บัญชามังกรเดือด บทที่ 779 ขีดจำกัด
หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเปียวนั้น ทุกคนต่างพากันตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีพร้อมกับรู้สึกยินดีแทนฉินเทียน ที่จะได้กลับมารับตำแหน่งบุตรชายและหลานชายคนโตของตระกูลฉิน นั่นหมายความว่า ฉินเทียนก็จะได้รับสิทธิ์ในการรับมรดกของตระกูลฉินสายเก่าอีกด้วย
เดิมพันนี้ ดูใหญ่เกินไปหรือเปล่า?
อย่างน้อย ฉากหน้าในตอนนี้ ฉินเปียวก็ได้ปูหนทางชนะของตัวเองลงไปแล้ว เขาสามารถหลบไปอยู่หลังฉากได้อีกด้วย ขอเพียงแค่พึ่งพาการระดมพลของผู้ใต้บังคับบัญชาและเส้นสายที่หลากหลายนั้น เขาก็สามารถบีบคอฉินเทียนได้แล้ว
แล้วทำไมเขาต้องลงไปร่วมเล่นด้วยล่ะ?
เรื่องนี้ ฉินเทียนดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก สำหรับน้องชายคนนี้ของเขานั้น เขาเข้าใจนิสัยน้องชายของตัวเองเป็นอย่างดี
เขาเป็นคนที่มีนิสัยความโหดร้ายเป็นทุนเดิม ทั้งยังชื่นชอบการแข่งขันอีกด้วย เหยื่อตัวไหนที่ถูกเขาต้องตาแล้วนั้น เขาจักต้องบดขยี้มันให้แหลก ถึงจะสนองความรุนแรงภายในใจของเขาลงไปได้
เขาไม่สนใจเกี่ยวกับตำแหน่งของลูกชายคนโตและหลานชายของพ่อแม่ในตระกูลฉินสายเก่าอีกต่อไป เช่นเดียวกับสิทธิ์ในการรับมรดกเช่นกัน น้องชายคนนี้ของเขา เพียงหวังว่าตัวเขานั้นจะไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ภายในตระกูลกับใครได้อีกแค่นั้นเอง
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับการเดิมพันครั้งใหญ่ของฉินเปียว
“ถ้าฉันแพ้ นายต้องการอะไรจากฉัน?” ฉินเทียนเอ่ยถามเสียงเข้ม
ฉินเปียวแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย: “ไขกระดูกของพี่”
อะไรนะ?
ทุกคนต่างก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง
ฉินเปียวเดิมพันอนาคตของตัวเอง แต่สิ่งที่เขาต้องการคือชีวิตของฉินเทียนเท่านั้น
“อะไรกัน ไม่กล้างั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่กล้า ฉันจะลองใช้หนทางอื่นดูก็ได้”
เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทีก้าวร้าวของฉินเปียวนั้น ฉินเทียนได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา
“ฉันไม่สนใจตำแหน่งลูกชายคนโตและหลานชายของตระกูลฉินสายเก่าหรอกนะ”
“ถ้านายแพ้ ต้องมอบหยางต้าวมาและตอบคำถามฉันหนึ่งข้อ”
“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉินเปียวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาไม่สนใจชีวิตของหยางต้าวอยู่แล้ว
สิ่งที่เขาสงสัยก็ถือ คำถามอะไรของฉินเทียนที่ต้องการจะถามเขานั่นเอง จนถึงกับไม่สนใจสถานะของทายาทของตระกูลฉินสายเก่า
เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของฉินเทียน ด้วยสายตาระยิบระยับ ไม่นานนัก เขาก็เหมือนจะรู้ได้ในทันทีว่าฉินเทียนต้องการจะถามอะไร ทันใดนั้น ใบหน้าของฉินเปียวพลันเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
“ได้!”
” ตกลงตามนี้!”
