ตอนที่ 1919 มหกรรมตบหน้า (11)
หรงรั่วยกมือขึ้นห้ามเฟยเหยียน นางยืนตัวตรงหันหลังให้เฟยเหยียน เสียงที่ปกติจะอ่อนโยนอยู่ตลอดก็เปลี่ยนเป็นข่มกลั้นและเย็นชา
“ข้าทำเอง”
เฟยเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ถอยออกมา
บางอย่างคนอื่นก็ไม่สามารถทำแทนได้
หรงรั่วมองประมุขวิหารจิตหวนคืน แล้วหยิบยาออกมาจากเอว เมื่อพวกเฉียวฉู่เห็นยา แววตาของพวกเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย ภาพเหตุการณ์ก่อนที่พวกเขาจะมายังที่ประชุมพลันปรากฏขึ้นในใจ
ก่อนที่จวินอู๋เสียจะมายังที่ประชุม นางได้เรียกรวมตัวพวกเฉียวฉู่และให้ยากับพวกเขาทุกคน
ยาแปลงวิญญาณ!
ยาที่สามารถยกระดับพลังวิญญาณขึ้นไปสู่อีกระดับหนึ่งได้ในชั่วพริบตา แม้ว่าผลของยาจะทรงพลังอย่างมาก ทำให้ผู้ที่กินได้รับพลังที่ไม่เคยมีมาก่อนในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผลที่น่าทึ่งเหล่านั้นก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่หนักหนาสาหัสทีเดียว
ใครก็ตามที่กินยานี้เข้าไป พลังวิญญาณของพวกเขาจะหายไปตลอดทั้งปี ในหนึ่งปีนั้นร่างกายของคนผู้นั้นจะตกอยู่ในสภาพอ่อนแออย่างที่สุด อ่อนแอยิ่งกว่าคนธรรมดาซะอีก ถูกกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก็อาจถึงตายได้
นั่นเป็นเพียงผลข้างเคียงที่จวินอู๋เสียรู้ในตอนนี้ ความเสียหายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่กินยาเข้าไปยังไม่ทราบ
ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่เกือบจะพิการไปตลอดหนึ่งปีเต็มเพื่อแลกกับพลังที่ไม่มีใครเทียบได้เพียงชั่วขณะ ถ้าไม่สามารถจบการต่อสู้ได้ก่อนที่ฤทธิ์ยาจะหมดล่ะก็ จุดจบเดียวที่ผู้ใช้ยาจะได้พบก็คือความตายอย่างแน่นอน!
ตอนที่จวินอู๋เสียเอายาแปลงวิญญาณให้พวกเขา นางได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่าพวกเขาต้องไม่ใช้ยานี้จนกว่าจะถึงช่วงวิกฤตที่สุด ไม่เช่นนั้น เมื่อกินเข้าไปแล้ว แม้แต่นางก็ไม่มีทางย้อนกลับผลข้างเคียงของมันได้!
เมื่อพวกเฉียวฉู่เห็นหรงรั่วเอายาแปลงวิญญาณออกมา พวกเขาก็รู้ว่าภายใต้ฉากหน้าที่ดูเหมือนสงบนิ่งของหรงรั่วนั้น ความเกลียดชังที่แผดเผาสวรรค์กำลังจะระเบิดออกมา
นางพร้อมที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่างที่นางมี ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะต่อสู้กับประมุขวิหารจิตหวนคืนจนกว่าจะตายกันไปข้าง!
นางจะต้องแก้แค้นให้คนทั้งตระกูลของนางในวันนี้ด้วยมือของนางเอง!
เฉียวฉู่และคนอื่นสบตากัน แล้วหยิบยาแปลงวิญญาณของตนออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน
เมื่อมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญเช่นนี้ พวกเขาได้ตัดทางออกของตัวเองไปหมดแล้ว!
เฟยเหยียน หรงรั่ว เฉียวฉู่ ฮัวเหยา และฟ่านจั๋วกินยาแปลงวิญญาณเข้าไปพร้อมกัน!
