TQF:บทที่ 525 ปวดร้าวเกินทน ความหวังยังมีอยู่ (2)
“ฮูหยิน ใจเย็นก่อน” โม่อู๋เซอลูบมือนางเบาๆ น้ำเสียงแหบพร่า
เห็นใบหน้าโศกเศร้าของพวกเขาสามีภรรยา คนอื่นๆก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน ฟางซูหยุนถอนหายใจ “ถ้าหากพวกเรารู้ว่าซวนซุนไปอยู่ที่ผืนดินไหน การจะพาเขากลับมายังพอมีหวัง เพียงแต่เท่าที่ข้ารู้ นอกจากผืนดินฉางไห่แล้วยังมีผืนดินเล็กๆอีก 3 ผืนดิน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ค่อนข้างยาก”
“ไม่เยอะ ไม่เยอะจริงๆ” หรงจิ้งซือเช็ดน้ำตาออก “แค่ 3-4 ผืนดินเอง ขอแค่พวกเรายอมหา จะต้องหาซวนซุนเจอแน่”
“….” ฟางซูหยุนยิ้มเฝื่อนๆ ถอนหายใจเบาๆและไม่ได้พูดอะไรต่อ
โม่อู๋เซอที่เห็นท่าทีของนางใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ถามขึ้น “ฮูหยินฟาง พวกเราต้องทำอย่างไรถึงจะเจอผู้หญิงชุดแดงคนนั้น”
“ยาก นี่แหละคือสิ่งที่ลำบากที่สุด เจ้าต้องเข้าใจว่านางมีความสามารถในการทะลุมิติ แต่สำหรับพวกเรานั้นการทะลุมิติเป็นเรื่องที่ยากเกินไป ยากขนาดที่แทบจะเป็นไปไม่ได้”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้” หรงจิ้งซือที่เรียบร้อยสง่างามมาตลอดเกือบจะปล่อยโฮ “ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงทะลุมิติได้ พวกเรากลับทำไม่ได้ หรือว่าพวกเราจะไม่มีวันเจอซวนซุนแล้ว”
ทุกคนได้ยินเสียงร้องไห้เสียใจของหรงจิ้งซือก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ไม่มีใครมีวิธีดีๆเลย พวกเขาไม่สามารถทะลุมิติได้ ต่อให้อยากจะทำก็เถอะ เจอเข้ากับเหตุการณ์แบบนี้ทุกคนก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน
ที่ทุกคนเป็นห่วงมากกว่าก็คืออีกคนที่ยังสลบอยู่ ทั้งห้องรับแขกตกสู่ความเงียบ
นั่งรอไปก็แก้ปัญหาไม่ได้ ผู้เฒ่าหยิงสั่งให้ผู้อาวุโสชุดหนึ่งออกไปตามหาหญิงสาวชุดแดง หวังว่านางจะยังอยู่ในผืนดินนี้
คนที่ยุ่งก็ยุ่งไป คนที่กังวลก็ยังกังวลอยู่
สถานการณ์ข้างนอกค่อยๆสงบลง คนของเมืองโลกทมิฬสามารถโยกย้ายถิ่นฐานได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
วันเวลาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนสงบดี พวกลูกศิษย์พอจะรู้สึกถึงความผิดปกติของเหล่าผู้อาวุโสได้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เรื่องที่โม่ซวนซุนหายตัวไปถูกปิดข่าวเอาไว้ คนที่รู้มีไม่เยอะ ฉะนั้นคนข้างนอกไม่รู้ถึงเรื่องนี้เลย ไม่อย่างนั้นข่าวนี้ต้องเป็นที่ฮือฮาแน่ๆ
ภายในตำหนักเถาวัลย์หยก
5 วันผ่านไป คนบางเตียงก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ทุกคนเป็นห่วงกันมาก โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลายที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงทุกวัน แม้แต่ฮูหยินฟางก็เช่นกัน
วันที่ 6 ฟางซูหยุนที่เฝ้าอยู่ข้างๆพบว่าเปลือกตาของหลานสาวขยับ จ้องนางอย่างตั้งใจด้วยความดีใจ
และก็จริง คนบนเตียงขยับลูกตา ท่าทางเหมือนกำลังจะฟื้น
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกำลังพยายามพุ่งออกจากการถูกจำกัดไว้ในความมืด ไม่รู้ว่ผ่านไปนานเท่าไหร่ นางค่อยๆลืมตาขึ้น แสงแยงตานางจนต้องหลับตาลงอีกครั้ง เปลือกตากระตุกไม่หยุด
ฟางซูหยุนเห็นแล้วว่านางลืมตา มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ร้องขึ้น “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว ยังไม่ฟื้นอีกเหรอ”
“ทะ ท่านย่า”
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ปวดหัวอย่างหนักตัวกระตุกไป 1 ที เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนางจะสลบเข้าท่วมท้นใส่นาง
ลืมตาขึ้นอีกครั้ง มีน้ำตาอยู่ในดวงตาคู่งาม ไหลทะออกมาดั่งลำธาร เอ่ยขึ้นเสียงเบา “ท่านย่า ผะ ผ่านไปกี่วันแล้ว เขา เขาได้กลับมามั้ย…..”
