ตอนที่ 872 - ต้นหอมอำพันสามราก

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  ซือหยูลูบคางและหัวเราะแห้งๆแต่ไม่ได้พูดอะไรอวี่หลิงหลงหันไปยิ้มให้ซือหยู
  นางพูด
  “ถ้าเจ้าไม่ถือเจ้าใช้ห้องรับรองเดียวกับข้าก็ได้ เจ้าจะได้ชมการประลองชัดๆ ในห้องทั้งสงบและอบอุ่นเชียวล่ะ เจ้าจะได้ไม่ต้องเปิดเผยตัวกับใคร ไม่มีใครจะมองเห็นเจ้าได้ต่อให้เจ้าประมูลสิ่งที่ล้ำค่ามากก็ตาม”
  ซือหยูยิ้มตอบจางๆ
  “เจ้าของร้านอวี่ขอบคุณท่านมาก ข้าดีใจที่ท่านจะช่วย”
  หูหวังกุยเริ่มถากถางเขาในตอนนั้น
  “ปล่อยมันไปเถอะ!มันไม่มีทางได้เสวยสุขเช่นนี้หรอก!”
  เมื่อเขามองเขาจ้องมองเหล่าสาวใช้และถาม
  “พวกเจ้าจะยืนอยู่ทำไมกัน?พาพวกข้าไปห้องรับรองพิเศษเร็ว!”
  กลุ่มสาวใช้ไม่กล้าจะโต้แย้งหัวหน้าสาวใช้จึงรีบปรี่เข้ามา
  “เข้าใจแล้วท่าน!โปรดแสดงบัตรพิเศษกับเรา พวกเราจะพาท่านไปตามลำดับของบัตร”
  แม้แต่ห้องรับรองพิเศษเองก็แบ่งเป็นหลายระดับบางห้องดีกว่าห้องอื่นๆ ยิ่งห้องรับรองใกล้ด้านหน้าเท่าใด การบริการและความหรูหราก็จะดียิ่งขึ้น นั่นหมายความว่าไม่ใช่ทุกคนที่ได้ห้องรับรองพิเศษจะมีฐานะเท่ากัน และความต่างของฐานะก็จะแบ่งตามลำดับขั้น
  หูหวังกุยโยนบัตรพิเศษให้นางและมองคนรอบๆ
  “เจ้ายังต้องมองดูอีกรึ?ข้าคือคนสำคัญที่สุด เจ้าต้องนำข้าไปก่อน!”
  สาวใช้พยักหน้าเงียบๆก่อนจะตรวจสอบบัตรของทุกคนอย่างละเอียดแต่นางไม่แม้แต่มองซือหยู นั่นอาจจะเป็นเพราะนางรู้ว่าเขาไม่มีบัตรพิเศษ
  เมื่อได้เห็นหูหวังกุยยิ้มเยาะ
  “แม้แต่สาวใช้ก็รู้ว่าเจ้ามันมีแค่ไหน!หึหึ”
  แต่เมื่อเสียงของเขาเพิ่งจะดังพวกเขาก็ได้เห็นว่าสาวใช้คนนั้นยิ้มจางๆ นางเดินไปหาซือหยูและถาม
  “ท่านคือเจ้าของร้านซือใช่หรือไม่?โปรดตามข้ามา ห้องรับรองพิเศษที่สองถูกเตรียมให้ท่านแล้ว เป็นเกียรตินักที่ท่านมายังโรงประมูลของพวกเรา”
  ทุกคนโดยเฉพาะหูหวังกุยตกตะลึงสีหน้าของเขาดำมืด
  “เจ้าหมายความว่ายังไง?ทำไมยอดฝีมือที่ไม่มีกระทั่งบัตรพิเศษถึงได้ห้องรับรองที่ดีกว่าข้า?”
  บัตรพิเศษของเขามีหมายเลขเจ็ดเขียนเอาไว้มันแทนห้องรับรองที่เจ็ด และมีความแตกต่างอย่างมากกับห้องรับรองที่สองของซือหยู
  หูหวังกุยตัวแข็งทื่อ
  “เจ้าจะทำให้ข้าขายหน้าอย่างงั้นเรอะ?ห้องรับรองพิเศษของโรงประมูลตำหนักโลหิตถูกจนใครก็เข้าไปได้เรอะ?”
