” ใครนะ ?  เจ้าเสเพลนั่น ?  เขาน่าสนใจ ?  รูปกายชายผู้นี้น่าขยะแขยง  คนผู้นี้เลวทราม โอ้อวด และ ขาดความสง่างาม  เขาไม่มีคุณสมบัติเลยแม้แต่น้อย  เพียงแค่มองไปยังชายผู้นั้นทำให้ข้าป่วยได้ ! “

องค์หญิงหลิงเมิงดูคล้ายจะมีโทสะขณะมองไปยัง จวินโม่เซี่ย ยังมีอีกสิ่งในใจนางที่มิอาจเอ่ยได้

 

ข้ามิรู้ว่าสิ่งใดที่เซี่ยวยี่เห็นในตัวอันธพาลผู้นี้

 

องค์หญิงรู้ว่าคำนั้นอันตราย เนื่องจากพ่อของนางหลีกเลี่ยงการพูดคุยในเรื่องนี้  ดังนั้น นางจึงมิกล้าเอ่ยคำเหล่านั้นออกมา

 

” ทุกผู้มีความเห็นเป็นของตัวเอง  “

ชายชุดดำเอ่ยด้วยท่าทีลึกซึ้ง  แต่กระนั้น ดูเหมือนจะมิใช่ข้ออ้างในคำโต้แย้งขององค์หญิง  เขาเฝ้ามองจวินโม่เซี่ยกลับมาปลอบประโลม

 

หลานชายของจวินจ้านเทียนนี่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง  ลูกชายคนเล็กของข้าเลือกต่อสู้โดยไม่จำเป็น  แต่กระนั้น เจ้าเด็กนี่จัดการกับเหตุการณ์ทั้งหมดภายในเวลาไม่นานด้วยคำพูดเพียงน้อยนิด  เขาทำให้ปัญหาหายไป เพียงแค่การตีเบาๆที่อีกฝั่งของหอก  วิธีการของเขานั้นไร้เกียรติ แต่มันรวดเร็วและส่งผลอันยิ่งใหญ่

 

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่สำคัญว่าวิธีการนี้เป็นเช่นไร มันเป็นวิธีการที่ดีในการจัดการกับปัญหาอย่างรวดเร็ว  เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขสถานการณ์หากเขาโต้แย้งโดยไม่มีการวางแผนดั่งเช่นลูกชายของข้า ในฐานะพ่อ เหตุใดข้าจึงไม่รู้นิสัยของลูกชาย ?  มันผิดที่เขาเกิดมาในราชสกุล  มันผิดที่เขาอยู่ในฐานะองค์ชาย  ความจริงแล้ว เขาคือคนที่จะเกาะติดความสำเร็จของพ่อแม่ และจะใช้สอยมันหากต้องการ  เขาคือคนไร้ประโยชน์โดยไร้ซึ่งฝีมือ

 

ไม่สำคัญว่ามันเป็นวิธีการแบบใหน ตราบใดที่มันส่งผลอย่างรวดเร็ว มันเป็นวิธีการที่ดี  ชัดเจนว่าจวินโม่เซี่ยเลือกนำวิธีการที่ดีที่สุดมาใช้

 

ข่าวลือเกี่ยวกับคนเสเพลนั้นไม่ได้เป็นดั่งที่คิด  ดูเหมือนว่าแท้จริงแล้วเขามิได้เป็นดั่งข่าวลือ…

 

ชายเกราะดำขมวดคิ้ว ขณะเขาไม่รู้จักเชื่อสิ่งใด

 

จวินโม่เซี่ยเริ่มต้อนรับแขกจากราชสกุลอย่างสุภาพ ทีละคน และ ให้มีผู้ติดตามเข้าไปในหอชนชั้นสูงได้ แต่กระนั้น ผู้ได้รับเชิญสามารถมีผู้ติดตามได้เพียงสองคน ในขณะผู้ที่เหลืออยู่จักต้องรออยู่ภายนอก

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงคราวขององค์ชายสอง พระองค์ยืนกรานจะนำผู้ติดตามสามคนเข้าด้านใน  จวินโม่เซี่ยเห็นทั้งสามที่ติดตามองค์ชายมา และพบว่าชายคนแรกนั้นเป็นที่ปรึกษาขององค์ชายสอง  ดังนั้น เขาจึงอนุญาติให้คนผู้นี้เข้าไป  คนที่สองคือหญิงสาวที่งดงามและเปราะบาง ผู้ที่เกลียดชังจวินโม่เซี่ยเป็นที่สุด  นางคือคนรู้จักขององค์ชายสอง แม่นางยู่เออจากศาลานี่ฉางแห่งทะเลสาปหมอกวิญญาณ  นางประกาศก้องว่านางขายเพียงฝีมือด้านดนตรี และไม่ค่าประเวณี  ไม่น่าประหลาดใจที่เขาจะให้หญิงสาวคนสนิทขององค์ชายสองเข้าไปด้านใน

