ตอนที่ 1922 มหกรรมตบหน้า (14)
“รอเจ้าตายแล้วข้าจะบอก” เจตนาฆ่ารุนแรงส่องประกายอยู่ในดวงตาของเฉียวฉู่ ร่างเขาลอยขึ้นไปในอากาศ หมัดทั้งสองข้างชนกัน เปลวไฟร้อนระอุลุกโชนขึ้นระหว่างหมัดของเขา ทันใดนั้นเขาก็พุ่งลงมา หมัดของเขากระแทกลงบนพื้น เปลวไฟที่โหมกระหน่ำสร้างรอยแยกขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาประมุขวิหารปีศาจเพลิงราวกับมังกรเพลิงตัวมหึมากำลังจู่โจมเข้าใส่ประมุขวิหารปีศาจเพลิงพร้อมเสียงคำรามดังก้อง!
ความร้อนแผดเผาที่พุ่งตรงมาบังคับให้ประมุขวิหารปีศาจเพลิงต้องดึงพลังวิญญาณของเขามาเป็นโล่ล้อมรอบตัวเอง พยายามสกัดกั้นไฟของมังกรเพลิง ถึงกระนั้น เสื้อผ้าหรูหราบนร่างเขาก็ถูกเผาจนไหม้กลายเป็นเศษผ้าขาดรุ่งริ่ง!
“รสชาติเป็นยังไงบ้างล่ะ? ประมุขวิหารปีศาจเพลิงถูกสมบัติวิเศษของวิหารตัวเองทำร้าย รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ! แต่ยังไม่จบหรอก เจ้าจะต้องลิ้มรสมันอย่างช้าๆ!!” เฉียวฉู่ยิ้มอย่างน่ากลัว ไฟแค้นลุกโชนอยู่ในดวงตาของเขา
ตอนแรกที่จวินอู๋เหยายื่นถุงมือมังกรเพลิงคู่นี้มาให้เขา เขาก็สงสัยเล็กน้อย แต่เมื่อได้ฟังต้นกำเนิดของถุงมือมังกรเพลิงจากปากของเย่ฉา เขาก็ไม่อาจรู้สึกขอบคุณจวินอู๋เหยาได้มากไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับสิ่งที่เขาจัดเตรียมให้
ไม่มีสิ่งใดที่เยาะเย้ยแดกดันได้มากไปกว่าการใช้สมบัติวิเศษของวิหารปีศาจเพลิงฆ่าประมุขวิหารปีศาจเพลิงอีกแล้ว!
หลังของประมุขวิหารปีศาจเพลิงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อขณะถูกย่างอยู่ในเปลวไฟร้อนแรง พลังวิญญาณของเขาหมดไปเร็วมาก เขาตกใจมากที่พบว่าความแข็งแกร่งของเขาอ่อนแอลงโดยไม่รู้ตัว จากจุดสูงสุดของพลังวิญญาณสีเงินขั้นสี่ลงมาเป็นพลังวิญญาณสีเงินขั้นสอง!
[ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?]
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงตกอยู่ในความหวาดกลัว มิน่าล่ะถึงได้สู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณสีเงินขั้นสองอย่างเฉียวฉู่ได้ลำบากนัก พลังวิญญาณในร่างของเขาเริ่มควบคุมไม่ได้มากขึ้น มันลดลงด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาหันไปมองประมุขวิหารมังกรที่สู้กับเฟยเหยียนและเห็นว่าประมุขวิหารมังกรก็เจอกับสถานการณ์แบบเดียวกับเขา ประมุขวิหารมังกรที่เคยอยู่จุดสูงสุดของพลังวิญญาณสีเงินขั้นสามต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับภายใต้การโจมตีที่ดุร้ายของเฟยเหยียนซึ่งมีพลังวิญญาณสีเงินแค่ขั้นสอง!
ความรู้สึกไม่สบายใจผุดขึ้นมาทันทีและแผ่กระจายไปในหัวใจของประมุขวิหารปีศาจเพลิง เขาหลบการโจมตีของเฉียวฉู่พร้อมกับชำเลืองมองไปที่ประมุขวิหารคนอื่นๆที่กำลังต่อสู้อยู่ แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อพบว่าทุกคนล้วนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา!
