ตอนที่ 1928 - 1930

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1928 มหกรรมตบหน้า (20)
  “โอ้? เช่นนั้นเจ้าก็มาลองดูว่าวันนี้จะเป็นเจ้าหรือข้ากันแน่ที่จะตาย” เมื่อสิ้นเสียงหยิ่งยโสของจวินอู๋เสีย นางก็ดีดนิ้วเสียงดัง!
  เสียงดีดนิ้วดังไปถึงหูของทุกคนที่นั่น ทันใดนั้น เสียงคำรามกึกก้องก็ดังออกมาจากทั้งสองด้านของสถานที่จัดงานประชุม!
  สัตว์อสูรระดับผู้พิทักษ์เก้าหางตัวมหึมาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน วินาทีที่มันปรากฏตัว ร่างกายที่ใหญ่โตมหึมาของมันก็บดขยี้ศิษย์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆจนกลายเป็นซอสเนื้อทั้งกลุ่ม
  อีกด้านหนึ่ง สัตว์อสูรสีแดงเข้มขนาดใหญ่ก็ปล่อยเสียงกรีดร้องที่สะเทือนถึงสวรรค์ออกมา ขนของมันภายใต้แสงตะวันอันเจิดจ้าดูราวกับถูกแช่อยู่ในเลือด!
  การปรากฏตัวของสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ทั้งสองทำให้ใบหน้าของกู่อี้มืดมนทันที เขาส่งเสียงเยาะหยันออกมาขณะมองไปที่จวินอู๋เสีย
  “ไร้เดียงสาซะจริง เจ้าคิดจริงๆหรือว่าแค่สัตว์อสูรสองตัวจะเพียงพอที่จะหยุดกองทัพหลายหมื่นคนของสิบสองวิหารได้?”
  จวินอู๋เสียยักไหล่ เอามือประสานกันอย่างสง่างามและวางไว้เหนือท้องน้อย
  “ใครบอกเจ้าว่าข้ามีแค่สัตว์อสูรสองตัวนี้?”
  หลังจากเสียงร้องก้องแสบแก้วหูของท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตแล้ว ก็มีเสียงคำรามสั่นสะเทือนปฐพีดังขึ้นรอบนอกกองทัพของสิบสองวิหาร พื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น กู่อี้รีบหันไปมองอย่างตกใจ และเห็นผู้คนจำนวนมากหนาแน่นไปหมด ทันใดนั้น เขาก็เห็นกองทหารที่น่ากลัวรอบล้อมพวกเขาจากด้านนอก เมื่อกวาดสายตามองไปยังกองกำลังที่บุกเข้ามานั้น จำนวนคนที่มากมายมหาศาลของพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่ากองทัพของสิบสองวิหารเลยแม้แต่น้อย!
  ดวงตาของกู่อี้ฉายแววหวาดกลัว กองทัพนี้มาปรากฏตัวที่เมืองนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? เขาไม่ได้สังเกตเลยจริงๆ
  “คนพวกนี้เป็นใคร? เจ้า……ได้ยังไง” กู่อี้จ้องมองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าเหลือเชื่ออย่างที่สุด เด็กสาวคนนี้ถือไพ่ไว้ในมือกี่ใบกันเนี่ย?
  จวินอู๋เสียมองกู่อี้ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม “อาณาจักรล่าง พวกเขาทุกคนมาจากอาณาจักรล่าง! อาณาจักรล่างที่พวกเจ้ามองด้วยสายตาเหยียดหยามไงล่ะ! ตอนนี้เจ้าพร้อมที่จะรับความโกรธเกรี้ยวที่มาจากอาณาจักรล่างรึยัง?”
  “เป็นไปไม่ได้! พวกขยะจากอาณาจักรล่างจะมีพลังถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?! เจ้าโกหก!” กู่อี้กัดฟันจ้องจวินอู๋เสีย ไม่มีทางที่เขาจะเชื่อว่ากองทัพนี้มาจากอาณาจักรล่าง
  อาณาจักรล่างมีพลังแค่ไหนเขาย่อมรู้แก่ใจดี สถานที่ที่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงแค่คนเดียวก็ครองอำนาจทั้งอาณาจักรได้แล้ว สถานที่ที่อ่อนแอปวกเปียกเช่นนั้นจะรวบรวมกองทัพที่เต็มไปด้วยผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้อย่างไร?
  แค่กวาดตามองผ่านๆ กู่อี้ก็เห็นแล้วว่ากองทัพนี้แข็งแกร่งมาก ทุกคนเปล่งแสงพลังวิญญาณสีม่วงเจิดจ้า แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ใช่พลังวิญญาณสีม่วงที่แท้จริง แต่เป็นการใช้วิธีการพิเศษเพื่อยกระดับพลังวิญญาณชั่วคราว แต่มีใครในอาณาจักรล่างรู้วิธีใช้เคล็ดวิชานั้นบ้างล่ะ?