“อีกสามวันเจอกันที่ภูเขาต้าหวาง”
พูดจบ ฉินเปียววที่กำลังจะเตรียมตัวหันกายจากไปนั้น
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงทุ้มลึก พลันดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉิน พร้อมกับชายร่างกำยำวัยกลางคนคนหนึ่งที่เดินออกมาจากฝูงชน
สายตาของเขาดูน่าเกรงขาม เช่นเดียวกับกลิ่นอายความอาฆาตที่แผ่กระจายออกมา
มือที่หยาบกร้านและทรงพลังของเขา พลันจับด้ามมีดที่เอวของตัวเองเอาไว้แน่น มีดดาบที่เรียวโค้งมน งดงามราวกับดวงตาที่หรี่ลงของยมทูต
ราชาแห่งมีดม้ง หม่าหงเทา
ในวันนี้เขาเป็นถึงหัวหน้าของห้าพญายมแห่งนรกแล้ว เหล่าสมาชิกในทีมมีดม้งนั้น ล้วนแต่เป็นทหารที่คัดเลือกมาจากม้งเจียงทั้งหมด
ด้วยความเก่งกาจกล้าหาญสู้ไม่ถอยของพวกเขา
ในทางภาคใต้นั้น พวกเขาสามารถตั้งหลักได้อย่างมั่นคงแล้ว ทั้งยังมีความสามารถที่กลายมาเป็นไพ่ลับให้กับกองกำลังได้อีก
หม่าหงเทาจึงได้กลายมาเป็นหนึ่งหัวหน้า ทั้งรูปลักษณ์กำลังภายในและท่วงท่า เขาดูจะใจเย็นขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นเท่าตัว
“หืม?”
ฉินเปียวตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นและพูดขึ้นมาอย่างสนใจว่า “แกต้องการจะทำอะไร?”
หม่าหงเทาพลันหันไปโค้งกายทำความเคารพต่อฉินเทียน พลางกระซิบขอคำอนุญาต
“พี่เทียนครับหลังจากที่ผมได้ยินเกี่ยวกับการกระทำของหยางต้าวแล้ว ผมอยากจะสู้ประลองกับเขาจริงๆ ครับ”
“ได้โปรดช่วยอนุญาตให้ผลทำการประลองด้วย.”
ฉินเทียนพลันรู้สึกสนุกขึ้นมาในทันที สิ่งที่หยางต้าวทำนั้น ทั้งอุกอาจและชวนน่าโมโหขึ้นมาจริง ๆ หลังจากที่หม่าหงเทารู้เรื่องเข้า เขาย่อมต้องรู้สึกทนไม่ไหว
สิ่งที่เขาต้องการจะพูดก็คือ เขาต้องการจะประลองการต่อสู้กับหยางต้าว แต่ในความเป็นจริง เขาแค่ต้องการเอาชนะหยางเต้าและระบายความโกรธออกไปเท่านั้น
นอกจากนี้ท่าทีของฉินเปียวที่เย้อหยิ่งเกินไป หากว่าหม่าหงเทาสามารถเอาชนะหยางต้าวได้นั้น มันจะได้ช่วยระงับท่าทีที่เย่อหยิ่งของเขาด้วย
ฉินเทียนพลันมองไปที่ฉินเปียว พลางพูดขึ้นมาด้วยความเย็นชาว่า “นายคิดว่ายังไงล่ะ?”
ก่อนที่ฉินเปียวจะทันได้พูดอะไรออกมานั้นหยางต้าวก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแล้วว่า “ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้เต็มใจที่จะต่อสู้ เพื่อที่จะระงับท่าทีอวดดีของเขา!”
“นายน้อย ได้โปรดอนุญาตด้วยเถอะขอรับ!”
ฉินเปียวพลางหัวเราะออกมาด้วยความเยาะเย้ย พร้อมพูดขึ้นมาว่า “วันนี้ ในเมื่อเป็นวันมงคลของราชาเถียสิบสามทั้งที ทำไมไม่มีการแสดงบันเทิงอะไรเลยเล่า?”