ประมุขวิหารจิตหวนคืนยังคงมองหรงรั่วอย่างดูถูก เมื่อเขาเห็นพวกหรงรั่วกินยาเข้าไป เขาก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“กินยาอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกน่า พลังวิญญาณสีม่วงก็ยังเป็นพลังวิญญาณสีม่วง จะสู้กับพลังวิญญาณสีเงินได้อย่างไร?” ประมุขวิหารจิตหวนคืนเย้ยหยัน
ประมุขวิหารมังกรตั้งสติได้แล้ว เขามองบาดแผลที่แขน จากนั้นก็จับได้ว่าแม้ว่าเฟยเหยียนจะดูสบายดี แต่เขามั่นใจว่าเขาทำให้เฟยเหยียนได้รับบาดเจ็บภายในแล้ว แต่เนื่องจากเฟยเหยียนมาจากเผ่าลิงยักษ์ ร่างกายของเขาจึงทนทานกว่าคนส่วนใหญ่ นั่นคือเหตุผลที่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย
“แสร้งทำเป็นลึกลับซับซ้อน ข้าอยากจะเห็นจริงๆว่าพวกเจ้าจะทำอะไรได้” ประมุขวิหารมังกรกล่าวพร้อมกับหรี่ตา
จวินอู๋เสียมองดูใบหน้าที่น่ารังเกียจของเหล่าประมุขสิบสองวิหารอย่างเงียบๆ ก่อนจะหันไปมองพวกเฉียวฉู่
ในตอนที่นางหันไปมองพวกเฉียวฉู่นั้นเอง แสงพลังวิญญาณสีม่วงที่ล้อมรอบร่างกายของพวกเขาก็ขยายออกด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ความหนาแน่นของพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
พลังวิญญาณสีม่วงขั้นสาม!
พลังวิญญาณสีม่วงขั้นสี่!
พลังวิญญาณสีเงิน!!
ตอนที่ 1920 มหกรรมตบหน้า (12)
เมื่อแสงสีม่วงถูกปกคลุมด้วยแสงสีเงิน ทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมก็ตาเบิกกว้างทันที สีหน้าเยาะเย้ยดูแคลนก็หายไปภายใต้แสงสีเงินที่ส่องสว่างเจิดจ้า แทนที่ด้วยความตกใจขีดสุด!
“เป็นไปได้ยังไง……จากพลังวิญญาณสีม่วงเป็นพลังวิญญาณสีเงิน……มันเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ได้ยังไง……” ประมุขวิหารมังกรมองเฟยเหยียนที่ร่างปกคลุมด้วยแสงสีเงินเจิดจ้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาฉายแววประหลาดใจออกมาอย่างชัดเจน
การบรรลุขั้นพลังวิญญาณสีม่วงนับว่ายากมากแล้ว การขึ้นจากพลังวิญญาณสีม่วงไปพลังวิญญาณสีเงินยิ่งยากกว่า อย่าว่าแต่การได้เห็นมันเกิดขึ้นในเวลาแค่นาทีเดียวเลย ต่อให้มีเวลาเป็นร้อยปี ในกลุ่มอัจฉริยะยังมีแค่ไม่กี่คนที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตนั้นได้
แต่ตอนนี้ตรงหน้าพวกเขา ผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วงห้าคนได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณสีเงินจริงๆ แสงของพลังวิญญาณสีเงินเปลี่ยนจากอ่อนไปเข้ม และยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด!
แม้แต่ประมุขสิบสองวิหารที่มีประสบการณ์และความรู้มากมายก็ยังตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้
“ใต้หล้านี้ มียามหัศจรรย์ที่ทำให้ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงทะลวงเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณสีเงินได้ในทันทีจริงๆหรือนี่? นี่มันยาอะไรกัน?” ประมุขวิหารเสวียนเทียนอ้าปากค้างมองสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา มันผิดหลักเหตุผลอย่างสิ้นเชิง พูดได้แค่ว่ามันคือปาฏิหาริย์ที่ทำลายความเชื่อมั่นที่เคยมีอยู่ในใจของพวกเขาลงในพริบตา!
แสงพลังวิญญาณสีเงินบนร่างของพวกเฟยเหยียนหยุดลงเมื่อมันขึ้นถึงขั้นที่สองของพลังวิญญาณสีเงิน แสงพลังวิญญาณที่พลุ่งพล่านครอบคลุมร่างของพวกเขาทุกคน มันสว่างเจิดจ้าจนไม่สามารถมองตรงๆได้
“เอาล่ะ เราเริ่มกันได้แล้ว” เฟยเหยียนเงยหน้าขึ้น เจตนาฆ่าเดือดพล่านอยู่ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่ง สายตาที่คมกริบราวใบมีดของเขาสบเข้ากับสายตาตกตะลึงของประมุขวิหารมังกร
ทันทีที่สิ้นเสียงของเฟยเหยียน ร่างสีเงินทั้งห้าก็กลายเป็นสายฟ้าพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ที่แต่ละคนอยากจะแก้แค้น!
ประมุขวิหารปีศาจเพลิง ประมุขวิหารมังกร ประมุขวิหารจิตหวนคืน ประมุขวิหารเสวียนเทียน และประมุขวิหารจื่อเหลยพบว่าตัวเองถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง พลังวิญญาณจากร่างของพวกเขาปะทะเข้ากับแสงจากพลังวิญญาณของพวกเฉียวฉู่ทันที แรงจากการปะทะที่รุนแรงทำให้ทั้งสถานที่จัดประชุมสั่นสะเทือน!
