ผ่านมาเจ็ดวันแล้วที่บีพาอันใช้เหตุการณ์ที่เขามกอักเป็นข้ออ้างรั้งตัวกโยซึลไว้ และแล้วเขาก็ยอมปล่อยนางกลับตำหนักดงบี บีพาอันเดินไปส่งกโยซึลถึงตำหนัก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้มาเดินเล่นด้วยกันหลังพิธีอภิเษกสมรส เขาใช้ทางเดินด้านในหลังวังตะวันออก บีพาอันนั้นกำลังเดินเล่นอย่างเพลิดเพลิน การที่เขาได้มาเดินเล่นกับกโยซึลที่นี่ เป็นความหวังอันแสนเรียบง่ายของบีพาอัน
จ๊อกจ๊อก เสียงน้ำไหล เนื่องจากด้านหลังของวังตะวันออกอยู่ติดกับกำแพงวัง ทำให้มองเห็นไปถึงลำธารที่อยู่รอบนอกได้
“เอ๊ะ?” กโยซึลที่เดินตามหลังบีพาอันมา เปล่งเสียงน่ารักออกมา
เมื่อบีพาอันหันไปก็เห็นว่านางนั่งยองๆ อยู่หน้าดอกไม้พุ่มหนึ่ง หาได้เดินตามตนมาไม่ และเมื่อเขาเห็นว่ามันคือดอกอะไร บีพาอันก็พลันใจเต้นแรง
“ดอกกดมาลี”
“เพคะ?”
“ดอกไม้นั้นชื่อดอกกดมาลี”
กโยซึลเงยหน้ามองบีพาอันด้วยสายตาตื่นตระหนก เห็นดังนั้นบีพาอันก็หวังว่าหน้าของเขาคงจะไม่ขึ้นสี และจดจ่ออยู่แต่กับดอกไม้ตรงหน้า
“จากนี้…ดอกไม้นี้จะไม่บานอีกแล้ว”
“จะไม่บานอีกแล้วหรือเพคะ”
“…เป็นดอกไม้ที่บานเฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้น”
“อ้อ…ว่าแต่เหตุใดฝ่าพระบาทถึงได้รู้กระทั่งชื่อดอกไม้นี้ล่ะเพคะ”
“…” บีพาอันไม่สามารถเอ่ยตอบออกไปได้
ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับจดหมายจากกโยซึลทุกวัน นางมักจะเขียนเล่าเรื่องราวรอบตัวเล็กๆ น้อยๆ เสมอ และหนึ่งในเนื้อหาของจดหมายก็ถูกเขียนไว้ว่าตัวนางนั้นชื่นชอบดอกไม้ บีพาอันจดจำมันได้ และคอยส่งดอกไม้ให้นางอย่างลับๆ ทว่าเขาก็ไม่สามารถบอกความจริงออกไปได้ หากมันเป็นเรื่องที่บอกออกไปได้ล่ะก็ เขาคงจะไม่แอบไปในช่วงเช้าตรู่ และคงไม่ปล่อยให้จดหมายที่แนบไปนั้นเป็นเพียงจดหมายเปล่าอย่างแน่นอน บีพาอันเก็บคำตอบไว้ข้างใน แล้วหันหลังกลับไป ตอนนี้ใกล้จะหมดฤดูร้อนแล้ว เขาคงต้องหาดอกไม้อื่น แม้ว่าเขาจะยังคงไม่สามารถเขียนอะไรลงจดหมายได้ก็ตาม
***
กโยซึลมาหาบีพาอันอีกครั้ง บีพาอันนั้นพยายามที่จะไม่คาดหวังสิ่งใดจากการมาเยือนของนาง เขาพยายามสะกดกั้นหัวใจที่มันว้าวุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ แต่ถึงอย่างไรเสีย เมื่อได้ฟังเรื่องที่นางมาหาตนแล้ว หัวใจจะต้องถูกแช่แข็งราวกับกำลังอยู่ในช่วงฤดูหนาวเป็นแน่
“หม่อมฉันอยากไปตำหนักกงรีมกเพคะ”
“ตำหนักกงรีมกหรือ”
“เพคะ อากาศเย็นลงเรื่อยๆ…หม่อมฉันได้ยินมาว่าที่นั่นมีบ่อน้ำร้อนอยู่…”
“ตำหนักกงรีมกที่อยู่ที่เมืองทางตอนใต้สินะ”
