ตอนที่ 1925 มหกรรมตบหน้า (17)
เถาวัลย์หลายเส้นงอกออกมาจากรองเท้าเกราะของจวินอู๋เสีย เถาวัลย์สานเข้าด้วยกันเป็นรูปปีกอย่างรวดเร็ว แสงสีเงินส่องสว่าง ปีกสองข้างปรากฏขึ้นที่ข้อเท้าของจวินอู๋เสียทันที!
มันใช้เวลาแค่พริบตาเดียวเท่านั้น!
ร่างของจวินอู๋เสียหายไปต่อหน้าต่อตากู่อี้ ความเร็วไม่ด้อยไปกว่าผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงินเลย!
กู่อี้ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าจวินอู๋เสียจะมีความเร็วเหนือกว่าเขา
ความตั้งใจของกู่อี้ที่จะจัดการกับจวินอู๋เสียแทบแตกเป็นเสี่ยงๆในทันทีนั้น
การต่อสู้อันดุเดือดปะทุขึ้นที่ด้านนอกสถานที่จัดประชุม เสียงปะทะกันดังสนั่นจนแก้วหูแทบแตก
พวกเฉียวฉู่สามารถต่อสู้ได้อย่างสบาย ขณะที่เย่กูก็กำลังลงมือสังหารประมุขวิหารคงฉาน!
ประมุขวิหารคงฉานผู้ยิ่งใหญ่เมื่อเจอกับเย่กูก็ต้านทานได้ไม่เกินสามกระบวนท่า ก่อนที่ดาบในมือเย่กูจะตัดหัวของเขา!
พอเย่กูว่าง เขาก็หันไปช่วยบัวเมา
พลังของบัวเมาและอิงซู่ไม่เพียงพอจะต่อกรกับผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงิน ทั้งคู่แค่ใช้ความสามารถพิเศษของภูติสู้กับคู่ต่อสู้ของตนเท่านั้น ทุกวินาทีคือความเสี่ยงตายทั้งนั้น
การตายของประมุขวิหารคลื่นมรกตและประมุขวิหารคงฉาน สร้างความสั่นสะเทือนให้กับประมุขวิหารอื่นๆอย่างมาก พวกเขาไม่กล้าดูแคลนศัตรูอีกต่อไป และเรียกภูติประจำตัวของตนออกมาทันที!
พวกเฉียวฉู่ก็เรียกหมีหยินหยาง งูกระดูกสองหัว และภูติตัวอื่นๆออกมาเช่นกัน
พอมีภูติประจำตัวเข้าร่วมต่อสู้ด้วย การต่อสู้ก็ดุเดือดเข้มข้นขึ้นอีกระดับ!
เย่กูตั้งใจจะช่วยบัวเมาและอิงซู่ออกจากสถานการณ์คับขัน แต่ภูติประจำตัวก็กรูเข้ามาขัดขวางเขา เย่กูจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจัดการกับภูติประจำตัวพวกนี้ก่อน
พลังของผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพราตรีไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะหวังเทียบได้ ภูติประจำตัวที่ไม่อาจดูแคลนได้กลุ่มนี้ เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้าเย่กูก็กลายเป็นอ่อนแออย่างน่าประหลาดใจ!
พวกเขาถูกอัดจนย่ำแย่อย่างรวดเร็ว ไม่สามารถตอบโต้ได้เลยสักนิด!
ความกดดันของบัวเมาและอิงซู่ก็ลดลงอย่างมาก
“ไม่ต้องห่วงเรา ไปช่วยเย่ฉาเร็ว” บัวเมาฟาดฝ่ามือเข้าใส่ประมุขวิหารฝูหัวกระเด็นออกไป แล้วหันไปพูดกับเย่กู
เขาไม่ลืมภาพเหตุการณ์ที่เย่ฉาตายที่หุบเขาเมฆา แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่เคยพูดถึงมัน แต่ “การตาย” ของเย่ฉาเป็นสิ่งที่สะเทือนใจนางอย่างมาก
เย่กูเลิกคิ้ว มองบัวเมาด้วยสีหน้าขบขัน
“เจ้าบอกให้ข้าไปช่วยใครนะ?”
“ก็เย่……” บัวเมากำลังจะตะโกน ทันใดนั้นเขาก็เห็นประมุขวิหารจิงหงถูกกดลงกับพื้นและโดนกระหน่ำต่อยอย่างโหดร้าย บัวเมาถึงกับตะลึงทันที
“เขา……สู้ผู้อาวุโสไม่ได้ด้วยซ้ำ……” บัวเมายังจำได้อย่างชัดเจน คนที่ฆ่าเย่ฉาในตอนนั้นคือผู้อาวุโสของวิหารปีศาจเพลิง
แต่……ตอนนี้เย่ฉากำลังเผชิญหน้ากับระดับประมุขวิหารที่ทรงพลัง เขา……สู้ได้อย่างดุเดือดขนาดนี้ได้อย่างไร?
