การมาถึงของไมโทโลจี้

บาร์แสงดาวนั้นเป็นบาร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในป้อมปราการแสงดาว แต่ตอนนี้บาร์ซึ่งมีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอลนั้นกับเงียบกริบ ขณะที่ทุกคนนั้นก็กำลังกำลังจ้องมองไปยังกลุ่มผู้เล่นในชุดเสื้อคลุมสีดำที่กำลังนั่งดื่มกัน ไม่มีใครกล้าจะหายใจดังเกินไปด้วยซ้ำ

ฝูงชนที่เหลือนั้นไม่เพียงแต่จะแสดงปฎิกิริยาในลักษณะนี้ออกมา เพราะว่าออร่าที่ผู้เล่นเหล่านี้แผ่ออกมา แต่มันยังเกิดจากตราสัญลักษณ์กิลที่ติดอยู่ที่หน้าอกของผู้เล่นเหล่านี้คือไมโทโลจี้ด้วย

“ดังนั้น พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญจากไมโทโลจี้ตามข่าวลืองั้นหรอ ?”

“น่าทึ่งมากๆ ฉันสามารถมองเห็นพวกเขาได้ แต่ฉันกับไม่รู้สึกถึงการปรากฎตัวของพวกเขามาก่อนเลย พวกเขาทำได้ยังไงกัน ?”

“ดูเหมือนว่าตอนนี้ แม้แต่ไมโทโลจี้ก็ไม่สามารถจะนั่งนิ่งๆได้แล้ว เมื่อศาลเจ้าของเทพปีศาจปปรากฎขึ้น …”

ทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นผู้เล่นเหล่านี้ และพวกเขาต่างก็พูดคุยกันอย่างเงียบๆ ในขณะที่บางคนรู้สึกกลัว และบางคนก็รู้สึกตื่นเต้น

ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเกมเสมือนจริง และผู้เล่นทุกคนในทวีปด้านตะวันตกนั้นก็ล้วนคุ้นเคยกับชื่อๆนี้ดี

ข่าวเรื่องที่ผู้เล่นในชุดเสื้อคลุมสีดำก่อความวุ่นวายนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วป้อมปราการแล้ว ผู้เล่นเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะสามารถหลีกเลี่ยงความโกรธเกรี้ยวของมังกรศักสิทธิ์ได้ แต่พวกเขายังสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญของเผ่าศักสิทธิ์ไปได้จำนวนหนึ่งด้วย

แม้แต่ฟิธาเลีย ผู้บัญชาการกองกำลังดีไวน์ไฮม์ของเผ่าศักสิทธิ์ก็ยังตายลงในระหว่างการต่อสู้

ในการตอบสนอง เผ่าศักสิทธิ์นั้นได้ส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากขึ้นเข้ามาลาดตระเวนบริเวณรอบๆถนนของป้อมปราการแสงดาว และพวกเขากระทั่งส่งองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามจำนวนมากมาเข้าร่วมหน่วยลาดตระเวนด้วย

อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญของไมโทโลจี้จะแอบเข้ามาในป้อมปราการได้อีกครั้ง แต่พวกยังเข้ามาได้ด้วยจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย และตอนนี้พวกเขาก็ยังมารวมตัวกันที่บาร์แสงดาว ซึ่งเป็นบาร์ที่ได้รับความนิยมที่สุดในป้อมปราการแสงดาว โดยมานั่งดื่มเหมือนกับลูกค้าทั่วไป พวกเขานั้นปฎิบัติต่อป้อมปราการแสงดาวราวกับเป็นบ้านของตัวเองเลย

“ไมโทโลจี้นั้นยอดเยี่ยมมากเลยจริงๆบอส พวกเขาไม่ได้สนใจมังกรศักสิทธิ์ของป้อมปราการแสงดาวเลย ดูเหมือนว่าป้อมปราการแสงดาวจะมีผู้ปกครองคนใหม่ในไม่ช้า …” ชายผู้โหดเหี้ยมจากทีมนักผจญภัยหัวใจพายุกล่าวอย่างชื่นชม ในขณะที่เขาเฝ้าดูผู้เล่นในชุดเสื้อคลุมสีดำจากไมโทโลจี้

ในตอนที่เขาได้พบกับมังกรศักสิทธิ์ของป้อมปราการแสงดาว เขามีแต่ความรู้สึกหวาดกลัวเท่านั้น ผู้เล่นไม่มีทางจะมีโอกาสต่อต้านมันได้เลยในความคิดของเขา แต่ผู้เล่นในชุดเสื้อคลุมสีดำเหล่านี้กับทำราวกับว่ามังกรศักสิทธิ์ไม่ได้มีอยู่จริง และพวกเขาก็สามารถเข้ามาที่ป้อมปราการแสงดาวได้ตามที่พวกเขาต้องการ รากฐานของไมโทโลจี้นั้นช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง

“ไมโทโลจี้นั้นแข็งแกร่งกว่ามหาอำนาจอื่นๆอย่างมากแน่นอน นอกเหนือจากความสามารถในการปกปิดออร่าของผู้เล่นแล้ว มาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาก็ยังน่าประทับใจมากอีกด้วย พวกเขานั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่แท้จริงทั้งหมด พวกเขาหลายคนแข็งแกร่งกว่าฉันด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะสู้กับชายหนุ่มผมสีเงินที่เป็นหัวหน้าทีมได้อย่างไร ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ” โครว์กล่าวขณะที่เขามองไปยังสมาชิกของไมโทโลจี้ และร่องรอยแห่งความกลัวก็ปรากฎขึ้นในแววตาของเขา “ถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะก่อความวุ่นวายในป้อมปราการแสงดาว มันจะไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้แน่นอน และด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่แบบนี้ แม้แต่สภาสิบแปดปีกที่มีข้อได้เปรียบอย่างมากก็คงจะต้องมอบสัมปทานบางส่วนให้พวกเขา”

โครว์นั้นรู้ดีว่ามหาอำนาจต่างๆไม่สามารถจะเทียบกับซุเปอร์กิล ห้ากิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้เลย แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าช่องว่างระหว่างพวกเขามันจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้

ผู้เล่นในชุดเสื้อคลุมสีดำของไมโทโลจี้นั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยเจ็ดเป็นอย่างน้อย แต่ออร่าของพวกเขายังทรงพลังมากพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ใกล้รู้สึกอึดอัดด้วย ขณะที่สมาชิกที่อ่อนแอที่สุดของกลุ่มนั้นมีพลังที่เทียบเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันได้เลย การต่อสู้กับผู้เล่นเพียงคนเดียวจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขาเลย ไม่ต้องพูดถึงสองถึงสามพร้อมกัน มันมีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะสามารถจัดการล้มผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกว่าได้

เพื่อทำให้เรื่องแย่ลงไปกว่านั้น มันมีผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มากกว่าสามสิบคนอยู่ในบาร์ และพวกเขาทั้งหมดก็สามารถปกปิดออร่าของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ นี่มันเป็นดั่งฝันร้ายชัดๆ

นอกจากนี้ชายหนุ่มผมสีเงินนั้นยังเป็นตัวตนที่น่ากังวลที่สุด แม้ว่าโครว์จะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าของชายหนุ่ม แต่สัญชาตญาณของเขาก็บอกว่าถ้าเขาเข้าใกล้ชายหนุ่มคนนี้ในระยะสามสิบหลาเขาจะตายทันที

ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในบาร์กำลังเฝ้ามองผู้เชี่ยวชาญของไมโทโลจี้อย่างเงียบๆ กลุ่มผู้เล่นกลุ่มนี้ของไมโทโลจี้เหล่านี้ก็ไม่ได้สนใจใดๆเลย พวกเขายังคงพูดคุยกันอยู่อย่างไร้กังวล

“ผู้บัญชาการ พวกระดับสูงของเรานั้นช่างดื้อรั้นซะจริงๆ พวกเขายังคงต้องการจะให้เราเจรจากับสภาสิบแปดปีกเพื่อแสดงความเคารพต่อจักรวรรดิโลกใต้พิภพ ทำไมเราต้องไปแสดงความเคารพต่อคนอื่นด้วย ? เราสามารถจะยึดป้อมปราการแสงดาวได้อยู่แล้ว และเมื่อเรายึดป้อมปราการแสงดาวได้ ไมโทโลจี้ก็จะสามารถอ้างสิทเหนือมรดกของเทพปีศาจได้ทั้งหมด เมื่อศาลเจ้าของเทพปีศาจถูกเปิดขึ้น” หญิงสาวรูปร่างสูงที่ถือค้อนสงคราม และโล่ที่ดูแข็งแกร่งอยู่กล่าวบ่น

เท่าที่เธอคิดก็คือ จักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นยอมจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกเพียงเพราะว่ากิลมีความแข็งแกร่งไม่มากพอที่จะยึดป้อมปราการมาเป็ของตัวเองได้ แต่สำหรับไมโทโลจี้นั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน การยึดป้อมปราการนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับทีมของเธอ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้พวกเขาเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว

ต่อให้กองกำลังนรกออกมาตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่กลัวเลย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีก และเผ่าศักสิทธิ์

