เมื่อเขาเผลอโอบเอวนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ บีพาอันก็เกร็งตัวขึ้น เขาจับข้อมือขวาของนาง และใช้แขนซ้ายโอบรัดเอวไว้ ตัวของทั้งคู่แนบชิดกันในท่าทางคล้ายคลึงกับการโอบกอดจากด้านหลัง ขณะนั้นบีพาอันรู้สึกราวกับว่าเขาได้กักกันนางไว้ในอ้อมกอดของตน เสื้อของกโยซึลแสนจะบาง ตัวของบีพาอันก็เปลือยเปล่า ยามที่ขยับแต่ละทีให้ความรู้สึกไม่ต่างกับเนื้อหนังถูไถกัน แม้จะเข้าพิธีอภิเษกกันมานานแล้วแต่เรื่องถึงเนื้อถึงตัวกันนั้นไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งในร่างที่เปลือยเปล่าเช่นนี้แล้ว มันทั้งขัดเขินและน่าลำบากใจนัก หากปล่อยไว้เช่นนี้หัวใจคงจะระเบิดออกมาเป็นแน่
เวลาล่วงเลยไปโดยไร้คำพูดใด มีเพียงเสียงน้ำไหลหยดเป็นระยะ
ติ๋ง ติ๋ง หยดน้ำใสๆ ทำเอาลมหายคนฟังรู้สึกติดขัด แม้กระทั่งเสียงหายใจก็ยังทำให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดในตอนนี้ ยามที่ติดอยู่ในความตื่นเต้นของบรรยากาศที่เงียบงัน แม้ตัวจะแช่อยู่ในน้ำร้อนก็ยังทำให้ทั้งร่างรู้สึกหนาวเย็นได้
ตั้งสติเสียเถิด
คนที่ตั้งสติได้ก่อนนั้นคือบีพาอัน เขาละมือออกจากตัวกโยซึล หลังจากนั้นกโยซึลก็กระวีกระวาดผละตัวออกห่างไป
“ข ขอบพระทัยเพคะ” เสียงของกโยซึลสั่นคลอน
ดีแล้วที่เขาไม่ได้ทำสิ่งใดไปมากกว่านั้น บีพาอันปลอบใจตัวเองว่าตนทำดีแล้วที่ถอยออกมาเสียก่อน
“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ”
“ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเข้ามาแช่เมื่อครู่หรอกหรือ”
เมื่อเห็นว่ากโยซึลกำลังจะกลับ บีพาอันก็เผลอรั้งนางไว้โดยไม่รู้ตัว อุตส่าห์ได้มาพบกันเช่นนี้แล้ว เขาไม่อยากปล่อยให้นางกลับไปง่ายๆ
“บ่อน้ำกลางแจ้งแห่งนี้เป็นที่ที่สามารถเพลิดเพลินได้ร่วมกัน ทรงอย่าเกรงใจไปเลย”
บีพาอันเดินเข้าไปใกล้กโยซึลแล้วนั่งลงทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้เขาจะแสร้งทำเป็นเพลิดเพลินกับการแช่น้ำอยู่ ทว่าประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขานั้นจดจ่ออยู่ที่กโยซึลทั้งหมดแล้ว
เนื้อตัวที่ร้อนผ่าวขึ้นนั้นเป็นเพราะไอร้อนจากบ่อน้ำร้อน
หัวใจที่เต้นแรงราวกับกำลังจะระเบิดนั้นเป็นเพราะไอน้ำที่ร้อนอบอ้าวจึงทำให้หายใจได้ไม่คล่อง
บีพาอันหาข้อแก้ตัวไปเรื่อยๆ หากยังคงปล่อยเอาไว้อย่างนี้ เขาจะต้องมัวเมาไปกับความร้อนจากบ่อน้ำเป็นแน่ ดังนั้นบีพาอันจึงหาเรื่องชวนนางคุย
“จริงสิ”
ซ่า เสียงน้ำดังพร้อมกับบีพาอันที่ลุกขึ้น เขาเดินมาอยู่ข้างหน้ากโยซึลแล้วจ้องมองต่ำลงไปที่นาง ส่วน