ไม่รู้ทำไม พลังของพวกเขาถึงลดลงอย่างกะทันหัน นี่คือสาเหตุที่พวกเขาทำได้แค่สู้เสมอกับพวกของเฉียวฉู่ตั้งแต่เริ่มต้น
ทันใดนั้น ประมุขวิหารปีศาจเพลิงก็ยิงพลังวิญญาณออกมาโดยไม่คาดคิดเพื่อผลักเฉียวฉู่กลับไป วินาทีที่ผละจากกันนั้นเอง สายตาของเขาก็หันไปมองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ด้านข้าง
จนกระทั่งออกจากที่ประชุมมาอยู่กลางแสงอาทิตย์นี่เอง เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าถุงหอมที่ห้อยอยู่ที่เอวของจวินอู๋เสียกำลังปล่อยควันสีเขียวจางๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ควันนั้นเบาบางมากจนเป็นไปไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นมันหากไม่ใช่เพราะแสงอาทิตย์
“เป็นเจ้า! เจ้าทำอะไรกับพวกเรา!” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงจ้องมองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
เสียงตะโกนของประมุขวิหารปีศาจเพลิงทำให้ประมุขคนอื่นๆที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้หันมามองจวินอู๋เสียกันทีละคน
ตั้งแต่ต้น พวกเขาต่างมองข้ามเด็กสาวผู้นิ่งเงียบโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการต่อสู้ในตอนนี้ดุเดือดเกินไป หรือเพราะพวกเขาไม่อยากจะคิดถึงปีศาจตัวน้อยที่เล่นตลกกับสิบสองวิหารในฝ่ามือของนาง
“อ้าว? รู้ตัวแล้วหรือ?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองประมุขวิหารปีศาจเพลิงที่หอบอย่างหนัก ก่อนจะดึงถุงหอมที่ดูธรรมดาๆอันนั้นออกมาจากเอว
ตอนที่ 1923 มหกรรมตบหน้า (15)
จวินอู๋เสียแกะเปิดถุงหอมออกมา ลูกบอลทองแดงลูกเล็กๆกลวงๆกำลังปล่อยควันสีเขียวจางๆออกมาอย่างต่อเนื่อง
ธูปสามเหลี่ยมที่ถูกเผาไปแล้วครึ่งหนึ่งหลุดออกมาจากลูกบอลทองแดงนั้น
“การต่อสู้ที่ทั้งสองฝ่ายมีพลังสูสีกันถึงจะน่าชม เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ?” จวินอู๋เสียหัวเราะเบาๆ
“นั่นมันอะไร……” ประมุขวิหารทั้งหลายพากันตื่นตระหนก
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงเกือบกระอักเลือดออกมา เขาฝืนกลืนเลือดที่พุ่งขึ้นมาในลำคอกลับลงไป แล้วกัดฟันพูดกับประมุขคนอื่นๆที่ดูการต่อสู้อยู่ด้านข้างว่า “พวกเจ้าปัญญาอ่อนหรือไง? จะยืนดูไปจนถึงเมื่อไร? ไอ้ของที่อยู่ในถุงหอมของนังนั่นกำลังสูบพลังวิญญาณของพวกเราออกไป เจ้าคิดว่าเป้าหมายของพวกมันแค่ฆ่าพวกเราไม่กี่คนจริงๆหรือ? คิดว่าพวกเจ้าจะหลบไปได้หรือไง? อย่าลืมซิ! นังนั่นมันฆ่าประมุขวิหารเงาจันทราไปแล้ว! ถ้าพวกเจ้ายังเก็บมือเก็บไม้ดูอยู่เฉยๆแบบนี้ หลังจากที่พวกเราแพ้ ต่อไปก็เป็นตาของพวกเจ้าแล้ว!”
เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดของประมุขวิหารปีศาจเพลิงดึงสติของประมุขวิหารอื่นๆกลับมาในทันที พวกเขาต่างอ้าปากค้างมองจวินอู๋เสียที่กำลังยิ้มกว้าง บนใบหน้าที่งดงามไร้ที่ตินั้น พวกเขามองไม่เห็นรอยยิ้มที่มาจากใจของนางเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกได้แค่เจตนาสังหารอันเย็นยะเยือก
สิ่งที่ประมุขวิหารปีศาจเพลิงพูดเป็นความจริงงั้นหรือ?
เป้าหมายของเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่แค่พวกประมุขวิหารปีศาจเพลิงเท่านั้น แต่รวมถึงวิหารอื่นๆที่เหลือด้วยงั้นหรือ?
“จวินอู๋เสีย……เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” ประมุขวิหารคลื่นมรกตรู้สึกสยดสยองกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น กระทั่งในความฝันเขาก็ยังไม่เคยคิดว่าพวกเขา เหล่าประมุขจากวิหารต่างๆ จะถูกผู้เยาว์กลุ่มหนึ่งเล่นงานจนถึงขั้นนี้ เขาไม่อยากยอมรับเลยว่าลึกๆในใจเขารู้สึกหวาดกลัวจวินอู๋เสีย
เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่มนุษย์!
นางเป็นปีศาจตัวจริง!