แล้วบีพาอันก็นึกขึ้นมาได้ว่าล่าสุดรูแฮได้มุ่งหน้าไปทางตอนใต้ เพื่อไปแก้ปัญหาเรื่องการสอบที่จะมีขึ้น ช่างน่าขันนัก ทว่าก็ช่างน่าเอ็นดู บีพาอันทำได้เพียงหัวเราะ เพราะเขามองเห็นถึงเจตนาของนางอย่างชัดแจ้ง และไม่รู้ว่ากโยซึลเองก็เริ่มจะรู้ตัวหรืออย่างไร นางจึงดูกระวนกระวายใจขึ้นมา และบีพาอันที่มองภาพนั้นอยู่ ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วเริ่มเอาแต่ใจอีกครั้ง
“ดี ตั้งแต่ชายามาที่มกกุกจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปหลายฤดูกาลแล้ว ในฐานะพระชายาฮวางแทจาก็ควรจะได้เที่ยวดูเมืองต่างๆ ของมกกุกบ้าง”
“อา ทรงอนุญาตให้หม่อมฉันไปหรือเพคะ”
“เราจะไปกับชายาเอง”
และเขาก็กลายเป็นเพื่อนร่วมทางในครั้งนี้ของนาง แม้ว่าจะเดินทางมาด้วยกัน แต่เมื่อมาถึงตำหนักกงรีมก บีพาอันกลับเอาแต่หลบหน้ากโยซึล ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุผลที่นางมาที่นี่ มันช่างน่าขัดเคืองใจนัก เป็นความหึงหวงที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
นี่เราหึงหวงนางอย่างนั้นหรือ
ช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นชิน และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนจะรู้สึกเช่นนี้ได้ แต่ถึงกระนั้นบีพาอันก็ตั้งใจว่าจะชวนนางร่วมมื้อเย็นหรือกินข้าวด้วยกันสักมื้อ ทว่าเขาก็ไม่กล้า จนสาส์นจากพระราชวังส่งมาถึงเขาเสียก่อน
มีแรงปรารถนา ทว่ากลับไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย
ตัวเขาช่างน่าขันนัก
“ชายาคงจะดีใจที่ได้อยู่คนเดียวเสียที”
เพราะทางจะได้พบกับคนรักที่แอบคบกันอย่างลับๆ อย่างที่หวังเสียที บีพาอันยกยิ้มขมขื่น
แม้แต่ในคืนสุดท้ายที่ตำหนักกงรีมกก็ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ บีพาอันมาแช่ตัวที่บ่อน้ำร้อนเพื่อระงับจิตใจที่ว้าวุ่นของตน
“ใช่ที่นี่หรือไม่นะ”
เป็นที่เรื่องไม่คาดคิดที่เสียงใสจะดังขึ้นในบ่อน้ำร้อนที่เงียบสงัดเช่นนี้ บีพาอันที่สะดุ้งตัวเล็กน้อย คิดว่าตนนั้นฟังผิดไป จึงกลับมาจดจ่ออยู่กับการแช่น้ำดังเดิม
“ว้าว…” เสียงอุทานที่ดังต่อจากนั้นเป็นเสียงของกโยซึลแน่แล้ว
จ๋อม ในความเงียบสงบมีเสียงน้ำดังกังวาน เมื่อแน่ใจแล้วว่ามีคนกำลังลงแช่ในอ่างน้ำ บีพาอันก็พลันตื่นตระหนก เขาควรจะหลบเลี่ยงนาง หรือเผชิญหน้ากับนางด้วยอาภรณ์ที่น่าอายเช่นนี้ดี ไอน้ำร้อนรบกวนความคิดของเขานัก ในหัวของบีพาอันขาวโพลนดั่งไอน้ำจนไม่อาจตั้งรับกับสิ่งใดได้ และในขณะที่เขากำลังลนลาน กโยซึลที่ลงมาที่อ่างแล้วมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ก็เห็นบีพาอันเข้าจนได้
“เอ๊ะ…?”
ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับนางอย่างช่วยไม่ได้แล้ว
“ไม่รู้ว่าชายาจะมาที่นี่”
บีพาอันรักษาท่าทีสงบนิ่งไว้ราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไร เรื่องอย่างนี้เขาถนัดอยู่แล้ว
“ฝ่าพระบาท”
เขาสามารถรู้ได้เลยว่านางกำลังประหม่าเพียงใดจากเสียงที่เปล่งออกมานั้น จ๋อม สายน้ำกระเพื่อมไหว บีพาอันเห็นกโยซึลอย่างเลือนรางหลังไอน้ำเหล่านั้น ผ้าผืนบางที่เปียกน้ำในอ่าง เผยให้เห็นผิวกายอย่างชัดเจนใต้ผ้าผืนบางกึ่งโปร่งแสงนั่นคือผิวขาวราวกับเปลือกไข่แสนเย้ายวน ภาพที่เห็นนั้นเย้ายวนยิ่งกว่าร่างที่เปลือยเปล่าเสียด้วยซ้ำ
ทั้งที่คิดว่านางเป็นแค่เด็กน้อยแท้ๆ ความจริงแล้วนางก็เป็นสตรีนางหนึ่ง
ที่บ่อน้ำกลางแจ้ง ลมเย็นพัดโชยมาพร้อมกับกลิ่นเนื้ออ่อนของสตรี ฉวัก บีพาอันเดินเข้าไปใกล้อีกก้าว ไอน้ำมลายหายไป กโยซึลรู้สึกเขินอายจนต้องยกมือขึ้นปิดบังสาบเสื้อตรงหน้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอน้ำที่ร้อนวูบวาบจนทำให้สติเลือนลางหรืออย่างไร เขาจึงเขยิบไปยืนอยู่ตรงหน้านางราวกับกำลังละเมอ กโยซึลเบิกตากว้าง และแน่นอนว่าสายตาของบีพาอันที่จ้องมองนางกระพริบตาปริบๆ อยู่นั้นก็ไร้การสั่นไหว
“คือ…หม่อมฉัน” กโยซึลไม่รู้จะวางสายตาไว้ที่ใดจึงได้แต่กลอกตาไปมา หน้าของนางแดงขึ้นเรื่อยๆ
“ข ขออภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ทราบว่าพระองค์อยู่…”
กโยซึลก้มหน้าตอบกลับอย่างลุกลี้ลุกลน นางดึงเสื้อสาบเสื้อขึ้นปิดบังร่างกาย รีบกล่าวทักทายแล้วถอยหลังไปอย่างรีบร้อน สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวจนสุดท้ายก็พลาดลื่นล้ม
ตูม! มือตะกุยตะกายทำให้น้ำกระจายออกมา บีพาอันรีบเข้าไปคว้าตัวนางที่เสียสมดุล
“ระวังด้วย แม้จะมีข้ารับใช้คอยดูแลทำความสะอาดอยู่ตลอด แต่ถึงอย่างนั้นในน้ำก็ยังลื่นอยู่ดี”
กโยซึลที่ซวนเซไปมาขณะนี้อยู่ใกล้ชิดกับบีพาอัน จนกลายเป็นว่าเขากระซิบที่ข้างหูนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ และเนื่องจากที่นางอยู่ๆ ก็หันหน้ากลับมา ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับนางเข้าอย่างจัง ทั้งคู่อยู่ใกล้กันจนจมูกแทบจะสัมผัสกัน กโยซึลกลั้นหายใจ แข้งขาอ่อนแรง ขณะที่นางกำลังจะล้มลง บีพาอันก็โอบรัดเอวของนางเอาไว้เสียเลย
“เราบอกให้ระวัง”