“เสี่ยวเสี่ยว…” ฟางซูหยุนยื่นมือเช็ดน้ำตาให้นาง ยิ้มขมขื่น เจ้าเด็กโง่ 6 วันแล้ว เขายังไม่กลับมา ท่าทางเจ้าจะต้องไปตามเขากลับมาแล้วล่ะ เจ้าเข้าใจมั้ย”
“มะ ไม่ได้กลับมา เขา เขาไม่ได้กลับมา….” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่สีหน้าขาวซีดขยับปากเล็กน้อย น้ำตาไหลเป็นทาง “จะ จะให้ข้าไปหาเขาเหรอ ข้า ข้ายังหาเขาเจออยู่เหรอ”
แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเฉิงเสี่ยวเสี่ยวพอรู้อยู่ แม้แต่วิทยายุทธระดับก่อเกิดราชันย์จักรพรรดิ์อย่างนาง เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายแล้วก็เป็นเหมือนแค่มดตัวหนึ่ง ไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่นิดเดียว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วจะให้นางไปหาได้อย่างไร
หัวใจราวกับถูกฉีกทำลาย เจ็บปวดจนนางหายใจไม่ออก นางเสียเขาไปแล้ว
นึกถึงเรื่องราวและความทรงจำต่างๆที่เคยอยู่ด้วยกัน นางร้องไห้ออกมาแบบไม่มีเสียง
เห็นหลานสาวที่ร้องไห้จนแทบจะขาดใจ ฟางซูหยุนก็อดเช็ดน้ำตาไม่ได้ นางกุมมือของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไว้หลวมๆ ปลอบโยนนาง “เจ้าเด็กโง่ ตอนนี้เจ้าเสียใจไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร ที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือลุกขึ้นมา ไม่ว่าซวนซุนจะอยู่ที่ไหนเจ้าก็ต้องพาเขากลับมา เข้าใจมั้ย”
“……”
“จำไว้ ขอแค่เจ้าไม่ถอดใจ เจ้าต้องหาเขาเจอได้แน่ เจ้ายังอายุน้อย ต่อให้อีก 100 ปีก็ไม่เป็นไร เสี่ยวเสียว เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวเอง จำไว้ เชื่อมั่นในตัวเอง”
“…..”
“เสี่ยวเสี่ยว พาเขากลับมาให้ได้ เขาเป็นสามีของเจ้า ใครก็แย่งไปไม่ได้ ของของเจ้าก็คือของของเจ้า ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เสี่ยวเสี่ยว ข้าเชื่อว่าซวนซุนกำลังรอให้เจ้าไปหาเขาอยู่ เจ้าจะมาติดอยู่ที่นี่ จมอยู่ในความเจ็บปวดแบบนี้ไม่ได้ ต้องใช้วิธีที่เร็วที่สุดเพื่อเพิ่มพลัง ออกจากผืนดินนี้เพื่อไปตามหาสามีของเจ้า ย่าเชื่อในตัวเจ้า…”
“…….”
น้ำตาไหลยังไงก็ไม่หมด ความเจ็บปวดอันมากล้นทำให้นางขาดสติไป นางไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น
—————————————————-