 

ที่เหลือคือ เฉิงเคอโฉว  …

 

นายน้อยจวินยกมือขึ้นไร้เมตตา และขัดขวางมิให้ เฉิงเคอโฉ้ว เข้าขณะพูด

” ขออภัย บัตรแต่ละใบอนุญาติเพียงสามเท่านั้น  นั่นหมายรวมแขกคนพิเศษแล้ว  ข้าเกรงว่ามิอาจให้เจ้าเข้าไปได้ ในขณะที่องค์ชายสองมีสองผู้ติดตามแล้ว  แต่กระนั้น พวกเราตระเตรียมเครื่องดื่มให้ผู้ที่อยู่ด้านนอกแล้ว “

 

” เหตุใดข้าจึงมิอาจเข้า ? “

เฉิงเคอโฉ้ว เหลือบมอง ราวกับพร้อมจะแผดเผาจวินโม่เซี่ย

คนผู้นี้มิได้หยุดผู้อื่นมิให้เข้าไป  แต่กระทำเช่นนี้กับข้าเพียงผู้เดียวนั้นหมายความเช่นไร ?  เขาดูหมิ่นข้ากระนั้นหรือ ?

 

องค์ชายสองเข้าไปพร้อมกับอีกสองคนแล้ว  อย่างไรก็ตาม เขาหันหลับมา และเหลือบมองฉากนี้  องค์ชายสองจะต้องไม่ละทิ้ง เฉิงเคอโฉ้ว เนื่องด้วยต้องการผู้มีอิทธิพลเช่นนี้เพื่อใหสำเร็จ  ดังนั้น เมื่อไร้ซึ่งทางเลือกอื่น เขาจึงยืนยันตัวเองเพื่อเข้าไป เนื่องจากเขาเชื่อว่าด้วยฐานะของเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชาย  ผู้คนมากมายแสร้งตาบอดกับเรื่องนี้เนื่องจากสถานะของเขา  กระนั้นเขามิอาจคาดถึงความไร้ยางอายแล้วความสามารถในการก่อปัญหาของจวินโม่เซี่ยได้  ความกล้าของจวินโม่เซี่ยนั้นเพียงพอจะทำให้องค์ชายเสื่อมเสีย

 

หากมีผู้อื่นในสถานที่นี้ จวินโม่เซี่ยจะทำเป็นตาบอดและปล่อยให้เขาเข้าไป  อย่าไรก็ตาม สำหรับ เฉิงเคอโฉ้ว ผู้นี้ … คือผู้ที่เขามิอาจช่วยได้

 

ไม่ต้องเอ่ยถึงที่ปล่อยให้เจ้าทำลายกฎที่มีอยู่นั้น … ข้าจะสร้างกฎใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เจ้ามีปัญหาหากเจ้ามิได้ผิดกฎ

 

เจ้านั้นเป็นรางร้าย  อย่างแรก ชื่อของเจ้านั้นน่ากลัว และหน้าตาเจ้าดูน่ารำคาญ

 

” เจ้าสมควรอับอายสหายเจ้า “

จวินโม่เซี่ยแหงนคอ  หน้าตาของเขาดูราวกับลิงในสวนสัตว์

” เจ้าตั้งใจตะโกน ? “

เจ้าละเมิดกฎของหอนี้  ดังนั้น มากฎของสถานที่นี้ ข้าจึงมิอาจให้เข้าไปได้  มันเป็นการทำลายเกียรติของหอหากทุกคนแหกกฎใดก็ตามที่พวกเขาต้องการ “

 

” เหตุใด ? “

เฉิงเคอโฉ้ว ถามร้อนรน

 

ทุกสิ่งจะเป็นปกติหากข้าไม่พยายามเข้าไป  แต่ข้าอยู่ที่นี่แล้ว และเพียงแค่เข้าไปไม่กี่ก้าว  ข้าจะไม่กลายเป็นตัวตลกไปหรอกหรือหากข้ากลับไป ?