“ฉันอนุญาต”
“ขอบคุณขอรับ นายน้อย!” หยางต้าวพลันส่งเสียงคำรามตอบรับและกระโดดไปยังทุ่งว่างที่อยู่ข้าง ๆ ในทันที
พลันมีรังสีกลิ่นอายฆ่าฟันออกมากในดวงตาของเขาพร้อมทั้งเผยความโหดร้ายของเขาออกมาอย่างเต็มที่
เดิมทีเขาควรจะเป็นหนึ่งในราชาแห่งเมืองฮั่นทว่าหลังจากวางแผนบางอย่างเขาอยู่ห่างจากเพียงตำแหน่งเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เป็นเพราะฉินเทียนที่มาทำลายแผนที่เขาวางเอาไว้ นั่นจึงทำให้หนึ่งในตำแหน่งราชาที่ควรจะเป็นของเขา พลันหายไปกับสายลมในทันที
หลังจากที่ได้มาอยู่กับฉินเปียวเกือบจะครบเดือนนั้น เขาประสบกับการสังหารที่นองเลือดขึ้นมาอย่างมากมาย ทั้งยังสร้างสถานะและตัวตนของเขาขึ้นมาได้ เขาจึงมีความคิดและความทะเยอทะยานที่จะฆ่าฉินเทียนและหูเฟยลงพร้อมทั้งฮุบทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาในทีแรกกลับคืนมา
ความอัดอั้นที่ถูกเก็บกดเอาไว้นั้น ในที่สุดก็จะได้ถูกปลดปล่อยออกมาเสียที
ฆ่าลูกน้องของฉินเทียน เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับฉินเทียนดูจะไม่เลวเลยทีเดียว
“เหล่าหม่า ระวังตัวด้วย” ฉินเทียนพลางกระซิบเสียเอ่ยกำชับ
“พี่เทียน ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกครับ” เหล่าหม่าพลันพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก พร้อมทั้งเดินก้าวลงไปในสถานที่ประลองในทันที
เขาถือด้ามมีดเอาไว้ในมือ พร้อมทั้งสายตาของเขาก็สงบราวกับนกอินทรี
“ฉันจะใช้มีด นายเผยอาวุธของตัวเองออกมา ”
หยางต้าวที่อยู่ตรงข้ามนั้น ไม่มีอาวุธมีแต่เพลงหมัดเปล่า ๆ ดังนั้นหม่าหงเทาจึงไม่อยากเอาเปรียบเขา
หยางเต้าเพียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาว่า “ฉันไม่ต้องการอาวุธเพื่อที่จะมาจัดการกับแก!”
หลังจากพูดจบ เขาก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ และวิ่งพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อชกหน้าหม่าหงเทาอย่างเต็มแรง สมกับเป็นฝ่ามือเหล็กคู่ที่มีเคล็ดวิชากังฟูมาหลายสิบปีจริงๆ
อาจกล่าวได้ว่า ดาบธรรมดาก็สามารถหักลงได้ แค่เพียงหยางต้าวจับมันด้วยมือเปล่า
หม่าหงเทาพลันก้าวถอยร่นหนีออกมา ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัวนั้น หยางต้าวก็พุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับหมัดที่สองของเขา
หลังจากนั้น ก็เป็นหมัดฝ่ามือที่สามที่สี่ตามมา
ชายคนนี้กำลังเป็นฝ่ายรุกเข้ามาหาเขา หมัดแล้วหมัดเล่าที่ทำให้หม่าหงเทาถูกบังคับให้ล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน เขาไม่มีเวลาชักดาบออกมาต่อกรเลยสักนิด
จนถึงหมัดฝ่ามือที่เจ็ด เหล่าหม่าก็ได้ใช้ประโยชน์จากลมหายใจของหยางต้าวเพื่อฉวยโอกาสในจังหวะนั้น และเตะเขากระเด็นออกไปไกล นั่นจึงทำให้หยางต้าวจำเป็นลูกเตะของหม่าหงเทาในทันที
ชายคนนี้ต้องการทำกลอุบายเก่า ๆ ของเขา โดยใช้ฝ่ามือจู่โจมล่ามโซ่เหล่าหม่าเอาไว้ในคราวเดียว เพื่อโอ้อวดถึงพละกำลังของเขา
น่าเสียดายที่เหล่าหม่าเป็นผู้มีความสามารถแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังประสบการณ์การต่อสู้มากมายอีกด้วย
ใช้เวลาเพียงไม่นาน มีดด้ามยาวก็พลันหลุดออกจากฝักในทันที
ไอแสงที่เย็นวาบพลันฉาบไปทั่วตัวดาบ พร้อมทั้งมุ่งฟันตรงไปที่หยางต้าว
หยางต้าวพลันผงะไปเล็กน้อยและรีบเอียงตัวหลบในทันที
ชึ้งชึ้งชึ้ง!