  คนจากอาณาจักรกลางทุกคนดูถูกคนจากอาณาจักรล่างจากก้นบึ้งของหัวใจ คนจากอาณาจักรล่างถูกมองว่าต่ำกว่าหมูกว่าหมา ไม่คู่ควรที่จะต่อสู้กับพวกเขา!
  “ขยะ?” จวินอู๋เสียหัวเราะหยัน นางลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม เถาวัลย์ด้านล่างค่อยๆหดตัวลง เถาวัลย์ใหม่พุ่งออกมาจากด้านหลังนางอย่างรวดเร็วกลายเป็นปีกคู่หนึ่ง จวินอู๋เสียลอยขึ้นไปยืนอยู่กลางอากาศ มองออกไปนอกสถานที่จัดประชุม ดูกองกำลังที่ห้าวหาญของอาณาจักรล่างซึ่งปะทะเข้ากับกองทัพของสิบสองวิหาร แววตาของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
  “พวกเจ้าทุกคนจะถูกคนที่พวกเจ้าเรียกว่าขยะบดขยี้จนตาย ว่าแต่พวกเจ้าที่พ่ายแพ้ให้แก่ขยะจะเป็นตัวอะไรนะ?”
  เสียงเป่าแตรดังกังวาน ความโกรธเกรี้ยวของอาณาจักรล่างกระจายไปทั่วแนวกองกำลังของอาณาจักรกลางทั้งหมด แผดเผาความรู้สึกดูหมิ่นเหยียดหยามที่มีต่อพวกเขาด้วยพลังแห่งเจตจำนงที่แท้จริงและด้วยเนื้อหนังของพวกเขาเอง!
ตอนที่ 1929 มหกรรมตบหน้า (21)
  ภายในกองทัพของอาณาจักรล่าง จวินชิง, หลงฉี, ฉูหลิงเย่, เวินซินหาน, โม่เฉี่ยนเยวียน, เยี่ยนปู้กุย และคนอื่นๆนำกองทัพของพวกเขาพุ่งตรงเข้าหากองทัพของสิบสองวิหารจากทุกด้าน!
  กองทัพทั้งสองเข้าปะทะกัน กลิ่นคาวเลือดกระจายไปทั่วเมืองทันที!
  กองทัพของสิบสองวิหารไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการโจมตีครั้งใหญ่เช่นนี้ พวกเขามองศัตรูที่ดุร้ายด้วยความตื่นตระหนก ความหวาดกลัวในใจค่อยๆเพิ่มขึ้น
  นี่เป็นกองทัพที่ขุดตัวเองออกมาจากสนามรบอย่างแท้จริง เลือดเนื้อของพวกเขาหล่อหลอมด้วยเหล็กกล้า กองทัพนี้ถูกสร้างขึ้นจากการรวมตัวของยอดฝีมือที่เก่งที่สุดในกองทัพจากแคว้นต่างๆในอดีต อาณาจักรล่างเมื่อก่อนนี้อ่อนแอและเปราะบาง แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผู้คนที่มีชีวิตอยู่ในโคลนตมและความสิ้นหวัง ความปรารถนาที่จะอยู่รอดของพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้
  พวกเขาเข้าใจเคล็ดวิชายกระดับพลังวิญญาณในเวลาแค่สองปี แต่ในช่วงสองปีมานี้พวกเขาฝึกฝนกันอย่างสุดชีวิต นอกจากกินกับนอน ก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับไปหาครอบครัวเลย หลังจากโดนอาณาจักรกลางเข่นฆ่าและกดขี่ ทุกคนก็ตระหนักถึงความอ่อนแอของตัวเอง
  ในโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กเช่นนี้ ต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นจึงจะสามารถปกป้องครอบครัวและสหายที่พวกเขารักได้!
  อาณาจักรกลางสงบสุขมานานเกินไป การต่อสู้ทั้งต่อหน้าและลับหลังของพวกเขา ในสายตาของคนที่ผ่านการต่อสู้นองเลือดในสนามรบมาแล้วก็เป็นแค่การทะเลาะวิวาทกันของเด็กๆ มีเพียงคนที่อยู่ระหว่างความเป็นความตายเท่านั้นที่จะถูกผลักให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตน!
  เมื่อกองทัพที่ลุยผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วนได้รับพลังที่มากกว่าเดิม ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็พุ่งขึ้นไปถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!
  ตอนนี้อาณาจักรล่างไม่ใช่ลูกแกะน้อยเชื่องๆที่ใครจะฆ่าก็ได้อีกแล้ว พวกเขาหยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติยศของตน!