” ข้ามากับองค์ชายสอง  เหตุใดข้าจึงมิอาจเข้าไปได้ ? “

 

จวินโม่เซี่ย จงใจคำรามทางจมูกไปยังเขาด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

” ข้อโต้แย้งของเจ้ามีเหตุผล  ก้นมักจะต้องไปด้วยกัน  แต่กระนั้น เป็นไปได้ที่พวกมันมิอาจเข้าไปในที่เดียวกันก็ได้ใช่หรือไม่ ?  เหตุใดเจ้าจึงรบกวนข้าหากเจ้ารู้ชัดถึงตัวเจ้า ? ? เจ้าเป็นผู้ที่พิเศษกระนั้น ? หากเช่นนั้นเจ้าจักต้องเป็นเลิศในฝีมือ  เจ้าจึงจะสามารถเข้าไปได้ “

 

เฉิงเคอโฉ้ว โมโหอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดของจวินโม่เซี่ย  ความจริงเขาเกือบจะกระอักเลือดออมาก สำหรับการเปรียบเทียบอันน่าอับอายของจวินโม่เซี่ย

 

ชายทั้งสองที่อยู่หลัง องค์หญิงหลิงเมิง อดหัวเราะออกมามิได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น  ไม่นานจากนั้นพวกเขาจึงปิดปาก เมื่อรู้สึกผิดกับการหัวเราะนี้  แต่กระนั้น ร่างของพวกเขาก็สั่นกระตุกเนื่องด้วยการหัวเราะ

 

ทุกผู้ที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้หน้าแดง  แท้จริง ดูคล้ายพวกเขาตื่นเต้น เนื่องต้องอดกลั้นมิให้ตัวเองหัวเราะออกมา  องค์ชายหนึ่งและสามอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้ แต่มิได้ขุ่นข้องอันใด  ทหารผู้หนึ่งของน้องสองนั้นอับอายแต่พวกเราก็ยังร่าเริง

 

แม้นคำอุปมาของจวินโม่เซี่ยจะชั่วร้าย แต่องค์ชายสองและสหายของเขาไม่ยิ้มแม้แต่น้อย  จริงแล้ว องค์ชายสองมีโทสะอย่างมาก และสีหน้าชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า

 

” จวินโม่เซี่ย หยุดกลั่นแกล้งข้า ! “

เฉิงเคอโฉ้ว  ตัวสั่น  เขามองไปยังผู้ที่ก่อกวนเขาด้วยดวงตากระหายเลือด  ความจริง ดูคล้ายดั่งเขาอยู่บนปากป่องภูเขาไฟ

 

” ข้ากลั่นแกล้งเจ้า ?  ล้อข้าเล่นกระนั้น ? “

จวินโม่เซี่ยหันหลังมองยังผู้ก่อกวน และบิดเอวไปอีกด้าน ส่วนล่างของเขาส่ายไปมาเป็นจังหวะ

 ” กลั่นแกล้งเจ้า !  กลั่นแกล้งเจ้า !  ข้าต้องการกลั่นแกล้งเจ้า ! “

 

” หึ ! “

 

เฉิงเคอโฉ้ว เหลือบมองจวินโม่เซี่ยด้วยสายตาโกรธเคือง

 

” ตาโตเหลือเกิน !  ลาตัวนี้จักทำให้ข้ากลัว ?  เจ้าขู่ข้า ?  ชิ ! “

จวินโม่เซี่ยมีอารมณ์มากมาย  จากนั้นเขาหันไปมององค์ชายสอง ผู้ที่มองมาที่เขาอย่างชั่วร้าย  นายน้อยจวินหัวเราะขณะ อธิบาย

” เจ้ามิจำเป็นต้องใช้วิธีการใด … เจ้ามิได้ฟังคำพูดข้าผิดไปหรอก … ข้าพูดกับเจ้า … “

 

คำอธิบายของเขาเป็นดั่งการเติมเชื้อไฟ

 

คิ้วขมวดขึ้นตรงหน้าผากองค์ชายสอง ขณะเขาคำรามทางจมูกและเดินเข้าด้านในขณะสลัดปลอดแขน  ทุกผู้ตามไป อย่างไรก็ตาม บางครั้ง เป็นการยากในการกลั้นหัวเราะ  พวกเขายกมือป้องปาก และกระแอมเพื่อปิดบังการหัวเราะ

 

แม้นแต่สองผู้ที่ตามองค์หญิงหลิงเมิงก็ไม่เว้น  ชายสองคนนี้หัวเราะอย่างไม่มั่นใจนัก ซึ่งทำให้จวินโม่เซี่ยสัมผัสได้

 

จวินโม่เซี่ยประหลาดใจอย่างมากที่พบว่ามีผู้ชายสองคนในชุดเกราะสีดำท่ามกลางคณะผู้ติดตามองค์หญิง

องค์หญิงเสด็จมาโดยไม่มีนางกำนัล ?

 

เกิดอันใดขึ้น ?