  สาวใช้ยิ้มจางๆและตอบด้วยความเคารพ
  “ใจเย็นก่อนท่านท่านอ่านจะยังไม่รู้ แต่ท่านซือคือแขกพิเศษในวันนี้ของโรงประมูลตำหนักโลหิต เจ้าโรงประมูลบอกพวกเราให้ต้อนรับเขาอย่างดี นี่เป็นเหตุให้เขาไม่ต้องใช้บัตรพิเศษ”
  ทุกคนตกใจเมื่อได้ฟังคำอธิบายแขกพิเศษของโรงประมูลรึ? เจ้าของร้านโอสถเล็กๆเนี่ยนะ? พวกเขาไม่เข้าใจเลย โดยเฉพาะกับเฟยฮั่ง
  เฟยฮั่งเป็นเจ้าของร้านกลิ่นสวรรค์และร้านของเขาก็เป็นผู้นำทั้งยอดขายและกำไร แต่สุดท้าย เจ้าของร้านเล็กๆกลับก้าวข้ามเขาไป! เขาไม่อย่างจะเชื่อเลย!
  หูหวังกุยก็ไม่เข้าใจเช่นกันเขาคิด…ชายแก่ภูติระดับสามมีพลังอะไรกันถึงกลายเป็นแขกพิเศษของโรงประมูลไปได้? แล้วถ้ามันเป็นแขกพิเศษที่ก้าวข้ามหลายคนมากนัก! แล้วข้าล่ะ?
  ในวันนี้รองผู้จัดการใหญ่จะมาเข้าชมงานประมูลด้วยตัวเอง นั่นเป็นเหตุให้ห้องรับรองพิเศษห้องแรกถูกทิ้งไว้ให้เขา ถ้าหากรองผู้จัดการใหญ่ไม่มา ห้องรับรองพิเศษห้องแรกก็จะต้องถูกชายแก่คนนี้ชิงไป! ไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้ได้เลย!
  ซือหยูเพียงแค่ยิ้มและประสานมือให้อวี่หลิงหลงก่อนจะเดินนำแถวไปเขาเดินตามสาวใช้ขึ้นไปด้านบนต่อหน้าต่อตาทุกคนที่งุนงง
  เมื่อไปถึงห้องรับรองพิเศษเขาได้พบกับสาวใช้น่ารักมากมายรออยู่ด้านใน ทุกคนรอคอยการมาของเขาและพร้อมที่จะทำตามทุกคำสั่ง ห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหรา ข้าวของเครื่องใช้ล้วนสร้างจากวัตถุดิบล้ำค่า
  มีหน้าต่างกระจกผลึกแก้วบานใหญ่ที่หน้าห้องและจะได้เห็นทุกมุมของการประมูลที่อยู่ด้านล่าง ยิ่งไปกว่านั้น คนด้านนอกจะไม่เห็นด้านในห้อง นั่นทำให้แขกพิเศษแน่ใจว่าจะไม่ถูกเปิดเผยตัวตน…novel-lucky
  เรื่องนี้ทำให้ซือหยูพอใจมากเขายิ้มและหยิบผลไม้วิญญาณราคาแพงใกล้ๆขึ้นมารับประทานและรอให้งานประมูลเริ่มอย่างอดทน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม โรงประมูลก็เปิดรับแขกภายนอกจำนวนมากเข้ามา
  ที่นั่งหลายพันที่เต็มในเวลาเพียงห้านาทีหลายคนมาที่นี่เพื่อสินค้าของหูหวังกุยและคนของเขา เพราะคนที่คิดอ่านได้ดีที่สุดย่อมรู้ว่านี่คือการแข่งขันระหว่างตำหนักโลหิตและเขตกลาง คนที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายจะได้เป็นผู้ชนะแท้จริง
  แต่สิ่งที่พวกเขาหวังจะได้เห็นจริงๆก็คือสินค้าทั้งสามชนิดจากเขตกลางของทั้งสามนี้ทำให้เขตกลางอวดดีพอที่จะจงใจเลือกใช้โรงประมูลตำหนักโลหิต เวลาผ่านไปช้าๆ เมื่อที่ประมูลเต็มไปด้วยผู้คนแน่น พิธีกรก็ปรากฏตัวบนเวที
  “ทุกท่านข้าจะทำหน้าที่ในงานประมูลครั้งนี้”
  ชายแก่ท่าทางใจดีปรากฏตัวขึ้นผู้คนส่งเสียงเอะอะทันที…
  “อะไรกัน?นั่นมันอาจารย์เกา! ข้าคิดว่าเขาเลิกงานนี้ไปแล้วทำหน้าที่ประเมินสมบัติอย่างเดียวไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงมาอยู่บนเวทีอีกครั้งเล่า?”