  ศิษย์ของสิบสองวิหารที่มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายมานานเคยก้าวเข้าสู่สนามรบที่แท้จริงเมื่อไรกัน? พวกเขาจะเข้าใจถึงสายสัมพันธ์และมิตรภาพของสหายร่วมรบได้อย่างไร!
  ในการต่อสู้ของกองทัพใหญ่ พลังของคนๆเดียวจะอ่อนแอมากจนน่าตกใจ การประสานงานกันจึงจะเป็นกุญแจสู่ชัยชนะ!
  แค่พริบตาเดียวเท่านั้น กองทัพของสิบสองวิหารก็ถูกกองทัพของอาณาจักรล่างบดขยี้อย่างหนัก
  กู่อี้มองเห็นสถานการณ์ในสนามรบได้จากระยะไกลว่าฝ่ายพวกเขากำลังถูกกดดันอย่างหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เขาตกใจมากจนยากจะเอ่ยเป็นคำพูดออกมาได้ กู่อี้เงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียที่อยู่ในชุดเกราะซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เห็นได้ชัดว่านางเป็นแค่เด็กสาวที่อายุไล่เลี่ยกับลูกสาวของเขา แล้วนางสร้างเหตุการณ์มากมายให้ผู้คนตกตะลึงจนพูดไม่ออกได้อย่างไร?
  อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียได้ตัดสินใจแล้วว่านางจะไม่ให้กู่อี้ได้มีเวลาคิดไปมากกว่านี้ นางพุ่งทะยานตรงเข้าหากู่อี้ทันที!
  ศิษย์ของสิบสองวิหารที่อยู่ด้านในล้วนติดอยู่กับท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิต ไม่สามารถหลุดมาช่วยกู่อี้ได้
  กู่อี้เห็นจวินอู๋เสียพุ่งเข้าหาเขาอย่างน่ากลัว เขารีบผลักกู่ซินเยียนออกไปทันทีเพื่อเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสีย!
  ในขณะนั้นเกิดการต่อสู้ขึ้นทั่วทุกมุมเมือง ตลอดทั้งเมืองเต็มไปด้วยเสียงร้องคำรามดังเอะอะอึกทึก!
  ตอนแรกประมุขวิหารคนอื่นๆคิดว่าเมื่อกองทัพของพวกเขามาถึง พวกเขาจะมีโอกาสรอดไปได้ แต่ตอนนี้พวกเขาตระหนักแล้วว่าจวินอู๋เสียได้วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง ในเมื่อนางเปิดเผยเจตนาของตนแล้ว นางจะปล่อยพวกเขารอดไปจากที่นี่ได้อย่างไร?
  การต่อสู้นองเลือดดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนล้มตายอย่างต่อเนื่อง
  กองทัพทหารกล้าโหมกระหน่ำเข้าไป ใบหน้าที่แสดงถึงเจตนาฆ่าและร่างกายสูงใหญ่เปื้อนเลือดทำให้ศิษย์ของสิบสองวิหารรู้สึกหวาดกลัวจนวิญญาณไม่อยู่กับร่างแล้ว
  คนของสิบสองวิหารไม่เคยต่อสู้กับคู่ต่อสู้แบบนี้มาก่อน ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ที่พวกเขาสู้กันเองนั่นก็กลายเป็นเด็กๆไปเลย
ตอนที่ 1930 มหกรรมตบหน้า (22)
  กู่ซินเยียนมองทุกอย่างตรงหน้าอย่างตะลึงงัน ทุกคนกำลังต่อสู้ มีเพียงนางที่ดูเหมือนจะถูกทุกคนมองข้ามไป
  ไม่มีใครโจมตีนาง ราวกับว่าทุกคนลืมนางไปหมดแล้ว
  ภายในความสับสนวุ่นวายนั้น คนสองคนซ่อนตัวอยู่ในเงามืดอย่างเงียบๆ เฝ้ามองฉากนองเลือดตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
  “จวินเสีย จวินอู๋ จวินอู๋เสีย……ที่แท้ก็เป็นเจ้าทั้งหมด จวินอู๋เสีย……เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ” กู่อิ่งยืนอยู่ในเงามืด มองดูกู่อี้ถูกผลักจนไม่มีทางถอย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
  “คุณชาย ท่านจะไม่ลงมือหรือขอรับ?” ชายชุดดำที่อยู่ข้างหลังกู่อิ่งถามเบาๆ
  กู่อิ่งอยู่ที่สนามรบมาตั้งแต่เริ่มการต่อสู้แล้ว แต่เขาไม่คิดจะแสดงตัวออกไป