 

นายน้อยจวินคลางแคลงใจอย่างมาก จึงพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน  แม้นเขามิได้แสดงถึงความคลางแคลงออกมาทางสีหน้า และหัวเราะไปพร้องกับทุกผู้ แต่เขายังคงระแวดระวังในทุกสิ่ง

 

ทั้งสองผู้นี้ อัธยาศัยดี และเข้าถึงได้ง่าย

 

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมีเครา  ดังนั้นจึงมิใช่ขันที

 

ดูเหมือนองค์หญิงจะมิได้โดนบังคับ จึงหมายความว่านางรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี

 

ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะเคารพนับถือพวกเขา  ตัวตนของพวกเขาจึงมิธรรมดาเป็นแน่

 

ยิ่งไปกว่านั้น อยี่กู้ฮั่นก็มิได้เคียงข้างนาง  ไม่มีกลิ่นอายของเขาอยู่รอบๆตัวนางเลยในบริเวณนี้ !  เหตุใดเขาจึงปล่อยนางไว้เพียงลำพังเช่นนี้ ?

 

จากนิสัยของ อยี่กู้ฮั่น ผู้ใดในนครเทียนเชียงที่เขาเชื่อใจเช่นนี้ ?

 

น่าสับสนยิ่งนัก

 

บางที … คำตอบของปริศนานี้อยู่ภายใต้ตัวตนที่แท้จริงของสองผู้ที่ติดตามนาง

หากรู้ว่าสองผู้นี้คือใครทุกสิ่งจักชัดเจน

 

ทันใดนนั้น จวินโม่เซี่ยนึกถึงข่าวลือเรื่องที่ อยี่กู้ฮั่น และ องค์จักรพรรดิเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็กได้

หรือว่าข้าอาจจะคิดมากเกินไป ?  แต่เหตุใดพวกเขาทั้งสองจึงมาที่นี่ ?

. ข้าสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนหากเป็นเขาจริงๆ … แต่อีกผู้ที่มากับเขาคือผู้ใดกัน ?

ดูเหมือนว่าข้ามิได้รู้จักคนผู้นี้

 

จวินโม่เซี่ยครุ่นคิดไม่หยุดพัก

 

เหนือขึ้นไปด้านบน ทางเข้าสถานประมูลของ หอชนชั้นสูง ขนาบไปด้วย ดอกหอมหมื่นลี้ ก้านและใบของพวกมันเขียวชอุ่ม ในขณะที่กลีบดอกเปล่งสีทองประกาย  ในความจิรง ดอกไม้ที่เบ่งบนเหล่านี้ไม่มีทีท่าเหี้ยวเฉา และมันหอมหวลและอบอวนไปทั้งพื้นที่

 

ทุกผู้ประหลาดใจเมื่อประตูเปิดออก และพวกเขาได้เห็นโถงขนามโหฬารด้านใน  ทุกผู้อาจจะเรียกมันว่า จัตุรัสสาธารณะเนื่องด้วยขนาดพื้นที่มหาศาล

 

นายน้อยจวินทำงานอย่างหนักเพื่อให้เกิดผลเช่นนี้  ทางเข้าสู่ห้องอื่นๆที่ติดกับโถงนี้ถูกปิดเอาไว้  เสาที่รองรับสถานที่นี้ ถูกแกะสลักด้วยรูปมังกรและหงส์

 

โต๊ะมาดมายเรียงรายอยู่ด้ายใน  จำนวนหนึ่งร้อย ไม่ขาดไม่เกิน

 

ด้านหลังโต๊ะแต่ละตัวมีเก้าอี้เพียงหนึ่ง  เก้าอี้อีกสองตัวนั้นถูกวางให้ห่างจากโต๊ะไปหนึ่งระยะ  เก้าอี้เหล่านั้นมีโต๊ะเล็กขนาบข้างไว้

 

ต้นบนไซแต่ละคู่วางไว้แต่ละด้านของโต๊ะ  บนไซเหล่านี้เขียวชอุ่มและมีดอกสะพรั่งละมุนและงดงาม  โต๊ะอื่นๆแต่ละโต๊ะ ห่างออกไปประมาณสามเมตร  ยิ่งไปกว่านั้น ระยะระหว่างโต๊ะเล็กสองตัวก็เท่ากัน   ทั้งหมดนี้ถูกจัดการโดนเจ้าอ้วนถัง แม้แต่คนที่ขนาดตัวเท้าเจ้าอ้วนก็สามารถเดินไปมาได้ บอกได้ว่า เจ้าอ้วนนั้นเป็นเพียงหนึ่ง  ใต้สวรรค์นี้จะหาผู้ที่มีร่างเช่นเขาได้ยากยิ่ง

 

คนมากกว่าสามร้อยเข้าสู่โถง แต่น่าประหลาดที่ไม่รู้สึกแออัด  แท้จริงแล้ว กลับรู้สึกกว้างขวาง  อากาศสะอาดและบริสุทธิ์ ขณะที่หน้าต่างเหนือหัวถูกเปิดไว้  ดังนั้น ทุกผู้จึงไม่รู้สึกอึดอัด  การเดินเข้าสู่โถงนี้ เป็นดั่งการก้าวเข้าสู่วสันตฤดู มันสามารถปลอบประโลมทุกคนได้