ตอนที่ 656 คิดให้ดีก่อน / ตอนที่ 657 ลองดูก็จะรู้

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 656 คิดให้ดีก่อน

 

 

“ถ้าข้ามีลูกให้รัชทายาทจริง ใครจะรู้ว่าพระชายารัชทายาทไม่ฆ่าแม่แย่งลูก หรือองค์รัชทายาทเอาลูกไปให้พระชายารัชทายาทเลี้ยง พอถึงตอนนั้นข้าไม่กลายเป็นเครื่องมือผลิตลูกหรือ และไม่รู้ว่าจบชีวิตอย่างน่าอนาถเพียงใด”

 

 

คำพูดของมู่ซืออวี่ทำให้หรงเอ๋อร์ได้คิด นางตะลึง เมื่อครู่นางดีใจเร็วเกินไป ไม่ได้นึกถึงขั้นนี้ มู่ซืออวี่พูดมีเหตุผล ทำให้นางรู้สึกนับถือมู่ซืออวี่ พอถึงเวลาสำคัญ มู่ซืออวี่มีสติชัดเจน

 

 

แม้มู่ซืออวี่ไม่เคยผ่านเหตุการณ์อะไรมากนัก ดูผิวเผินเป็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนต่อโลก แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ เป็นคนที่ฉลาดมาก

 

 

“เราไปจากวังตะวันออกตอนนี้เลยดีหรือไม่ คิดแล้วก็รู้สึกเสียดาย”

 

 

มู่ซืออวี่สั่นหัว “เรื่องนี้ข้าขอคิดให้ดีก่อน”

 

 

หรงเอ๋อร์เห็นมู่ซืออวี่ไม่คิดจะออกจากวังตะวันออกทันที ก็ไม่พูดออีก ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ คุณหนูของนางฉลาดจริงๆ

 

 

นางสนับสนุนให้มู่ซืออวี่ดิ้นรนอยู่ในวังตะวันออก ในเมื่อพระชายารัชทายาทไม่มีลูก หากองค์รัชทายาทยอมรับแม้เพียงเล็กน้อย พวกนางก็จะมีที่ยืนในวังตะวันออก เรื่องนี้ คนที่มีบทบาทสำคัญที่สุดคือองค์รัชทายาท

 

 

มู่ซืออวี่นึกถึงคำพูดของฟู่เฉินหรงกับปิงอวิ๋นอย่างละเอียด คำพูดของปิงอวิ๋นทำให้นางมีความหวัง พระชายารัชทายาทได้รับความรักทั้งหมดจากฟู่เฉินหรง แต่ตนสามารถมีลูก แต่จะให้ลูกเกิดมาในสภาพอย่างนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นนางจะตกอยู่ในอันตราย

 

 

เว้นแต่ว่าให้รัชทายาทกับพระชายารัชทายาทผิดใจกันจนอยู่ด้วยกันไม่ได้ นางต้องคิดให้ดี

 

 

ซูจิ่วซือไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับมู่ซืออวี่ นางเอนหลังพิงเก้าอี้นุ่มอ่านหนังสือ ส่วนฟู่เฉินหรงตรวจฎีกาอยู่ในห้องหนังสือ อาหลานยื่นจดหมายให้ซูจิ่วซือ “พระชายา จดหมายถึงพระชายาเพคะ”

 

 

ซูจิ่วซือเปิดจดหมาย พออ่านก็ยิ้ม ในที่สุดก็ปิดรอยยิ้มไม่อยู่ พอเห็นซูจิ่วซือดีใจอย่างนี้ อาหลานก็ถามด้วยความประหลาดใจ “มีอะไรทำให้คุณหนูดีใจอย่างนี้”

 

 

“หลีหยวนกับปิงปิงมาถึงตูเฉิงแล้ว ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพวกเขามาก”

 

 

กู้หลียวนกับเผยปิงปิงแต่งงานกันแล้ว เผยปิงปิงเป็นสะใภ้ของนาง พอคิดอย่างนี้นางก็ดีใจ วันหลังมีเผยปิงปิงอยู่ใกล้ชิดกับกู้หลียวน นางก็วางใจแล้ว

 

 

“จริงหรือ ดีจริงๆ พวกเขามาจะได้อยู่เป็นเพื่อนพระชายา”

 

 

เผยปิงปิงเป็นผู้มีพระคุณของอาหลาน อาหลานคุ้นเคยกับสองคนนี้ดี พอได้ยินว่าพวกเขามาตูเฉิงก็ดีใจมาก

 

 

“จริงสิ พระชายารัชทายาทเพคะ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งเกือบลืมบอก”

