ภาคที่ 4 บทที่ 81 ภัยจากอสูรชั่วร้าย (5)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 81 ภัยจากอสูรชั่วร้าย (5)

เสียงคำรามของราชันดังไกลถึงชั้นฟ้า

แม้เหล่าอสูรกายที่อาศัยอยู่ในเขตแดนปิดกั้นของเผ่ามนุษย์จะไม่เคยเห็นราชันตนมาก่อน แต่ในสายเลือดก็มีสัญชาตญาณแฝงไว้ บีบให้มันต้องยอมโอนอ่อน

พวกมันทั้งร้องหวน ร้องคำราม บุกอาละวาด

อสูรน้อยใหญ่เริ่มโผล่ออกมาจากทั่วทุกสารทิศ พากันมุ่งหน้าสู่ต้นเสียงเพรียก

ยังมีปักษาสามหัวขนาดยักษ์ที่กระพือปีกคราหนึ่งก็สร้างลมพายุได้อยู่ด้วย ทั้งยังมีเต่ายักษ์หางคล้ายเหล็กซึ่งที่ปลายมีอีกหัวอยู่ และมีแมงมุมที่ไต่ได้รวดเร็วดั่งสายฟ้าซึ่งมีท่อนบนเหมือนมนุษย์ทั้งชายและหญิง แบบผสมเพศก็มี อีกตัวหนึ่งเป็นต้นไม้ที่มีแขนขากิ่งก้านไม่ครบส่วนห้อยอยู่ ศพคนเจ็ดถึงแปดร่างยังห้อยอยู่ตามกิ่งก้าน ถูกดูดจนตัวแห้ง กระนั้นศพทั้งหลายก็ยังดิ้นได้อย่างประหลาด

ทั้งหมดเป็นอสูรกายที่หลบซ่อนอยู่ในเขตแดนมนุษย์ บ้างซ่อนตัว บ้างแทรกซึมเข้ามา บ้างยังแปลงเป็นร่างมนุษย์ ไม่ว่าจะแบบไหนล้วนพุ่งออกมาเมื่อได้ยินเสียงจากราชันตน พริบตาเดียวก็มีพวกมันอยู่ทั่วทุกที่

กู่เซวียนเหมี่ยนและคนอื่น ๆ เห็นแล้วจึงเริ่มลนลาน

ส่วนมากเป็นอสูรร้าย มีอสูรกายที่ไม่แกร่งเท่าไหร่อยู่บ้าง แต่ใช้พวกมันเป็นทหารเดนตายเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ดี อีกทั้งอสูรร้ายหลายตัวยังมุ่งหน้าเข้าเมืองไป หมายจะเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์

ทั่วเมืองพลันเกิดเสียงร้องลั่นขึ้น ไม่รู้ว่าชีวิตชาวบ้านตาดำ ๆ ต้องเสียไปเท่าไหร่แล้ว

เห็นดังนั้น ซูเฉินก็ตาแดงก่ำแล้วพุ่งลงไป

เรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากแล่นไปด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ถึงพื้นในพริบตา เข้าปะทะอสูรร้ายจนร่างกระจายเป็นชิ้น

จากนั้นเรือเหาะก็เปลี่ยนทิศ ยิงปืนใหญ่เข้าใส่อสูรร้ายที่กระโจนใส่ชายชรา แรงระเบิดทำให้หมีดำตัวน้ำร่างสลายหายไปพร้อมกับเลือดกระเซ็นทั่วทิศ

เรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากพลันพุ่งเข้าใส่ฝูงอสูรร้ายที่ใหญ่ที่สุด เมื่อถึงที่หมายประตูก็เปิดออก ดาบขนาดยักษ์ขยายตัวพุ่งออกมาจากประตู เรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากจึงแล่นออกไป เฉือนเอาอสูรร้ายนับไม่ถ้วนไปตามทาง เลือดพุ่งออกจากซากร่างเจิ่งนองดั่งสายน้ำ

ทั้งอสูรทั้งมนุษย์ต่างสะอึกเมื่อเห็นการฆ่าสังหารโหดเช่นนี้ พริบตาต่อมา ดาบยักษ์ก็ตวัดผ่านอากาศอีกครั้ง ปล่อยริ้วดาบโค้งกรีดใส่ขบวนอสูรทั้งหลาย