“เจ้าหนู อย่าดูถูกกองทัพราตรีของเราจะดีกว่า แม้ว่าเย่ฉาจะเทียบกับข้าไม่ได้ แต่เขาก็เป็นหนึ่งในนักรบที่ร้ายกาจที่สุดของกองทัพราตรี ข้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อตามหานายท่านเจว๋ เขาไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดพันปี พลังวิญญาณปีศาจของเขาหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว ยิ่งกว่านั้น ตอนที่เกิดเรื่องกับนายท่าน เขากับเย่เม่ยก็อยู่ข้างกายนายท่าน จึงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปด้วย ไม่ได้มีโอกาสรักษาตัวเองเลย เพราะงั้นไอ้ขยะนั่นถึงจัดการเขาได้ ไม่อย่างนั้นกะอีแค่ผู้อาวุโสของสิบสองวิหาร คิดหรือว่าจะฆ่านักรบที่ร้ายกาจของกองทัพราตรีข้าได้? ตลกแล้ว!” เย่กูกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
ในกองทัพราตรีไม่มีคนอ่อนแอแม้แต่คนเดียว ลากเอาใครก็ได้ออกมาหนึ่งคน ก็สามารถจัดการกับผู้อาวุโสของวิหารต่างๆได้ทั้งนั้น!
บัวเมาอ้าปากค้าง บังเอิญกับที่เย่ฉาได้โอกาสหายใจหายคอจากการต่อสู้และมองมาที่พวกเขา เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของบัวเมา เขาก็งงเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าให้อย่างสุภาพ ก่อนจะหันไประดมหมัดใส่ประมุขวิหารจิงหงต่อ
ตอนที่ 1926 มหกรรมตบหน้า (18)
เหล่าประมุขของสิบสองวิหารอยากจะร้องไห้ นับตั้งแต่ที่พวกเขาขึ้นเป็นประมุขวิหาร พวกเขาไม่เคยต้องตกอยู่ในความหวาดหวั่นเช่นนี้ ไม่เพียงถูกอุบายของผู้เยาว์กลุ่มหนึ่งเล่นงานเท่านั้น แต่พวกเขายังพ่ายแพ้ในการต่อสู้อีกด้วย พวกประมุขวิหารที่มักจะมองว่าตนเองสูงส่งกว่าใคร บัดนี้ถูกพวกจวินอู๋เสียตบหน้าอย่างแรง เป็นการตบหน้าที่รวดเร็วฉับพลัน เสียงดังกึกก้อง ฟาดเข้าที่หน้าพวกเขาเต็มๆจนมึนงงไปหมด
กู่อี้พยายามต่อสู้ในระยะประชิดกับจวินอู๋เสียนับครั้งไม่ถ้วน แต่ชุดเกราะสีเงินของนางทำให้เขาจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าจะดึงนางลงมาเลย แค่จะแตะตัวนางก็ยากมากๆแล้ว
เมื่อเห็นประมุขจากวิหารต่างๆต่อสู้อย่างยากลำบาก ประมุขวิหารคลื่นมรกตและวิหารคงฉานก็ถูกฆ่าไปทีละคน แม้แต่กู่อี้ที่ร้ายลึกก็นั่งไม่ติดแล้ว สายตาของเขาเริ่มมองไปที่ประตูใหญ่นอกกำแพงที่ล้อมรอบที่จัดประชุม
การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหารในวันนี้ อนุญาตให้เฉพาะประมุขวิหารเข้าร่วมเท่านั้น ศิษย์และผู้อาวุโสทุกคนต้องรออยู่ข้างนอก เขาแน่ใจว่าแค่เปิดประตูนั่น ศิษย์ของทุกวิหารที่รออยู่ข้างนอกจะรีบเข้ามาอย่างแน่นอน
เพราะประมุขทุกคนได้ออกคำสั่งเอาไว้อย่างเข้มงวดก่อนการประชุมจะเริ่มว่า ไม่ว่าพวกเขาจะได้ยินอะไรก็ห้ามบุกเข้ามา ตอนแรกพวกเขาคิดจะนั่งดูเฉยๆขณะที่วิหารอื่นทะเลาะกัน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นห่วงผูกมัดไม่ให้ศิษย์พวกนั้นเข้ามา
เขาต้องเปิดประตูนั่น!