  “ใช่อาจารย์เกาเป็นหนึ่งในผู้ประเมินใหญ่ไม่กี่คนของเมืองเทียนหยา เขาเป็นคนเดียวในตำหนักโลหิตที่เหนือกว่าโรงประมูลเทียนหยา ผู้ประเมินใหญ่ของโรงประมูลเทียนหยายังเป็นศิษย์ของอาจารย์เกาเองด้วย โรงประมูลเทียนหยาพยายามหลายครั้งเพื่อที่จะชิงตัวอาจารย์เกามาแต่ก็ถูกปฏิเสธเสียทุกรอบ!”
  “ว้าว!ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นอาจารย์เกาบนเวทีอีกครั้ง น่าตกใจนัก!”
  “หึหึถ้าเขามาอยู่ที่นี่ก็แสดงว่าข้าไม่ได้มาเสียเที่ยว!”
  อาจารย์เกาหรือ?ซือหยูแปลกใจกับท่าทีของฝูงชน เขาถามเหล่าสาวใช้ด้านหลัง
  “อาจารย์เกาผู้นี้คือใครหรือ?”
  ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่เมืองเทียนหยายกย่อง
  สาวใช้ที่ใกล้ที่สุดมองอาจารย์เกาและเผยใบหน้านับถือ
  “อาจารย์เกาเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางและมากประสบการณ์ฐานพลังของเขาไม่สูงนัก เขาเป็นแค่กึ่งภูติเท่านั้น แต่ทุกคนในเมืองเทียนหยาก็ต้องเคารพ เพราะแม้แต่เหล่าจ้าวเทวะก็เข้าไปปรึกษากับเขาอยู่บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อสูรเนรมิตรเดินทางไกลมาถึงเมืองเทียนหยาเพียงเพื่อปรึกษาหารือกับเขา”
  แม้แต่จ้าวเทวะก็มาเพื่อปรึกษาหารือรึ?ซือหยูขนลุกเมื่อได้ฟัง เขาไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้ในเมืองเทียนหยาด้วย!
  “อาจารย์เกาศึกษาหลายด้านและมีความรู้สูงส่งในทุกด้านเขาได้รับความนับถือเพราะเรื่องนี้ และเขาก็ยังเป็นคนที่มีคุณธรรม นั่นทำให้หลายคนชอบเขา”
  ซือหยูเหม่อลอยเมื่อได้ยินว่าเขามีความรู้หลายด้าน
  จากนั้นอาจารย์เกาบนเวทีก็พูดขึ้นอีกครั้ง
  “ทุกท่านข้าขอขอบคุณแทนโรงประมูลที่พวกท่านเดินทางไกลมาถึงที่นี่ ข้าขอต้อนรับทุกท่านในนามของโรงประมูล”
  คำพูดของเขาทำให้ทุกคนส่งเสียงออกมาด้วยความยินดี
  “ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำให้เวลาอันมีค่าของทุกท่านสูญเปล่า ขอเริ่มงานประมูล ณ บัดนี้…”
  อาจารย์เกาประกาศ
  ซือหยูตึงเครียดขึ้นเมื่อได้ยินว่างานประมูลเริ่มขึ้นแล้ว
  “โปรดนำของชิ้นแรกออกมา…”
  อาจารย์เการ้องขอด้วยรอยยิ้ม
  สาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนเวทีนางเดินถือถาดสีแดงออกมาด้วยรอยยิ้ม ถาดนี้คลุมผ้าแดงไว้อีกหนึ่งผืน ซึ่งไม่มีใครเห็นว่าข้างในคือสิ่งใด
  “โรงประมูลได้สิ่งนี้มาเมื่อสามเดือนก่อนแม้แต่ข้าก็อยากจะเก็บมันเอาไว้เอง! แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้าของต้องการขายผ่านการประมูล ทุกท่าน ถ้าพวกท่านสนใจ โปรดห้ามพลาดโอกาสนี้…”
  อาจารย์เกาประกาศ
  ผู้คนส่งเสียงเอะอะ…
  “สิ่งใดกันที่ยอดเยี่ยมจนอาจารย์เกาอยากจะเก็บไว้เอง?”