 

 

“อะไรหรือ”

 

 

ซูจิ่วซือถาม

 

 

“แคว้นเว่ยแต่งตั้งฮองเฮา ฮองเฮาก็คือกู้ชิงเฉิง” อาหลานรายงานต่อ

 

 

พอได้ยินว่ากู้ชิงเฉิงได้เป็นฮองเฮา ซูจิ่วซือก็ยินดี เดิมทีตำแหน่งฮองเฮาก็เป็นของกู้ชิงเฉิงอยู่แล้ว แต่ถูกกู้เฝิ่นไต้ชิงไป เวลานี้กู้ชิงเฉิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮาจึงเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย

 

 

นางไม่รู้ว่าเวลานี้กู้ชิงเฉิงรักเฟิ่งอวิ๋นหล่างหรือไม่ สองคนนี้เดิมทีก็รักกัน เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงชดเชยให้ กู้ชิงเฉิงคงจะอยู่อย่างมีความสุข

 

 

เวลานี้ลูกชายหญิงของนางมีครอบครัวมั่นคงแล้ว พอคิดได้อย่างนี้ นางก็พอใจเป็นพิเศษ

 

 

“ประเดี๋ยวพอองค์รัชทายาทกลับมาเห็นพระชายารัชทายาทดีใจอย่างนี้ คงจะให้รางวัลบ่าว”

 

 

ซูจิ่วซือยิ้ม “เจ้าเองก็หัดพูดได้มาก”

 

 

พอถึงตอนนี้ปิงซินเดินเข้ามาพร้อมกับขวดเคลือบที่เอามาจากกล่องไม้ในห้อง “พระชายารัชทายาท ได้เวลากินยาแล้ว”

 

 

ซูจิ่วซือสีหน้าสลด รับขวดเคลือบ เทยาลูกกลอนสีดำเม็ดหนึ่งเข้าปาก จากนั้นก็เรียกปิงซินมากำชับ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 657 ลองดูก็จะรู้

 

 

“พระชายารัชทายาทวางใจ เรื่องนี้บ่าวจะจัดการให้เรียบร้อยเพคะ”

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า ปิงซินออกไป

 

 

พอปิงซินออกไปแล้ว ซูจิ่วซือก็ยื่นขวดเคลือบให้อาหลาน เอาไปเก็บไว้ในกล่องไม้

 

 

อาหลานเดินเข้าไปหาซูจิ่วซือ ถามอย่างไม่เข้าใจ “พระชายารัชทายาททำไมจึงบอกเรื่องนี้ให้คุณหนูมู่รู้ ถ้านางเอาเรื่องนี้ไปแพร่ข้างนอก จะไม่เป็นผลดีต่อพระชายารัชทายาท”

 

 

“เรื่องนี้ปิดได้ไม่นาน พอเวลาผ่านไป ไม่ต้องกระจายข่าวก็จะมีเสียงร่ำลือ ถึงอย่างไรก็ต้องเจอปัญหานี้อยู่แล้ว นางเป็นคนที่ฝ่าพระบาททรงเลือก หมัวมัวเถียนก็เป็นคนของฝ่าพระบาท ไม่แน่เรื่องนี้นางอาจจะรู้อยู่ก่อนแล้ว ฝ่าพระบาทใส่พระทัยแต่เรื่องผู้สืบทอด”

 

 

ซูจิ่วซือเข้าใจพระทัยของซุ่นตี้ พระองค์เป็นฮ่องเต้ คำนึงถึงเรื่องผู้สืบทอดเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้เห็นว่าความเอาใจใส่ของฟู่เฉินหรงต่อนางมีความหมายมาก

 

 

นี่เป็นความสุขที่นางได้มาอย่างยากเย็น นางต้องทะนุถนอม

 

 

“คุณหนูมู่ดูเหมือนไม่ใช่คนที่มีเล่ห์เหลี่ยม”

 

 

“เล่ห์เหลี่ยมไม่ได้เขียนบนใบหน้า มีเล่ห์เหลี่ยมหรือไม่ลองใจดูก็จะรู้ ถ้ามีความคิดไม่ซื่อ จะได้รีบจัดการเร็วหน่อย ไม่ให้ก่อความวุ่นวายในวังตะวันออก”

 

 

“พระชายารัชทายาทพูดมีเหตุผล ลองใจคุณหนูมู่ก็ดี”

 

 

ซูจิ่วซือกับมู่ซืออวี่เคยพบกันหลายครั้ง มู่ซืออวี่เป็นคนเจ้าเล่ห์หรือไม่เวลานี้นางไม่สามารถตัดสินได้ แต่ดูจากผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น นางตัดสินได้ว่ามู่ซืออวี่ไม่ใช่คนโง่ และไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกอย่างที่เห็น