กู่อี้หรี่ตาและขยับตำแหน่งของเขาอย่างระมัดระวังระหว่างการต่อสู้กับจวินอู๋เสีย ค่อยๆดึงการต่อสู้ไปที่ประตูใหญ่อย่างเงียบๆ
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองการกระทำของกู่อี้ ดวงตาของนางฉายแววเยาะเย้ย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดกู่อี้เลย
กู่อี้มองหาโอกาสที่เหมาะสมและแสร้งทำเป็นโจมตีใส่จวินอู๋เสีย จวินอู๋เสียหลบอย่างง่ายดาย กู่อี้อาศัยจังหวะนั้นพุ่งไปที่ประตู ฟาดฝ่ามือกระแทกประตูไม้หนาแตกเป็นเสี่ยง!
ด้านนอกประตู ผู้อาวุโสของวิหารต่างๆรวมตัวกันอยู่ที่นั่นแล้ว พวกเขานำศิษย์ทุกคนมายังที่ประชุมเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการตายเกิดขึ้นที่การประชุมและเพื่อปกป้องประมุขของตน พวกเขาได้ยินเสียงต่อสู้แล้ว แต่เมื่อไม่ได้รับคำสั่งจากประมุข และไม่รู้สถานการณ์ข้างใน จึงไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม!
ทันทีที่ประตูใหญ่ถูกทำลาย การต่อสู้ที่รุนแรงข้างในก็ปรากฏต่อสายตาของผู้อาวุโสทุกคน พวกเขาต่างจ้องมองอย่างไม่อยากจะเชื่อเมื่อเห็นการต่อสู้นองเลือดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เกิดอะไรขึ้นกันนี่?
“มีคนวางแผนฆ่าประมุขสิบสองวิหาร! พวกเจ้าไปช่วยเร็ว!” กู่อี้หอบอย่างหนัก รู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย ศิษย์จากวิหารต่างๆที่อยู่ในเมืองนี้มีจำนวนหลายหมื่นคน พวกจวินอู๋เสียที่มีคนอยู่น้อยนิดแค่นี้ ใช้จำนวนของศิษย์สิบสองวิหารย่อมเพียงพอที่จะบดขยี้พวกเขาได้!
“ท่านพ่อ!” กู่ซินเยียนที่ยืนรออยู่นอกประตูด้วยความวิตกกังวลอย่างมากเอ่ยปากเรียกเมื่อเห็นกู่อี้อยู่ในสภาพเช่นนี้ พอนางเห็นการต่อสู้ด้านใน นางก็สะดุ้งด้วยความตกใจ
เมื่อประตูทางเข้าที่ประชุมเปิดออก ประมุขวิหารต่างๆที่กำลังต่อสู้อย่างลำบากก็รู้สึกโล่งอกขึ้นทันทีเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยด้านนอกประตู ดูเหมือนพวกเขาจะมีความหวังแล้ว!
ไม่ว่าพวกผู้เยาว์กลุ่มนี้จะเก่งกาจหรือทรงพลังเพียงใด เมื่อตกอยู่ภายใต้การโจมตีของคนนับหมื่น เส้นทางเดียวที่เปิดให้พวกเขาก็คือความตายเท่านั้น!
“เจ้าหนู พวกเจ้าหนีไม่รอดแล้ว” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงโดนไฟเผาจนไหม้เกรียม การต่อสู้กับเฉียวฉู่นั้นขมขื่นเกินจะบรรยาย ตอนนี้เมื่อเขาเห็นศิษย์วิหารต่างๆมารวมตัวกัน เขาก็รู้สึกโล่งอกและหัวเราะออกมาทันที พร้อมกับมองเฉียวฉู่อย่างเยาะเย้ย
ตอนที่ 1927 มหกรรมตบหน้า (19)
เฉียวฉู่หัวเราะเย้ยหยันใส่เขา
“วางใจเถอะ ยังไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าไม่หนีไปไหนหรอก”
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงส่งเสียงฮึอย่างดูถูก มีกองทัพใหญ่มาเสริมเช่นนี้ เขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก
ในเวลาเพียงชั่วครู่ ผู้อาวุโสของวิหารต่างๆก็นำศิษย์บุกเข้าไป การต่อสู้ของทุกคนที่อยู่ตรงหน้าทำให้พวกเขาเย็นวาบไปทั้งตัว
คนเหล่านั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนพวกเขามองตามไม่ทัน มีเพียงช่วงที่หยุดแวบเดียวเท่านั้นที่พวกเขาพอจะมองเห็นได้รางๆ และสิ่งที่พวกเขาเห็นก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงไปทันที
คนที่กำลังสู้อยู่กับประมุขของพวกเขาก็คือศิษย์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในวิหารของพวกเขาไม่ใช่หรือ?
เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
พวกผู้อาวุโสของวิหารปีศาจเพลิงและวิหารอื่นๆพากันจ้องมองอย่างตกตะลึง พวกเฉียวฉู่มีพลังแค่ไหนพวกเขาย่อมรู้ดี แม้ว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์สูงมาก แต่เมื่อเทียบกับประมุขแล้ว ยังอีกห่างไกล
แล้วสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่นี่คืออะไร?