  “ถ้าอาจารย์เกาชอบมันก็ต้องเป็นของชั้นเยี่ยม!”
  ซือหยูสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากด้านบนเขาถอนหายใจยอมรับความสามารถของอาจารย์เกา เขาทำให้ผู้คนตื่นเต้นได้อย่างชำนาญโดยใช้คำพูดไม่กี่คำ แม้แต่ซือหยูเองยังสงสัยว่ามีอะไรอยู่ในถา่ด
  “หึหึข้าจะไม่ปล่อยให้ทุกท่านเดาไปมากกว่านี้แล้ว…”
  อาจารย์เกาดึงผ้าผืนแดงขึ้นและเผยให้เห็นแง่งพืชสีขาว
  มันใหญ่พอๆกับนิ้วก้อยและดูเหมือนกับรากไม้แต่มันบริสุทธิ์และใสราวกับหยกที่เปล่งแสงประกายวาววับ ดวงตาหลายคู่เบิกกว้างเมื่อเห็นมัน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
  “ทุกท่านมีใครรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไรหรือไม่?”
  อาจารย์เกาถามด้วยน้ำเสียงลึกลับแบบเดิม…ไอลีนโนเวล
  ทุกคนมองหน้ากันพลางปฏิเสธพวกเขาไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด แม้จะเป็นยอดฝีมือที่มีฐานพลังสูงก็ไม่มีใครรู้เลย!
  เมื่อทุกคนกำลังสงสัยและตื่นเต้นนั้นเองเสียงหวานก็ดังขึ้น
  “ถ้าข้าตอบคำถามท่านได้ถูกต้องท่านจะมอบมันเป็นของขวัญให้ข้าไหมล่ะ?”
  ผู้คนมองไปทางต้นเสียงและเมื่อมองก็ลุ่มหลงราวกับต้องมนต์สะกด พวกเขาได้เห็นเด็กสาวน่ารักที่เหมือนกับตุ๊กตาหยกนั่งเท้าคางด้วยมือทั้งสองข้าง
  นางนั่งแกว่งขาขาวราวหิมะที่ลอยเหนือพื้นและยิ้มอย่างน่าหลงใหลหาได้ยากที่จะได้เห็นเด็กสาวน่ารักที่นี่!
  เมื่อซือหยูมองไปที่นางริ้วรอยดำหลายเส้นได้ถูกวาดบนหน้าผาก
  กงซุนหวูซื่อรึ?ทำไมข้าถึงเจอนางไปทุกที่กัน?
  อาจารย์เกายิ้มอย่างอบอุ่นและตอบกลับ
  “มิใช่ข้าที่ตัดสินใจแต่ถ้าเจ้าตอบได้ถูกต้อง ข้าจะขอเจ้าโรงประมูลให้ลดค่าธรรมเนียมกับเจ้าแน่นอน”
  กงซุนกลอกตานางพูดเบาๆ
  “คนแก่ขี้ตืด!”
