่งโล่งอกที่เห็นเฉียวเหลียง เขารีบคว้ามือเฉียวเหลียงและกล่าวว่า “ดูเหมือนโหรวโหรวจะมีอะไรผิดปกติ แต่พวกเขาไม่ยอมเปิดประตูให้ฉันเข้าไป เปิดประตูเร็ว”
เฉียวเหลียงจ้องมองพนักงานด้วยสายตาเยือกเย็น เขาหรี่ตาลง เอื้อมมือไปดึงป้ายชื่อจากเสื้อพวกเขา และกล่าวอย่างบึ้งตึง “ไปให้พ้น”
พนักงานสองคนมองหน้าเฉียวเหลียง และต้องการป้ายชื่อคืน แต่ด้วยความหวั่นเกรงรังสีอำมหิตของเฉียวเหลียง พวกเขาจึงล้มเลิกความคิด และรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เฉียวเหลียงเปิดประตู รีบเดินเข้าไปในห้อง เซียวจิ่งเดินตามเขาเข้าไป เห็นถังซีนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางแปลกประหลาด และร้องไห้คร่ำครวญอย่างหนัก เฉียวเหลียงงุนงงทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นภาพนี้…
เธอขยับตัวไม่ได้เพราะนอนหลับไปในท่านี้ และเส้นเอ็นยึดจนร่างกายปวดไปหมด!
เซียวจิ่งระเบิดเสียงหัวเราะเมื่อเห็นภาพ “โหรวโหรว เธอเป็นลูกหมาเหรอ นอนแบบนี้ได้ยังไง”
ถังซีจ้องหน้าเซียวจิ่ง แล้วมองเฉียวเหลียงอย่างน่าสงสาร เฉียวเหลียงเดินเข้ามาหาเธอ ก้มลงจะอุ้มเธอขึ้นจากเตียง แต่เมื่อเขาแตะตัวเธอ เธอก็ร้องห้าม
“อย่า อย่า อย่า! อย่าแตะต้องตัวฉัน! ฉันเจ็บจริงๆ!” ถังซีกรีดร้อง
เฉียวเหลียงอึ้ง “…” คราวนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไร
“รอสักครู่ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล” เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว และกล่าวอย่างอ่อนโยน “คุณจะยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น ถ้ายังนอนอยู่ในท่านี้ต่อไป”
“ฉันรู้ แต่มันเจ็บมากเวลาคุณถูกตัวฉัน!” ดวงตาถังซีเต็มไปด้วยน้ำตา เธอดูเจ็บปวดมาก
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ทำอะไรไม่ถูก มีเพียงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับถังซีเท่านั้นที่สร้างปัญหาให้เขาได้
เซียวจิ่งขมวดคิ้ว “มาช่วยกันพลิกตัวเธอ แล้วนวดให้เธอดีกว่า จะช่วยได้”
เฉียวเหลียงคิดว่าเป็นความคิดที่ดี ทั้งสองคนจึงเข้ามาช่วยกันพลิกตัวถังซีกลับขึ้นมา แต่ทันทีที่พวกเขาแตะต้องตัวเธอถังซีก็กรีดร้อง เฉียวเหลียงหยุดทันที แต่เซียวจิ่งตะคอก “หุบปาก!” แล้วทันใดนั้นเขาก็พลิกตัวถังซี
ถังซีร้องลั่น “โอ๊ย… พี่จิ่ง! ฉันจะฆ่าพี่!”
เฉียวเหลียงอึ้ง จ้องมองเขม็ง “…” ถ้าสายตาฆ่าคนได้ เซียวจิ่งคงถูกเขาฆ่านับเป็นร้อยครั้งแล้ว
เซียวจิ่งหัวเราะ “… ฮ่า ฮ่า อย่าว่าพี่ พี่แค่ทำเหมือนเธอเป็นลูกหมาน้อยๆ!”
“นายทำร้ายเธอ!” เฉียวเหลียงจ้องเซียวจิ่งเขม็ง
เซียวจิ่งจ้องเขากลับ “ถ้านายมัวแต่ลังเลอยู่อย่างนี้ จะช่วยเธอได้ไหมล่ะ! ฉันกำลังช่วยเธอ”
เฉียวเหลียงหรี่ตาลง เซียวจิ่งจ้องมองเขา “อะไร”
“เธอบอกว่าเจ็บ!” เฉียวเหลียงมองหน้าเซียวจิ่งอย่างเย็นชา
เซียวจิ่งสูดลมหายใจ “ไม่เอาน่า อย่าทำเหมือนแฟนนายเป็นเด็กน้อยไปหน่อยเลย! เราแค่พลิกตัวเธอ! ถ้าเธอบอกว่า…” เซียวจิ่งชะงัก แล้วกล่าวว่า “เออ ช่างเถอะ คราวนี้นายก็นวดให้เธอได้แล้ว”
ถังซีกลับมาขยับตัวได้อีกครั้ง เธอมองหน้าเฉียวเหลียงและกะพริบตาปริบๆ ใช้เวลานานพอสมควรกว่าเธอจะลุกขึ้นนั่งได้ เธอหันไปมองเซียวจิ่งแล้วกล่าวว่า “พี่จิ่ง พี่เรียนแพทย์แผนจีนมาเหรอ”
เซียวจิ่งมองเธอด้วยความประหลาดใจ เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ถังซียักไหล่ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยมมาก ตอนนี้ฉันไม่เจ็บแล้ว!”
ขณะกล่าวเช่นนั้นเธอก็เอาแต่ก่นด่า 008 ในใจ ให้ตายเถอะ ทำไม 008 ไม่โผล่มาสักที ต้องให้เธอเอาตัวรอดเองอย่างนั้นเหรอ!