ยังไม่หมดเท่านั้น ดาบเครื่องมือต้นกำเนิดอีกสี่เล่มพลันขยับไปบนฟ้าได้ราวกับมีชีวิต สังหารศัตรูครั้งแล้วครั้งเล่า

ตอนนี้มีอาวุธวิญญาณเพิ่มอีก 4 เล่ม

อาวุธวิญญาณทั้งสี่นี้ทำจากวิญญาณของด่านสู่พิสดารเผ่าเกล็ดทราย และแน่นอนว่าไม่เหมือนกับผ้าเท่อลั่วเค่อ พวกเขาถูกล้างสมองไประหว่างขั้นตอนการทำ เหลือไว้เพียงส่วนที่เชื่อฟังเท่านั้น ทำให้ด้อยกว่าดาบหั่นภูผาขั้นหนึ่ง แต่อย่างน้อยมันก็ลอยไปฟาดฟันศัตรูเองได้

อาวุธวิญญาณทั้งห้าร่ายรำไปตามทาง สังหารอสูรที่ขวางทางจนสิ้น

แมงมุมตัวหนึ่งกระโจนเข้ามา ร่างบนที่เป็นชายของมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น มือถือหอกยาวเขวี้ยงเข้าใส่ซูเฉิน ระหว่างที่มันลอยมา ปลายหอกก็เรืองไปด้วยพลังหนาแน่นที่ราวกับจะมอบอำนาจทะลวงเหล็กให้ ซูเฉินหยุดเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากไว้ ก่อนที่เงาร่างมนุษย์จะฉายขึ้นด้านหลัง แม้จะเป็นเพียงภาพมายา แต่เมื่อมันเอื้อมไปคว้าหอกไว้ หอกกลับหยุดค้างได้จริง

หอกยาวคล้ายกับดิ้นพล่านอยู่ในมือภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิด แต่ภาพจุติเพียงประกบมือเข้าด้วยกันมันก็หักกลาง แมงมุมชายตัวนั้นร้องลั่น ในเวลาเดียวกันนั้นซูเฉินก็ใช้ปืนใหญ่ฟ้าลั่นยิงมันกระจายเป็นชิ้น ๆ

ต่อมา ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมอ้าปากกว้าง ลิ้นมันบางและยาวนัก คล้ายกับของงูพิษ พ่นควันพิษใส่ซูเฉินในพลัน

ซูเฉินเซไปเล็กน้อย เขาหยุดเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากไว้ ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดเสียแรงควบคุมและหายไป

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงทะมึนก่อนลิ้นคล้ายงูนั่นจะตวัดรัดร่างซูเฉินไว้

ทันใดนั้นซูเฉินก็ลืมตาจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดปรากฏขึ้นอีกครั้ง ยื่นมือคว้าลิ้นมันไว้ ชายหนุ่มรู้ชะตาตน ร้องลั่นออกมาทันที “ไม่ !”

ดังคาด ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดกระชากลิ้นเขาออกมา เขากระอักเลือดคำใหญ่ร้องโหยหวน ก่อนใบหน้าจะแยกออกเป็นสองฟาก ผิวหนังลอกออก เผยให้เห็นแมงป่องหางงูตัวหนึ่ง ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดดึงหางแมงป่องหางงูออก มันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังใช้ก้ามยักษ์ทั้งสองพุ่งเข้าใส่ซูเฉินอย่างบ้าคลั่ง

ซูเฉินเอียงมือ เกิดเป็นบุปผาเพลิงพุ่งออกมาระลอกหนึ่ง

บุปผาเพลิงแดงเหล่านี้ขึ้นรูปรวดเร็วนัก ไม่นานก็กลายเป็นหงส์เพลิงขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่แมงป่องหางงู เพลิงเกรี้ยวลามเลียไปทั่วร่างแมงป่องหางงู เผาไหม้ร่างมันเป็นจุลทันที เพลิงเหล่านี้น่ากลัวโดยแท้จริง เทียบเท่ากับพลังโจมตีจากด่านสู่พิสดารทีเดียว

เป็นตอนนั้นเองที่บนหน้าปากซูเฉินพลันมีเงาทาบลงมา

เขาแหงนหน้าขึ้น เห็นอสูรร่างยักษ์กำลังพุ่งลงมาใส่ มันคือราชสีห์ตาน้ำเงินที่อ้าปากกว้างหมายกลืนเขาไปทั้งตัว