  นางกระโดดขึ้นจากที่นั่งและขยับเข้าไปใกล้เพื่อมองแง่งพืชให้ชัดขึ้นพลางเลียริมฝีปากนางพูดด้วยรอยยิ้ม
  “ถ้าข้าเดาถูกมันน่าจะเป็นต้นหอมอำพันสามราก! มันเติบโตในพื้นที่ที่มีพลังหยินสุดขั้ว มันดูดซับวิญญาณเพื่อเติบโต”
  นางหยุดเพื่อเหลือบมองคนรอบๆครู่สั้นๆก่อนจะพูดต่อ
  “เพราะแบบนี้มันเลยมีพลังกักเก็บอยู่มาก หากกินเข้าไป มันจะชำระล้างวิญญาณและทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้น! มันคือสมบัติมีค่าหายากที่เคยปรากฏในเมืองเทียนหยามาแล้วแค่สองครั้ง!”
  อาจารย์เกามองนางด้วยความทึ่งเขาเดาะลิ้น
  “แม่หนูอาจารย์เจ้าคือผู้ใดหรือ? เจ้ารู้จักมันขนาดนี้ได้อย่างไร?”
  กงซุนหวูซื่อเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยองราวกับว่านางอยากจะให้ทุกคนเห็นความมั่นใจของนางด้วยท่าทางที่เหมือนไก่นี้
  นางพูด
  “ข้าคือสุดยอดอัจฉริยะข้าเรียนรู้ทุกอย่างโดยไม่ต้องมีอาจารย์ ข้าไม่ต้องการให้ใครมาสอนข้า!”
  อาจารย์เกาไม่ได้โกรธกับการกล่าวอ้างของนางเช่นนั้นเขาเพียงแค่หัวเราะเบาๆ
  “หึหึเจ้าร่ำเรียนต่อไปเถอะ ความสำเร็จของเจ้าต้องยิ่งใหญ่แน่นอน”
  เมื่อพูดจบอาจารย์เกามองผู้คนที่ตกตะลึงด้วยรอยยิ้ม
  “ใช่แล้วสิ่งนี้คือต้นหอมอำพันสามรากที่ร่ำลือ! มันเติบโตจากโลกภูติผีและยากที่จะหาได้ในโลกมนุษย์ มันจะทำให้วิญญาณผู้ใช้แข็งแกร่งขึ้นหนึ่งในร้อยส่วน ข้ารับประกันเรื่องนี้กับทุกท่านด้วยตัวเอง!”
  ผู้คนส่งเสียงดังกระหึ่มอีกครั้ง…
  “อะไรนะ?มีของที่จะทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นได้อยู่ด้วยรึ?”
  ผู้คนประทับใจไม่มีใครคาดคิดว่าของชิ้นแรกจะน่าทึ่งเช่นนี้!
  เป็นที่รู้กันว่าของหายากที่สุดที่สามารถทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นได้มักจะพบเจอได้ด้วยโชคชะตาเท่านั้นแต่ของเช่นนั้นกลับปรากฏออกมาต่อหน้าต่อตาพวกเขา! มันไม่ต่างกับไฟที่จุดอารมณ์พวกเขาให้เร่าร้อน!
  กงซุนหวูซื่อเลียริมฝีปากและพูดด้วยรอยยิ้ม
  “ข้าไม่ได้มาเปล่าของสิ่งนี้หาได้ยากจริงๆ!”
  เมื่อเห็นว่าผู้คนตื่นเต้นพอแล้วอาจารย์เกาได้ประกาศเสียงดัง
  “ราคาประมูลต้นหอมอำพันสามรากจะเริ่มต้นที่สามหมื่นดวงทุกท่านเริ่มประมูลได้…”
  ราคาเปิดที่สูงมิได้ทำให้ผู้คนเงียบเสียงเพราะสมบัติที่ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่มิอาจบรรยายได้ด้วยคำพูด!ผู้คนเริ่มประมูลแข่งกันราวกับเสียสติ!
  เสียงประมูลดังตามๆกันอย่างบ้าคลั่งจากราคาสามหมื่นก็ขึ้นไปถึงห้าหมื่นในไม่กี่วินาที!
  ราคายังคงพุ่งสูงไปจนกระทั่งมีเสียงเย่อหยิ่งดังขึ้น
  “หนึ่งแสน!อย่าบังอาจมาแย่งมันไปจากข้า!”