กโยซึลเองก็แหงนหน้ามองเขาอย่างตกใจ หยดน้ำที่ไหลลงมาจากเส้นผมของบีพาอันหยดลงบนแก้มของกโยซึล
“ชายาช่างมาได้จังหวะ เรามีเรื่องจะพูดด้วยพอดี”
ผิวขาวของบุรุษร่างกำยำถูกฉายสะท้อนด้วยแสงจันทร์ แสงจันทร์จากทางด้านหลังของชายหนุ่มสาดส่องกระทบลงมาจนถึงกายของนาง ทำให้เห็นว่าผิวขาวที่โผล่ทะลุเสื้อชั้นในเปียกชุ่มกำลังส่องแสงแพรวพราว
แสงจันทร์นั้นเจ้าเล่ห์นัก
มันสาดส่องไปยังสรีระงดงามของสาววัยเยาว์อย่างชัดเจน มันเล็กกระทัดรัดราวกับดอกกดมาลีที่ผลิบาน สะอาดสะอ้านและบอบบางราวกับดอกลิลลี่หุบเขา
ให้ความรู้สึกทั้งน่าเสน่หาและน่าเอ็นดู
ใบหน้าไร้เดียงสาเช่นยามปกติ ไหล่ที่มักจะห่อจนเหมือนติดเป็นนิสัย กระดูกไหปลาร้านูนลึกชัดเจน เนินผิวที่ใช้สองมือปิดบังไว้ โผล่ให้เห็นวับๆ แวมๆ เสื้อชั้นในบางเปียกเผยให้เห็นนั่นบ้างนี่บ้างทำเอารู้สึกเย้ายวน ไม่สิ นางมีหลายสิ่งหลายอย่างนับไม่ถ้วนที่สามารถล่อลวงชายหนุ่มได้ ชายหนุ่มทอดสายตามองนางนิ่งๆ อากาศที่เปียกชื้นกับหยดที่น้ำที่เกาะไหลไปตามลำตัวยิ่งชวนให้รู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ในช่วงเวลาอันสั้นนั้น พวกเขาทั้งคู่ได้กลายเป็นบุรุษกับสตรีคนหนึ่งในชั่วขณะ
บีพาอันลืมเลือนคำที่จะพูดไปครู่หนึ่ง เขาเอาแต่จดจ่อไปที่กโยซึลที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว บีพาอันยื่นมือออกไป ฝ่ามือใหญ่และปลายนิ้วเรียวยาวกำลังยื่นไปหากโยซึล
ตูม!
มือของกโยซึลแหวกว่ายตะเกียกตะกายจนทำให้บ่อน้ำที่เคยเงียบสงบเกิดเสียงอลหม่าน กลิ่นกายหอมหวานที่กระตุ้นจมูกก็พลอยมลายหายไป ไอน้ำที่ลอยตัวแน่นขนัดเรียกสติที่เลือนลางกลับมา สายน้ำที่สาดเทเข้ามาก็ทำให้เขาได้สติในทันที น้ำเปียกไปทั่วทั้งใบหน้า อีกทั้งที่แก้มยังรู้สึกแสบร้อน
บีพาอันหดมือกลับเข้ามา
“ข ขออภัยเพคะ”
กโยซึลลนลานลุกขึ้นตรงไปหาบีพาอัน แล้วดึงแขนเสื้อของตนไปเช็ดที่ใบหน้าของเขา ดูท่าแล้วนางคงตั้งใจจะเช็ดน้ำที่ใบหน้าให้ ทว่าผ้าที่เปียกชุ่มนั้นไม่สามารถดูดซับน้ำได้เลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่จะทำให้เปียกมากขึ้น
“ดูเหมือนว่าแขนเสื้อจะเปียก เช็ดไม่ได้”
บีพาอันหายใจเข้าเก็บเสียงหัวเราะที่แทบจะปะทุออกมา แล้วเอ่ยบอกนาง ที่จริงแล้วเขาอยากจะปล่อยให้นางเช็ดอยู่อย่างนั้น ทว่าตนเกรงว่าสัมผัสที่ถูไถอยู่บนใบหน้านี้จะทำให้สติเลือนลางไปอีกครั้ง
“ม หม่อมฉันทำพลาดอีกแล้ว ขออภัยเพคะ”
“วันนี้ได้ยินคำว่าขออภัยจากชายาเยอะเหลือเกิน”
“ข ขออภัย…” กโยซึลยังอึดอัดกับเขาเช่นเดิม บีพาอันรู้สึกหมดเรี่ยวแรง