ซูเฉินไม่ใช่ซุนหงอคง ถูกกลืนไปแล้วคงไม่อาจสร้างปาฏิหาริย์ได้ เมื่อเห็นมันอ้าปากกว้างเช่นนี้ เขาจึงเหลือเวลาทำเรื่องหนึ่งได้เท่านั้น

เขาตบลำเรือเหาะทำให้มันหดตัวลง

เกิดเสียงคล้ายเหล็กขึ้น ราชสีห์ตาน้ำเงินอ้าปากกว้างแล้วเขมือบลงมา แต่กลับไม่อาจปิดปากได้

เรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากทำหน้าที่คล้ายท่อนเหล็กดามปากราชสีห์เอาไว้ ทำให้มันไม่อาจหุบปากได้

“โฮกกก !” ราชสีห์ตาน้ำเงินคำรามเกรี้ยว

กลิ่นเลือดพุ่งออกจากลำคอเจ้าราชสีห์ เหม็นจนเขาแทบขาดใจ

ซูเฉินโบกมือแล้วของชิ้นหนึ่งก็ถูกโยนขึ้นมา

เป็นหนังสัตว์อสูร

มันคือหนังสัตว์อสูรที่เขาซื้อมาจากงานประมูลในเมืองฉางผาน

หนังสัตว์อสูรนั่น ออกมาแล้วก็กลายเป็นหมอกดำทันใด ไหลลงลำคอราชสีห์ตาน้ำเงินไป พริบตาต่อมา ลำคอมันก็เน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วก่อนจะลามไปทั่วร่าง

ราชสีห์ตาน้ำเงินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แม้จะไม่มีเรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลากง้างปากมันแล้ว แต่มันก็ไม่อาจหุบปากนั่นได้อีกต่อไป

ซูเฉินฉวยจังหวะนี้หมุนเรือเหาะพุ่งออกจากปากมันทันที

เขาหันไป เห็นว่าหมอกดำยังขยายออกต่อ ร่างราชสีห์ตาน้ำเงินสลายรวดเร็วนัก เหลือไว้เพียงกระดูกขาว ตัวซูเฉินเองยังประหลาดใจ พิษจากแมงป่องหางงูน่ากลัวมากจริง ๆ

ใช่แล้ว มันเป็นพิษจากแมงป่องหางงู แต่ถูกหนังสัตว์อสูรที่เป็นดั่งศัตรูคู่อาฆาตดูดพิษเอาไว้ ไม่เพียงพิษถูกดูดไป แต่ยังเอามาใช้สังหารอสูรกายระดับสูงหายากอย่างราชสีห์ตาน้ำเงินได้ด้วย

ในขบวนอสูรมีอสูรกายระดับสูงอยู่ไม่มาก ฝีมือเทียบได้กับคนด่านสู่พิสดาร แต่ซูเฉินกลับใช้พิษสังหารมันได้ในพริบตา

หากแต่ซูเฉินยังไม่พอใจ

อสูรทั้งหลายยังคงวิ่งว่อนทั่วเมือง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงมีผู้รอดชีวิตไม่มาก

ซูเฉินมองภาพการล่าสังหารรอบตัวแล้วก็รู้สึกทั้งโกรธและเศร้าเสียใจ

เขาพลันกัดฟัน หยิบยาขวดหนึ่งขึ้นมา เปิดฝาออก แล้วราดมันใส่เรือเหาะจักรพรรดิมังกรวารีหลาก

ยาล่อสัตว์อสูร

ยาล่อสัตว์อสูรใช้เพื่อล่อสัตว์อสูรทั้งหลาย ปกติแล้วใช้เพียงนิดก็ได้ผล แต่ซูเฉินราดทั้งขวดใส่เรือเหาะไป

กระนั้นก็ยังรู้สึกว่าไม่มากพอ หยิบขึ้นมาราดอีก 2 ขวด ยาล่อสัตว์อสูรทั้งหมดที่เขาพกติดตัวถูกใช้ราดเรือเหาะด้านนอกไปทั้งหมด

กลิ่นแน่นจมูกเริ่มกระจาย อสูรทั้งหลายเริ่มเคลื่อนตัวมาทางซูเฉินอย่างบ้าคลั่ง