เหล่าหม่าจ้วงแทงไปถึงเจ็ดครั้งติดต่อกัน และตวัดมีดอีกเจ็ดครั้งติดต่อกันเช่นกัน! นอกจากนี้ เขายังสามารถบีบบังคับให้หยางต้าวต้องล่าถอยไปได้อีกด้วย
ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ หยางต้าวพลันเหวี่ยงหมัดมือซ้ายเข้าไปที่เอวของหม่าหงเทา ทันใดนั้นก็ปรากฏไอแสงเย็นวาบขึ้นที่ฝ่ามือ และเคลื่อนไปยังใบมีดที่ยาวและแหลมคมในทันที
ด้วยเสียงแตกดังของดอกไม้ไฟ พลันปลิวว่อนไปทุกที่ในทันที
เหล่าหม่าพลันผงะไปเล็กน้อย พร้อมทั้งกระโดดหลบไปด้านข้าง เขาพลันสังเกตได้ในทันทีว่า ระหว่างนิ้วของ หยางต้าวนั้นมีใบมีดสีน้ำเงินติดอยู่
“พี่หม่าระวัง ใบมีดในมือของเขามันร้ายกาจมาก”
บนเวทีนั้นหูเฟยอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องเตือน
เหล่าหม่าดูเคร่งขรึมขึ้นเป็นเท่าตัว หลังจากที่ประมือกับหยางเต้าได้ไม่นานนั้น พวกเขากำลังจะเริ่มประเมินความแข็งแกร่งของกันและกันใหม่อีกครั้ง
เมื่อพวกเขาที่เป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ทั้งสองคน พวกเขาย่อมไม่สามารถทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้
ทั้งสองมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง พลันต่างคนต่างเดินวนลอบมองหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่ก็หาไม่เจอเลยแม้แต่น้อย
ฉินเปียวที่เป็นคนใจร้อนนั้น พลันตวาดออกมาด้วยโกรธเกรี้ยวว่า “หยางต้าว ตกลงแกทำได้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ก็ลงมา ฉันจะได้หาคนอื่นขึ้นไปแทน!”
หยางต้าวพลันแสดงสีหน้าแดงก่ำและร้องตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมทั้งฝ่ามือของเขาที่ยกลอยขึ้น พร้อมกับแสงเย็นวาบที่ส่องอยู่ระหว่างฝ่ามือของเขา และมุ่งโจมตีไปที่หม่าหงเทาอย่างดุเดือดอีกครั้ง
หม่าหงเทายังคงมีสีหน้าเงียบสงบ เขาใช้กระบวนท่าแรกของมีดม้งและกระบวนท่าที่สองของมีดม้งคอยรับมือ ใบมีดที่ยาวและแคบพลันตวัดขึ้นลง ทั้งยังดึงแสงสว่างอีกด้วย
ทั้งสองผลัดกันรุกผลักกันรับไปมา โรมรันเสียจนแยกกันไม่ออก
“พี่เทียน พี่คิดว่ายังไงดี?”
เมื่อเห็นว่าหม่าหงเทากำลังตกอยู่ที่หน้าลำบากนั้น เถียหนิงซวงก็อดไม่ได้ที่จะถามเสียงเบาออกมา ดวงตาคู่สวยพลันเต็มไปด้วยความกังวลมากมาย
“กระบวนท่ามีดม้งคงจะถึงขีดจำกัดแล้ว”
“พี่เทียน ปล่อยให้ฉันลงไปเถอะ!”
ก่อนที่ฉินเทียนจะพูดจบ ผีหวูฉางที่อยู่ข้างกันพลันพูดออกมาด้วยความอัดอั้น
โดยปกติแล้ว เขามักจะเป็นคนขี้เบื่อเล็กน้อยและไม่ค่อยคิดริเริ่มทำอะไรจริงจัง ทว่าเป็นเพราะคนอย่างหยางเต้าที่มาเตะขีดจำกัดภายในจิตใจของพวกเขานั่นเอง