“ดูท่าแล้วเราควรจะออกไปจากที่นี่สินะ เราคงจะทำให้ชายาตกใจ”
“เรื่องนั้น…” กโยซึลลังเลไม่กล้าตอบ
“…ไม่ปฏิเสธสินะ”
สายตาของบีพาอันเลื่อนผ่านกโยซึลไป เขาหันหลังแล้วหยิบเสื้อตัวนอกที่เปียกชื้นขึ้นมา
“คราวนี้ก็เชิญอาบน้ำให้สบาย”
“ฝ ฝ่าพระบาท”
บีพาอันหมายจะออกไปจากบ่อน้ำกลางแจ้ง แต่กโยซึลกลับเรียกเขาเอาไว้ บีพาอันหยุดนิ่งก่อนที่ไอน้ำจะเข้าปกคลุมร่างของเขา
“ที่ตรัสว่ามีเรื่องจะพูด ไม่ทราบว่าเรื่องอันใดหรือเพคะ” กโยซึลเอ่ยถามเรื่องบีพาอันพูดขึ้นมาก่อนหน้าอีกครั้ง
ใจเขาสั่นไหว ทุกครั้งที่นางผู้ที่เอาแต่เมินเฉยต่อกันให้ความสนใจเขาเช่นนี้ บีพาอันอยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเหลือเกิน เขาตอบนางไปโดยที่ไม่หันกลับมามองด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย
“อ้อ เป็นเรื่องไม่สำคัญที่ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเสียซ้ำ แต่เห็นว่าชายามาที่นี่ก็เลยคิดว่าบอกไว้ก็คงจะดี พรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับพระราชวังหลวง”
อีกครั้ง บีพาอันวิ่งหนีอย่างโง่เขลาอีกครั้ง
วันถัดมา บีพาอันตื่นมาเตรียมการตั้งแต่เช้า เสลี่ยงที่นั่งตอนขามานั้นเขาทิ้งไว้ให้กโยซึลนั่งตอนขากลับ ส่วนตัวเขานั้นจะขี่มากลับไป
“ฝ่าพระบาท”
บีพาอันได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงของคนร่วมขบวน ใบหน้าของบีพาอันฉายแววสงสัยออกมา เมื่อเขาหันกลับไปก็เห็นกโยซึลยืนอยู่ นางที่แต่งกายอย่างงดงามยืนก้มหน้าลงอย่างเรียบร้อย
“เดินทางกลับพระราชวังหลวงอย่างปลอดภัยนะเพคะ”
“ออกมาส่งเราหรือ” น้ำเสียงของบีพาอันสั่นเล็กน้อย กลับเป็นกโยซึลที่พยักหน้ารับอย่างนิ่งๆ แทน
“ในฐานะชายาเอก เหม่อมฉันต้องมาลาฝ่าพระบาทที่ต้องเดินทางไกลอยู่แล้วเพคะ”
“…ไม่เลวเลยทีเดียว”
สายตาของบีพากันและกโยซึลประสานกันชั่วครู จากนั้นเป็นเป็นบีพาอันที่หันกลับไปก่อนเช่นเคย
“แล้วพบกันที่พระราชวังหลวงเพคะ ตอนที่กลับถึงพระราชวังหม่อมฉันจะไปเข้าเฝ้าพระองค์อีกที”
“พักผ่อนเท่าที่ต้องการแล้วค่อยกลับไปเถิด”
“…เพคะ” เสียงของกโยซึลที่ใช้ตอบเรียบเชียบราวกับสายลมพัดผ่าน
ริมฝีปากของบีพาอันที่มุ่งหน้าออกจากตำหนักกงรีมกปรากฏรอยยิ้มขึ้น มันเป็นยิ้มเบาๆ เหมือนกับคำลาของกโยซึล
“ไม่คิดเลยว่าเราจะได้มาที่ตำหนักนอกกับนาง”
ช่วงเวลาที่จะเรียกว่าได้ร่วมเล่นสาดน้ำใส่กันก็คงใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ที่บ่อน้ำผุแห่งนั้นผุดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัว คืนสุดท้ายที่ตำหนักกงรีมกนั้นเป็นดั่งของขวัญ