 

 

ถ้านางทุ่มเทความรักให้ฟู่เฉินหรงอย่างจริงใจ พอถึงเวลานั้นคงเกิดเรื่องยุ่งยากอีกมาก ลองใจมู่ซืออวี่ดู ถึงนางฉลาดเพียงไรก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนต่อโลก

 

 

รุ่งขึ้น ซูจิ่วซือกลับไปที่จวนตระกูลมู่

 

 

หลังจากมู่อวิ๋นชางเสียชีวิต ซุ่นตี้โปรดให้จัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ แต่งตั้งมู่อวิ๋นชางเป็นฉางก่วงโหว มู่หย่งสืบทอดตำแหน่งโหว เป็นหัวหน้าตระกูลมู่ ซุ่นตี้ยังประทานป้ายทรงพระอักษรจวนฉางก่วงโหว

 

 

ชั่วเวลาไม่นาน ตระกูลมู่ก็รุ่งเรืองทันที กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่โดดเด่นที่สุดในตูเฉิง

 

 

สุขภาพของหลิ่วเหวินฉือดีขึ้นมาก นางดูแลการงานในจวน

 

 

ซูจิ่วซือเป็นพระชายารัชทายาท พอกลับไปที่จวนโหว นางนั่งที่ตำแหน่งประธานในห้องโถง มู่หย่งกับหลิ่วเหวินฉือนั่งด้านซ้าย มู่เจี๋ยนั่งด้านขวา

 

 

“พี่สะใภ้ ข้าเอารังนกนางแอ่นชั้นดีมาให้ พี่สะใภ้ดูแลสุขภาพให้ดี”

 

 

“ซูจิ่วซือมีน้ำใจ ข้าไม่ป่วยแล้ว”

 

 

หลิ่วเหวินฉือยิ้มให้ซูจิ่วซือ แสดงให้รู้ว่าตนดีขึ้นมาก

 

 

“พี่ใหญ่ ขออภัย ข้าทำให้ตระกูลมู่พลอยเดือดร้อน”

 

 

สำหรับตระกูลมู่แล้ว ซูจิ่วซือรู้สึกละอายใจจริงๆ ความแค้นระหว่างนางกับเฟิงชิงสุ่ย ดึงตระกูลมู่เข้าไปในวังวน แม้เฟิงชิงสุ่ยตายแล้ว ตระกูลเฟิงตกต่ำ แต่ตระกูลมู่ก็ต้องชดใช้อย่างหนัก

 

 

“ซือซือ เราเป็นคนครอบครัวเดียวกัน วันหลังอย่าพูดเหมือนคนนอกอย่างนี้”

 

 

“พี่ใหญ่พูดถูก คนครอบครัวเดียวกันต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน บางเรื่องอาจจะทำอะไรไม่ได้ เพื่อคานอำนาจกับซิ่นอ๋อง ฝ่าพระบาทจึงให้ตระกูลมู่เข้มแข็งขึ้น

 

 

แม้ตระกูลมู่มีบารมีไม่น้อย แต่ไม่อาจเทียบเคียงกับตระกูลเฟิง ตระกูลเฟิงมีอำนาจการทหาร ที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ จนฝ่าพระบาทยำเกรง ไม่กล้าจัดการกับตระกูลเฟิง

 

 

แม้ตระกูลเฟิงจะทำผิดมหันต์ในครั้งนี้ ก็ไม่ได้จัดการอย่างเด็ดขาด ว่าไปแล้วก็เป็นเพราะความยำเกรงต่อกองทัพตระกูลเฟิง

 

 

องค์รัชทายาทเพิ่งตั้งตัวได้ในตูเฉิง ยังไม่มั่นคงนัก เมื่อก่อนต้องรับมือกับจวนซิ่นอ๋อง บางเรื่องก็ไม่สามารถจัดการได้ ซือซือ ลำบากเจ้าแล้ว เรื่องนี้ไม่มีใครโทษเจ้า ในเมื่อเลือกที่จะสนับสนุนองค์รัชทายาท ทุกคนในตระกูลมู่ก็เตรียมใจไว้ก่อน”

 

 

พอได้ยินคำพูดของมู่เจี๋ย ซูจิ่วซือรู้สึกซาบซึ้งมาก นางกับเฟิงชิงสุ่ยตอนเริ่มแรกยังห่างชั้นกันมาก เฟิงชิงสุ่ยไม่ยอมแม้แต่จะพบนาง