พวกเขาเห็นแสงสีเงินส่องประกายออกจากร่างของผู้เยาว์พวกนั้น แสงนั่นสว่างเจิดจ้าไม่ด้อยไปกว่าประมุขของพวกเขาเลย!
เด็กพวกนี้กลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณสีเงินตั้งแต่เมื่อไรกัน!!
ทุกคนต่างตะลึงงันและไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร
จวินอู๋เสียยืนสงบนิ่งท่ามกลางสายตาของทุกคน สายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจมองผ่านชุดเกราะภูติไม้ที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ของนางด้วยความตกใจและตื่นตะลึง
“จวินอู๋เสีย ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะได้ใจไปอีกนานแค่ไหน วันนี้เจ้ากับสหายของเจ้าจะต้องชดใช้อย่างสาสมกับสิ่งที่ทำเอาไว้!” กู่อี้หรี่ตา พยายามอดทนต่อความปั่นป่วนของพลังวิญญาณในร่าง และแสร้งทำเป็นพูดอย่างแข็งกร้าว
จวินอู๋เสียแค่มองกู่อี้นิ่งๆ แววตาเหมือนจะแฝงความเย้ยหยัน
กู่ซินเยียนเข้ามายืนข้างๆกู่อี้ ดวงตาของนางมองชุดเกราะสีเงินที่คลุมอยู่ทั้งร่าง มีเพียงดวงตาของคนผู้นั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น นางจึงไม่อาจเห็นใบหน้าหรือระบุเพศได้
แต่ไม่รู้ทำไม กู่ซินเยียนถึงรู้สึกว่านางรู้จักดวงตาคู่นั้นมาก่อน
“ชดใช้อย่างสาสม? ด้วยพวกเจ้าน่ะหรือ?” จวินอู๋เสียหัวเราะเบาๆ มองดูศิษย์ของวิหารต่างๆกรูกันเข้ามา นางไม่ต้องมองก็รู้แล้วว่าด้านนอกของกำแพงจะต้องถูกล้อมรอบไปด้วยคนของวิหารต่างๆอย่างแน่นหนา อีกไม่นานทุกคนที่อยู่ในเมืองก็คงจะมารวมตัวกันที่นี่
“เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เจ้ายังอวดดีได้อยู่อีกหรือ? เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับพวกเฉียวฉู่ยุยงให้เกิดความขัดแย้งในสิบสองวิหาร ฆ่าประมุขวิหารเงาจันทรา แอบอ้างปลอมตัวเข้ามาในการประชุมสุดยอดสิบสองวิหาร แล้วยังฆ่าประมุขวิหารคลื่นมรกตอย่างโหดเหี้ยม หนี้เลือดทั้งหมดนี้พวกเจ้าแต่ละคนจะต้องชดใช้” กู่อี้พูดอย่างเย็นชา
คำพูดของกู่อี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์จากวิหารต่างๆที่เพิ่งเข้ามาตกใจอย่างมาก พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดของกู่อี้เป็นความจริง
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสิบสองวิหารตลอดช่วงที่ผ่านมานี้ถูกสร้างขึ้นโดยคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี่น่ะหรือ?
คนผู้นี้ฆ่าประมุขวิหารเงาจันทราและประมุขวิหารคลื่นมรกตสองประมุขที่แข็งแกร่งมากไปแล้วจริงๆน่ะหรือ?
เมื่อได้ยินว่าประมุขของตนถูกจวินอู๋เสียฆ่าตาย เหล่าผู้อาวุโสของวิหารคลื่นมรกตก็โกรธเลือดขึ้นหน้าทันที ทุกคนอยากจะสับจวินอู๋เสียทั้งเป็นจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
จวินอู๋เสียมองดวงตาหลายคู่ที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าซึ่งจ้องมองมาที่นางอย่างสงบนิ่ง ดวงตาของนางไม่แสดงความวิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย นางแค่เดินช้าๆไปตรงกลางและลอยลงมาในท่านั่ง เถาวัลย์เส้นหนานับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากชุดเกราะสีเงิน เคลื่อนตัวไปตามการกระทำของนางอย่างไหลลื่น เถาวัลย์ถักทอกันกลายเป็นเก้าอี้ให้จวินอู๋เสียได้นั่งลงอย่างสง่างาม
ภาพแปลกๆนั้นทำให้ทุกคนต่างขนลุก
“โอ้? เช่นนั้นเจ้าก็มาลองดูว่าวันนี้จะเป็นเจ้าหรือข้ากันแน่ที่จะตาย” เมื่อสิ้นเสียงหยิ่งยโสของจวินอู๋เสีย นางก็ดีดนิ้วเสียงดัง!