  กงซุนหวูซื่อกอดอกพูดราคาก้าวกระโดดหลายคนแทบจะหมดสติไปเพราะความตกใจ
  เพราะแก้วแสนดวงนั้นเป็นราคาที่ล่อตาล่อใจแมม้แต่กับจ้าวเทวะ!ซือหยูคิด…นางอยากจะโดนปล้นหรือ?
  ราคานี้เหนือกว่าราคาจริงของต้นหอมอำพันสามรากไปมากแล้วนั่นทำให้เสียงของคนที่กำลังแข่งราคาหายไปหมด สุดท้ายอาจารย์เก่าก็ยิ้มประกาศผู้ชนะประมูล
  ซือหยูเดาะลิ้น…ถ้าหากสิ่งที่ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นหนึ่งในร้อยส่วนยังแพงเช่นนี้แล้ววารีผงกลั่นดวงใจของข้าจะไม่มีราคาที่น่าขันยิ่งกว่านั้นรึ?
  ซือหยูใจเย็นลงและรู้สึกมั่นใจขึ้นผลของวารีผงกลั่นดวงใจนั้นเหนือกว่าต้นหอมอำพันสามราก และยังขายได้ในราคาถึงหนึ่งแสน วารีผงกลั่นดวงใจของเขาไม่น่าจะมีราคาต่ำกว่านั้น
  ขณะที่ผู้คนถอนหายใจจากความเศร้าที่ไม่มีโอกาสชนะในชิ้นแรกบรรยากาศความตื่นเต้นก็ไม่ได้จางหายไปไหน พวกเขารู้สึกเหมือนถูกปลุกเร้าหนักกว่าเดิม! อาจารย์เกาที่ได้เห็นจึงเผยรอยยิ้มออกมา
  “ข้าเชื่อว่าทุกท่านคงจะสนใจของประมูลชิ้นที่สองยิ่งกว่า…”
  สาวใช้เดินถือกล่องหยกขึ้นเวทีมันมีขนาดเท่าฝ่ามือและมีสีแดงสด มันคือก้อนหยกเพลิงล้ำค่าที่มีขนาดใหญ่พอจะขายได้หนึ่งหมื่นดวง!
  “ไม่ง่ายที่จะหาหยกเพลิงก้อนใหญ่เจอสมกับเป็นงานประมูลที่อาจารย์เกาเป็นพิธีกร มันไม่มีของคุณภาพต่ำเลย! ทั้งหมดเป็นของชั้นเยี่ยม!”
  ผู้คนจ้องมองหยกเพลิงสิ่งนี้ใช้ได้ดีในการเพิ่มคุณสมบัติธาตุไฟในสมบัติวิเศษ และมันยังมีพลังที่โดดเด่นอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นของหายาก! หลายคนอยากจะได้มันมาครอง
  อาจารย์เกามองผู้คนและยิ้มอย่างประหลาด
  “ทุกท่านคงจะเห็นแล้วว่ามันคือกล่องหยกที่สร้างจากหยกเพลิงราคาของมันสูงนัก แต่ข้ายังอยากจะพูดว่ามันไม่ใช่ของที่จะนำมาประมูล ของที่นำมาประมูลอยู่ในกล่องหยกกล่องนี้!”
  ทุกคนหยุดนิ่ง…หยกเพลิงเป็นแค่วัตถุดิบที่ใช้เก็บสมบัติของจริงหรอกรึ?
  เมื่อทุกคนมองดูกล่องหยกเพลิงก็พบว่ามีเศษผลึกสีแดงส่องสว่างอยู่ภายในยังไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
  ซือหยูที่อยู่บนห้องรับรองพิเศษชักสีหน้าท้ายสุดเขาก็รู้สึกแปลกใจ
  เขาลูบแหวนมิติของตัวเองโดยไม่รู้ตัวขณะที่กำลังจับจ้องเศษผลึกก้อนนั้นเขาพูดเบาๆ
  “ศิลาเลือดศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ!”
  เศษผลึกในกล่องนั้นไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากศิลาเลือดศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ!แม้กระทั่งตอนนี้ซือหยูก็มิอาจสืบหาที่มาของมันได้แม้ว่าจะอ่านตำราโบราณมามากมาย