มันกลายเป็นการต่อสู้ที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าร่วมได้
ศึกตัดสินระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณสีเงินกับผู้ใช้พลังวิญญาณสีเงิน อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่เหนือกว่าทุกระดับ!
ผ่านไปแค่สิบวินาที ทั้งหลังคาและกำแพงของที่จัดการประชุมก็เต็มไปด้วยรอยแตกรอยร้าว เศษที่แตกร่วงกราวลงมาจากด้านบน ภายในหมอกฝุ่นที่ฟุ้งกระจายขึ้นมา แสงสีเงินวูบวาบไปมาดูราวกับสายฟ้าสีเงินที่ซ่อนอยู่ในหมอก รวดเร็วจนไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน!
จวินอู๋เสียยืนอยู่ที่ทางเข้าห้องจัดประชุม ดวงตาเย็นชามองร่างที่รวดเร็วราวสายฟ้าทั้งหลายที่ต่อสู้กันอยู่ ด้วยระดับพลังของนาง นางจึงไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณสีเงินอย่างชัดเจนได้!
เสียงปะทะกันดังขึ้น เพดานครึ่งหนึ่งถล่มลงมาจากแรงกระแทกอย่างต่อเนื่อง มันร่วงลงบนโต๊ะยาวในห้องโถง ฝุ่นก้อนโตฟุ้งกระจายขึ้นมา!
“ที่นี่อยู่ไม่ได้แล้ว! มันจะพังแล้ว!” ไม่รู้ว่าประมุขคนไหนตะโกนขึ้นมา ทุกคนที่ยืนดูการต่อสู้อยู่ในห้องก็เรียกพลังวิญญาณของตนออกมาและพุ่งออกไปนอกห้องโถงอย่างรวดเร็ว!
ทันทีที่พวกเขาพุ่งออกไป สถานที่จัดประชุมทั้งหมดก็ถล่มลงมา แสงสีเงินยังคงปะทะกันและเคลื่อนไหววูบวาบตัดกันไปมาอย่างต่อเนื่องภายใต้ความโกลาหลและฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย เสียงระเบิดที่ดังขึ้นนั้นเพียงพอจะทำให้แก้วหูแตกได้เลย คลื่นพลังวิญญาณที่แผ่ขยายออกไปจากการต่อสู้ทำให้แผ่นหินแตกร้าวกลายเป็นเศษหินที่ถูกบดขยี้ลงทีละนิ้ว!
ประมุขของวิหารต่างๆที่หลบออกจากที่ประชุมยังคงดูสับสน พวกเขายังคงมองพวกเฉียวฉู่ที่กำลังต่อสู้อยู่ด้วยสีหน้าตกตะลึง
ตอนที่ 1921 มหกรรมตบหน้า (13)
ผู้เยาว์พวกนี้สามารถยืนหยัดต่อสู้กับประมุขวิหารปีศาจเพลิงและคนอื่นๆได้!
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
แม้ว่าพลังของพวกเฉียวฉู่จะพุ่งขึ้นไปถึงขั้นที่สองของพลังวิญญาณสีเงินด้วยความเร็วที่น่าตกใจอย่างมาก แต่พวกประมุขวิหารมังกรบรรลุพลังวิญญาณสีเงินขั้นที่สามมานานแล้ว บางคนในหมู่พวกเขา เช่น ประมุขวิหารปีศาจเพลิง ก็บรรลุพลังวิญญาณสีเงินขั้นสี่แล้ว เขาเป็นคนที่ใกล้เคียงกับพลังวิญญาณสีทองมากที่สุดในสิบสองวิหาร!
เหนือพลังวิญญาณสีเงิน ช่องว่างระหว่างขั้นทุกขั้นเป็นเหมือนอ่าวที่กว้างใหญ่ แม้ว่าการฆ่าในทันทีจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังคงได้เปรียบอย่างท่วมท้น
แต่หลังจากการต่อสู้ดำเนินไปแม้ว่าจะไม่กี่นาที พวกเฉียวฉู่ก็ไม่เสียเปรียบเลยสักนิด กลับสู้กับพวกของประมุขวิหารปีศาจเพลิงได้อย่างสูสี!
สิ่งที่คิดไม่ถึงกำลังเกิดขึ้นทีละคน ประมุขจากวิหารต่างๆมีสีหน้าตกตะลึง หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน พวกเขารู้สึกว่าไม่สามารถเข้าใจทั้งหมดนั้นได้
ระหว่างการต่อสู้ ประมุขวิหารปีศาจเพลิงกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง เมื่อคิดว่าอันดับหนึ่งของสิบสองวิหารถูกผลักดันให้สู้อย่างสูสีกับเด็กวัยรุ่นที่ยืมพลังมาจากยาหนึ่งเม็ดแล้ว นั่นเป็นความอัปยศอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ!