“ทำอะไรงั้นหรือ?” จวินอู๋เสียเอียงคอเล็กน้อย พร้อมกับยกมือขึ้นแตะที่ติ่งหูของตน
ที่ปลายนิ้วของนาง มีประกายสีเงินวาววับสะท้อนแสงอาทิตย์
ก่อนที่ประมุขวิหารคลื่นมรกตจะได้ตอบ แสงสีเงินก็พุ่งออกมาจากมือของจวินอู๋เสีย โจมตีเข้าใส่ร่างของประมุขวิหารคลื่นมรกต พริบตานั้นเถาวัลย์ขนาดเท่าแขนเด็กก็ปกคลุมร่างของประมุขวิหารคลื่นมรกตในทันที หนามแหลมที่ยาวเท่านิ้วก้อยตลอดแนวเถาวัลย์ทิ่มเข้าไปในเนื้อของประมุขวิหารคลื่นมรกต!
“อ๊ากกกกกกกก!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังแหวกอากาศ
ประมุขวิหารคลื่นมรกตกลายเป็นมนุษย์เลือดทันที ของเหลวสีแดงอุ่นๆไหลลงมาตามเถาวัลย์ที่พันอยู่รอบตัวเขาและหยดลงบนพื้น!
“ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้าทุกคนที่อยู่ที่นี่น่ะสิ” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเฉยเมย น้ำเสียงสงบนิ่งไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย ความเย็นชาในดวงตาคู่นั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางตั้งใจจะฆ่าอย่างไม่ต้องสงสัย
กลิ่นคาวเลือดโชยเข้าจมูกของทุกคน เลือดที่ไหลออกมาอยู่ใกล้กับพวกเขามาก
“พวกเจ้ายังจะยืนงงหาอะไรอยู่? ยังไม่รีบฆ่านังนั่นอีก!” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงตะโกนใส่พวกประมุขที่ยังยืนตะลึงอยู่ ขณะที่โดนเฉียวฉู่โจมตีไปด้วย
ประมุขวิหารพวกนั้นได้สติทันที พวกเขามองเด็กสาวที่มีรอยยิ้มเย็นชา ความหวาดกลัวในใจแผ่กระจายไปทั่วร่าง แต่เพื่อให้ตัวเองรอด พวกเขาจึงไม่สามารถยืนดูอยู่เฉยๆต่อไปได้!
ประมุขวิหารต่างๆเรียกพลังวิญญาณในร่างตนออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน พอเรียกใช้พลังพวกเขาถึงได้รู้ว่าพลังวิญญาณของตนหายไปมากโดยไม่รู้ตัว พลังของพวกเขาลดลงอย่างน้อยก็สองขั้นเต็มๆ!
“ฆ่านาง!” กู่อี้หรี่ตาและตะโกนเสียงต่ำ สิ้นเสียงตะโกนของเขา ประมุขทุกคนที่ยืนดูอยู่ด้านข้างก็พุ่งเข้าใส่จวินอู๋เสียทันที!
ทันใดนั้น ร่างสี่ร่างก็กระโจนออกมาจากด้านหลังของจวินอู๋เสีย และเข้าปะทะกับประมุขวิหารต่างๆที่พุ่งทะยานเข้ามา!
ตอนที่ 1924 มหกรรมตบหน้า (16)
ประมุขวิหารคงฉาน วิหารฝูหัว วิหารแห่งชีวิต และวิหารจิงหงถูกหยุดเอาไว้ได้!
“คิดจะแตะคุณหนูของเรา ผ่านพวกเราไปให้ได้ก่อนเถอะ” เย่ฉากล่าวอย่างเย็นชาขณะหยุดยั้งประมุขวิหารจิงหงเอาไว้
“มดปลวกเช่นนี้คิดทำร้ายคุณหนูของเรางั้นหรือ? ไอ้พวกขี้แพ้” เย่กูขยับคอ เสียงของเขาดังชัดเจน ดวงตาลุกวาว นับตั้งแต่ออกจากสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดมา ในที่สุดเขาก็จะได้ปลดปล่อยความกระหายเลือดที่ระงับเอาไว้ในใจซะที!
ประมุขวิหารคงฉานที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้น ในสายตาเขาคือคนที่ตายแล้ว!
“ไอ้พวกปัญญาอ่อน! กล้าก็เข้ามา! พ่อรอเตะตูดพวกเจ้าอยู่เว้ย!” บัวเมาขยี้ไหเหล้าเปล่าๆแตกละเอียดด้วยมือเดียว และมองประมุขวิหารฝูหัวอย่างหยิ่งผยอง
“จุ๊ๆ มีคนอยากรนหาที่ตาย พวกเราก็ต้องช่วยให้สมหวังอยู่แล้ว” อิงซู่เอามือข้างหนึ่งประคองศอกอีกข้างไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จับที่หน้าผาก แสร้งทำเป็นมองประมุขวิหารแห่งชีวิตที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ทั้งสี่คนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ประมุขวิหารทั้งสี่ตกใจมาก พวกเขาไม่สังเกตเห็นการมาของคนพวกนี้ได้อย่างไร?