“ฉันเห็นด้วย มันจะดีกว่าถ้าเราเข้าโจมตีสภาสิบแปดปีก และเข้ายึดคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง เราไม่จำเป็นจะต้องกำหนดเป้าหมายไปยังเผ่าศักสิทธิ์ในเรื่องของทวีปด้านตะวันออกด้วยซ้ำ เราจะสามารถสอนบทเรียนให้กับแบล๊คเฟรมได้ตรงๆ ไม่งั้นเขาจะคิดว่าที่ทวีปด้านตะวันตกแห่งนี้เหมือนกับทวีปด้านตะวันออก” แอสซาซินหนุ่มที่ถือดาบสั้นสองเล่มกล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย

พลังของไมโทโลจี้นั้นถูกจำกัดอยู่แค่ในทวีปด้านตะวันตก ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาได้เพื่อจัดการกับสภาสิบแปดปีกในทวีปด้านตะวันออกจึงมีจำกัดมากๆ แต่อย่างไรก็ตามการเอาชนะสภาสิบแปดปีกในทวีปด้านตะวันตกนั้นมันจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก และแม้แต่มังกรศักสิทธิ์ก็จะไม่สามารถช่วยปกป้องสภาสิบแปดปีกได้ รากฐานของไมโทโลจี้ในทวีปด้านตะวันตกนั้นไปไกลเกินกว่าที่สภาสิบแปดปีกจะจินตนาการได้

“อย่าประมาท จักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นจะต้องมีเหตุผลในการที่ยอมทำงานร่วมกับสภาสิบแปดปีก จากรายงานล่าสุดสภาสิบแปดปีกมีสมาชิก ห้าคนที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว โดยผู้เล่นเหล่านี้นั้นมีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ ซึ่งหากพวกเขาปรากฎตัวขึ้นให้ทำตามแผนสำรองโดยการเปิดใช้งานวงเวทย์การต่อสู้ที่เรามี และต้องเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้แบบสี่รุมหนึ่ง ส่วนพวกที่เหลือจะดำเนินงานต่อตามแผนที่วางไว้ในตอนแรก ถ้ามังกรศักสิทธิ์เข้ามาใกล้ก็รีบถอยทันที” หัวหน้าทีมที่เป็นชายหนุ่มผมสีเงินสั่งพลางมองไปยังสมาชิกของเขาทั้งหมดที่ดูจะใจร้อน

“วางใจได้เลยผู้บัญชาการ นอกเหนือจากมังกรแล้ว ผู้เล่นเหล่านั้นก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน แต่แล้วยังไงล่ะ ?” แอสซาซินหนุ่มกล่าวอย่างเย้ยหยันและไม่หวาดกลัว “ถ้าสมาชิกของสภาสิบแปดปีกเหล่านั้นปรากฎตัวออกมาจริงๆ ฉันจะทำให้แน่ใจว่าพวกเขานั้นไม่สามารถจะหนีจากเราไปได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่ !!!”

สมาชิกในทีมที่เหลือของไมโทโลจี้ที่เหลือพยักหน้า

การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นอาจช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ได้อย่างมาก แต่วงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงของพวกเขาก็ไม่ใช่อะไรที่อ่อนแอเช่นกัน ตราบใดที่พวกเขาเปิดใช้งานวงเวทย์ พวกเขาจะสามารถรวมความแข็งแกร่งของผู้เล่นสี่คนได้ และผู้เล่นสี่คนที่เปิดใช้งานวงเวทย์นี้นั้นก็จะได้รับพลังมากพอที่จะฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปในเลเวลเดียวกันได้เลย ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสาม
หากสมาชิกของสภาสิบแปดปีกกล้าจะแสดงตนออกมา ทีมของพวกเขาก็จะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแน่นอน

“เป็นอย่างนั้นหรอ ? งั้นฉันขอทดสอบคำพูดของคุณหน่อยสิ ?”

ทันใดนั้นทุกคนในบาร์ก็ได้ยินเสียงทุ้ม และผู้พูดก็ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นไปทั่วทันที ผู้เล่นทุกคนในบาร์แสงดาวนั้นต่างก็หันไปมองยังต้นตอนของเสียงว่าใครกันที่เป็นผู้พูด ผู้เล่นคนนี้นั้นพึ่งจะทำการท้าทายผู้เชี่ยวชาญของไมโทโลจี้โดยตรง เขาหาเรื่องตายชัดๆ !!!

สองคนชายและหญิงเดินเข้ามาในบาร์ โดยฝั่งผู้หญิงนั้นคือฟิธาเลียซึ่งเธอให้ความรู้สึกสง่างาม ในขณะที่ชายอีกคนที่มาพร้อมกับเธอนั้นให้ความรู้สึกมืดมิดเหมือนตอนกลางคืน