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงอยากล้มคู่ต่อสู้ของเขาด้วยการโจมตีครั้งเดียวนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าถุงมือสีแดงเพลิงคู่หนึ่งซึ่งจู่ๆก็ปรากฏขึ้นบนหมัดของเฉียวฉู่นั้นแข็งเกร่งมากผิดธรรมดา ทันทีที่หมัดของประมุขวิหารปีศาจเพลิงปะทะกับหมัดของคู่ต่อสู้ ความร้อนรุนแรงและความแข็งราวกับเพชรทำให้เขาตระหนักถึงพลังของถุงมือคู่นั้น
“ที่มือเจ้ามันคืออะไร?” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงหรี่ตามองเฉียวฉู่ และถามเสียงดังทันทีที่พวกเขาผละออกจากกัน
มุมปากของเฉียวฉู่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม หมัดของเขากลายเป็นมังกรเพลิงสองตัวพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ทิ้งร่องรอยเปลวไฟสีแดงที่ลุกโชนในอากาศเป็นทางด้านหลังเขา
“อะไร? เจ้าจำสมบัติวิเศษสัญลักษณ์ของวิหารปีศาจเพลิงไม่ได้หรือ?” เสียงของเฉียวฉู่ดังเข้าหูของประมุขวิหารปีศาจเพลิง
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงเกือบหลบการโจมตีของเฉียวฉู่ไม่ทัน เขาหมุนเท้าถอยหลังไปสองสามก้าว สีหน้ายังไม่หายตกใจ มันแค่ถากไหล่ของเขาไปนิดเดียวเท่านั้น ไฟอันร้อนระอุบนถุงมือคู่นั้นก็เผาเสื้อเขา และทิ้งบาดแผลไหม้สีแดงปวดแสบปวดร้อนไว้บนไหล่ของเขา!
หากหมัดนั้นโดนตัวเขาตรงๆ ผลลัพธ์คงเลวร้ายจนไม่กล้าคิดทีเดียว
แต่สิ่งที่ทำให้ประมุขวิหารปีศาจเพลิงตกใจยิ่งกว่าคือคำพูดของเฉียวฉู่
สมบัติวิเศษสัญลักษณ์ของวิหารปีศาจเพลิงงั้นหรือ?
เขายังจำได้อย่างเลือนลางเมื่อตอนที่จักรพรรดิแห่งความมืดรวมอาณาจักรกลางให้เป็นหนึ่งเดียว สมบัติทั้งหมดที่สิบสองวิหาร, เก้าอาราม, และสี่ดินแดนถือครองเอาไว้ ถูกราชอาณาจักรแห่งความมืดยึดไป ในบรรดาสมบัติเหล่านั้นมีสมบัติที่เป็นสัญลักษณ์ของวิหารต่างๆด้วย สมบัติวิเศษที่เป็นสัญลักษณ์ของวิหารปีศาจเพลิงก็คือถุงมือมังกรเพลิง ว่ากันว่ามันถูกหลอมมาจากเกล็ดมังกรเพลิงซึ่งเป็นสัตว์เทพโบราณ ถุงมือมังกรเพลิงสืบทอดคุณสมบัติไฟของมังกรเพลิง มันมีพลังไฟที่ร้อนแรง ไฟนั้นไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำธรรมดา และสามารถเผาสิ่งที่แข็งที่สุดในโลกได้ กล่าวกันว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถต้านทานเปลวไฟของมังกรเพลิงได้
ถุงมือมังกรเพลิงคู่นั้นถูกจักรพรรดิแห่งความมืดซึ่งครองบัลลังก์ราชอาณาจักรแห่งความมืดยึดไป จนกระทั่งจักรพรรดิแห่งความมืดสิ้นลง มันก็ถูกฝังในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดพร้อมกับสมบัติจำนวนมหาศาลเพื่อติดตามจักรพรรดิแห่งความมืดสู่การหลับชั่วนิรันดร์
ตอนที่ประมุขวิหารปีศาจเพลิงเกิด จักรพรรดิแห่งความมืดได้สิ้นไปนานแล้ว เขาไม่เคยเห็นถุงมือมังกรเพลิงของวิหารปีศาจเพลิงมาก่อน จนกระทั่งเฉียวฉู่เอ่ยเตือน บวกกับพลังของถุงมือคู่นั้น ประมุขวิหารปีศาจเพลิงถึงได้รู้!
“ถุงมือมังกรเพลิงมาอยู่ในมือเจ้าได้อย่างไร!” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงสะดุ้งทันที สิ่งนี้ควรจะอยู่ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดไม่ใช่หรือ?