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ในบรรดาสี่คนนี้มีสองคนที่เป็นภูติประจำตัว! แถมยังเป็นภูติพฤกษาอีกด้วย!
“กรร!” เสียงคำรามดังก้องสะเทือนถึงสวรรค์
เงาดำขนาดใหญ่ยืนขวางระหว่างจวินอู๋เสียและกู่อี้!
สัตว์อสูรสีดำที่ดุร้ายแยกเขี้ยวกางกรงเล็บใส่กู่อี้!
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ต้องฆ่ามันให้หมด” กู่อี้รู้สึกไม่สบายใจ พลังวิญญาณของพวกเขาหายไปมาก ดูจากสถานการณ์วันนี้ จวินอู๋เสียคงจะเตรียมตัวมาอย่างดี!
ครั้งนี้คงจัดการได้ไม่ง่าย!
ทุกคนเข้าปะทะกันทันที การต่อสู้ที่รุนแรงเริ่มต้นขึ้น!
กู่อี้มองออกว่าผู้นำของคนกลุ่มนี้ก็คือจวินอู๋เสีย!
จับโจรต้องจับหัวหน้า กู่อี้จึงพุ่งเข้าใส่จวินอู๋เสียเพื่อที่จะสังหารทันที!
สัตว์อสูรสีดำกระโจนเข้าใส่กู่อี้ จวินอู๋เสียฉวยโอกาสนี้ดึงเอาหน้ากากภูติไม้ที่พันอยู่รอบตัวประมุขวิหารคลื่นมรกตออก เมื่อไม่มีเถาวัลย์คอยพยุง ประมุขวิหารคลื่นมรกตที่ถูกแทงจนพรุนไปทั้งร่างก็ล้มลงบนกองเลือดของตัวเอง แน่นิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อย!
เมื่อหน้ากากภูติไม้กลับมาอยู่ในมือของจวินอู๋เสีย นางก็สะบัดเอาเลือดออกก่อนจะสวมมันลงบนใบหน้า เถาวัลย์นับไม่ถ้วนยื่นออกจากหน้ากากและคลุมร่างของจวินอู๋เสียตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากคลุมจนมิดแล้ว แสงสีเงินก็เปล่งประกายออกมาจากเถาวัลย์ เมื่อแสงจางหายไป เถาวัลย์ที่พันรอบร่างของจวินอู๋เสียก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แทนที่ด้วยชุดเกราะสีเงินวาววับ!
ชุดเกราะที่เปล่งประกายสีเงินห่อหุ้มจวินอู๋เสียไว้ภายใน สิ่งเดียวที่มองเห็นได้ก็คือดวงตาที่ดูน่ากลัวคู่นั้น
กู่อี้ตกใจ แต่เขาไม่มีเวลาคิด ได้แต่เรียกภูติประจำตัวของตัวเองออกมา!
มันเป็นภูติประเภทเสือขนาดใหญ่ที่มีเขี้ยวยาวแหลมคมคู่หนึ่ง ตัวของมันใหญ่กว่าช้างที่โตเต็มที่ถึงสองเท่า!
เสือขนาดมหึมาส่งเสียงคำรามสะเทือนสวรรค์ และพุ่งตรงไปที่สัตว์อสูรสีดำที่ขวางทางกู่อี้อยู่เพื่อจะทำให้มันกระเด็นออกไป สัตว์ทั้งสองต่อสู้พัวพันกัน เสียงคำรามดังไม่หยุด!
กู่อี้ไม่กล้ารีรอชักช้า พุ่งตรงเข้าหาจวินอู๋เสียทันที!
แต่จวินอู๋เสียที่สวมเกราะภูติไม้อยู่นั้น ความเร็วที่เพิ่มขึ้นของนางไม่ใช่แค่หนึ่งระดับ!
พลังของหน้ากากภูติไม้ไม่ใช่สิ่งที่ของวิเศษทั่วๆไปสามารถเทียบเคียงได้ มันสามารถแปรเปลี่ยนได้พันรูปแบบ และทุกรูปแบบนั้นจะเพิ่มความสามารถให้กับผู้ใช้อย่างมากมาย!
แสงพลังวิญญาณในมือกู่อี้เปลี่ยนเป็นกระบี่แสง เขาฟันกระบี่เข้าใส่จวินอู๋เสีย ทิ้งรอยแสงไว้เป็นทาง!