  “ทำไมข้าจะต้องลงมือด้วย? ไม่รู้ว่าข้ารอช่วงเวลานี้มานานแค่ไหนแล้ว ก็แค่จวินอู๋เสียทำในสิ่งที่ข้าอยากจะทำ ในเมื่อมีคนทำแทนข้าแล้ว ทำไมข้าไม่นั่งดูให้สนุกล่ะ?” กู่อิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย
  “แต่คุณชาย ท่านอยากจะปกป้องกู่ซินเยียนไม่ใช่หรือ?” ชายชุดดำถามอย่างไม่เข้าใจ
  กู่อิ่งส่ายหน้า แล้วมองไปที่กู่ซินเยียนที่ยืนมึนงงอยู่ ดวงตายิ้มแย้มของเขาทอแสงอ่อนโยน
  “เจ้าไม่เห็นหรือ? ตั้งแต่เริ่มจวินอู๋เสียไม่ได้คิดที่จะโจมตีกู่ซินเยียนเลยสักนิด นางมาที่นี่เพื่อแก้แค้นก็จริง แต่นางไม่ได้เสียสติจนถึงขนาดจะทำลายล้างทุกอย่างให้สิ้น” กู่อิ่งหัวเราะเบาๆ การแก้แค้นของจวินอู๋เสียดูเหมือนจะโหดเหี้ยมมาก แต่ถ้าสังเกตให้ดีๆ จะเห็นว่าลูกน้องของจวินอู๋เสียจะโจมตีไม่โดนพวกผู้เยาว์ที่อายุน้อยๆและไม่ประสีประสาไปอย่างบังเอิญ แม้ว่าในสิบสองวิหารจะเต็มไปด้วยพวกเลวทรามต่ำช้าจิตใจชั่วร้าย แต่ก็ยังมีคนโง่ที่ซื่อๆไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นท่านแบะแบะ กระต่ายโลหิต หรือกองทัพของอาณาจักรล่าง พวกเขาล้วนหลีกเลี่ยงพวกโง่เขลาไร้เดียงสาพวกนั้นไปโดยไม่รู้ตัว อย่างมากก็ทำให้บาดเจ็บ แต่ไม่เคยเอาชีวิตพวกนั้นเลย มีแต่พวกชั่วที่ติดหนี้เลือดไว้นับไม่ถ้วนที่ถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี ไม่มีละเว้นจนกว่าจะหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย
  วิธีที่จวินอู๋เสียจัดการกับเรื่องนี้ทำให้กู่อิ่งรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก เขาคิดว่านางออกเดินทางมาเพื่อล้างแค้นอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ก็คงละทิ้งสำนึกแยกแยะดีชั่วไปหมดแล้ว ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวที่เจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดอย่างเหลือเชื่อคนนี้ยังแยกแยะดีชั่วได้อย่างชัดเจน
  น่าสนใจมากจริงๆ
  “ถ้าเป็นข้า ข้าคงไม่ใจดีมีเมตตาเหมือนนาง และวันนี้จะไม่มีใครรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้แม้แต่คนเดียว” กู่อิ่งลูบคางอย่างครุ่นคิด เลือดสีแดงสดที่ไหลนองทำให้ความกระหายเลือดในแววตาของเขาเริ่มเดือดพล่าน เขาอยากจะออกไปคร่าชีวิตของทุกคน ให้เลือดอุ่นๆไหลออกมาระงับความตื่นเต้นในใจเขา
  ชายชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหลังกู่อิ่งมองเห็นประกายแห่งการสังหารที่เต้นระริกอยู่ในดวงตาของกู่อิ่งแล้วอดที่จะตัวสั่นไม่ได้
  เด็กหนุ่มคนนี้เป็นตัวอันตราย ท่านประมุขอยากให้เขาอยู่ในอารามหลิงซวีจริงๆหรือ?
  สายตาของกู่อิ่งค่อยๆหันไปทางกู่อี้ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่หลายที่ เขาไม่คิดเลยว่าจวินอู๋เสียจะสามารถผลักดันให้กู่อี้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ด้วยชุดเกราะแปลกๆนั่น ดูจากอาการบาดเจ็บของกู่อี้ เหมือนว่าเขาจะเริ่มต้านทานการโจมตีของจวินอู๋เสียได้น้อยลงเรื่อยๆแล้ว
  กู่อิ่งหรี่ตามองชุดเกราะบนร่างของจวินอู๋เสีย ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
  ในขณะที่การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด กู่อี้ก็อ้าปากหอบหายใจอย่างหนัก เลือดไหลออกจากบาดแผลไม่หยุด พลังวิญญาณของเขาก็หมดลงเรื่อยๆ เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีของจวินอู๋เสีย เขาก็พบว่าตนรวบรวมพลังได้ยากมากขึ้นทุกที จากที่สู้ได้สูสีกันก็เปลี่ยนเป็นเขาที่ถูกกดดัน