ภาคที่ 4 บทที่ 85 การตัดสินใจที่ถูกต้อง

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 85 การตัดสินใจที่ถูกต้อง

เด็กดี !

ทันทีที่โจวชิงขวงได้ยินคำเหล่านั้นเขาก็ใจสะท้าน ดูท่าเขาจะแพ้ศึกครั้งนี้แล้ว

กู่เซวียนเหมี่ยนเอ่ยช้า ๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจกับผลเช่นนี้ แต่คิดดูว่าเขาทำอย่างไรยามเผ่าสัตว์อสูรโจมตีเมือง หากไม่มีเขา เมืองกลืนธาราอาจถูกพวกเผ่าสัตว์อสูรเข่นฆ่าจนสิ้นแล้ว เราอาจไม่ได้มานั่งคุยกันเช่นนี้ก็ได้ เป็นซูเฉินที่ช่วยเมืองกลืนธาราไว้ ช่วยบรรพชนตระกูลกู่ไว้ ช่วยข้าไว้ และช่วยชาวบ้านทุกคนในเมืองกลืนธาราไว้ …ว่าไปตอนเขาเสี่ยงชีวิตช่วยทุกคน เจ้าไปอยู่ไหนเสียเล่า ?”

“ข้า……” โจวชิงขวงพูดไม่ออก

ตอนที่เผ่าสัตว์อสูรโจมตีเมือง ผู้เชี่ยวชาญพลังส่วนมากถูกส่งออกไปปกป้องเมือง หากแต่ก็เป็นแค่ส่วนมาก ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมด

อย่างไรก็ยังมีคนอีกหลายคนที่ละทิ้งความรับผิดชอบและทรยศความหวังของชาวบ้านไป

โจวชิงขวงคือหนึ่งในนั้น

ในตอนนั้น เขาเก็บข้าวของและหนีออกไปซ่อนนอกเมือง มีหรือจะสนใจชาวบ้านในเมือง ?

กู่เซวียนเหมี่ยนรังเกียจเขาด้วยเรื่องนี้

โจวชิงขวงเอ่ยเสียงเกรี้ยว “ยังไงข้าก็ไม่ใช่ชาวเมืองกลืนธารา ท่านลุงเองก็เพิ่งยกเลิกงานหมั้น ข้ารู้สึกไม่ยุติธรรม ไม่มีใจจะสู้เพื่อเมืองกลืนธารา ข้ายอมรับว่าข้าเองก็มีส่วนผิด แต่การกระทำของข้ายังพอให้อภัยได้ !”

“อภัยได้หรือไม่ไม่ใช่ข้าตัดสินใจ แต่เป็นพวกชาวบ้าน” กู่เซวียนเหมี่ยนเอ่ยเสียงสบาย “เจ้าอย่าปิดบังเลย ใช่อย่างเจ้าว่า เจ้าไม่ใช่คนเมืองกลืนธารา หากไม่ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเมืองใครก็ว่าอะไรไม่ได้นัก แต่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะคิดเรื่องแต่งงานกับชาวเมืองกลืนธาราได้อย่างไร ?”

“แล้วซูเฉินเล่า ? คงขี้โกงนั่นเหมาะสมจะแต่งกับชาวเมืองกลืนธาราหรือ ?” โจวชิงขวงเอ่ยเสียงกรรโชก

“คนขี้โกง ?” กู่เซวียนเหมี่ยนเลิกคิ้ว “ข้ายอมรับว่าเขาไม่ได้หมายตั้งเครือข่ายเรือเหาะขึ้นจริง ๆ แต่หมายจะเกี่ยวดองความสัมพันธ์กับตระกูลกู่ ทำให้เขาขอกู่ชิงลั่วได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเครือข่ายเรือเหาะเป็นเรื่องหลอกลวง เพียงแต่เขาไม่ได้เห็นมันสำคัญหนักหนาเท่านั้น แต่ตัวเครือข่ายนั้นเป็นของจริง วันนี้เครือข่ายเองก็ขยายไปอย่างรวดเร็ว พัฒนาได้ด้วยดี การลงทุนเองก็เริ่มให้ผลตอบแทนแล้ว ทุกอย่างที่ต้องทำก็ลงมือทำไปแล้ว ดังนั้นที่ทำตอนนี้คือรอ ดังนั้นเครือข่ายเรือเหาะของเขาจึงนับเป็นแผนการเปิดเผยมากกว่าแผนลับ เมื่อตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสี่เมืองกลืนธาราตัดสินใจลงทุนในกิจการนี้ เราก็นับว่าเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเขาแล้ว จะถอยย่อมไม่ง่าย”

“ท่านเปลี่ยนใจแล้วงั้นหรือ ? แม้จะรู้ว่าซูเฉินโกหก แต่ก็เต็มใจยอมรับเขาหรือ ? ถึงจะไร้สายเลือดงั้นหรือ ? ถึงตระกูลกู่จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเพราะเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ ?” โจวชิงขวงเอ่ย

โครม !

เสียงตบดังก้องขึ้น โจวชิงขวงร่างกระเด็นไป

กู่เซวียนเหมี่ยนค่อย ๆ เก็บมือกลับ “ตบครั้งนี้ด้วยเรื่องที่เจ้าไม่เคารพผู้อาวุโส แต่ในเมื่อเจ้ายังเด็กนัก พ่อเจ้ากับข้าก็รู้จักกัน ข้าจะตอบคำถามเจ้าให้ ใช่ ปัญหาใหญ่สุดของซูเฉินคือพื้นเพของเขา เขาเป็นคนไร้สายเลือด แต่เจ้าลืมเรื่องสำคัญไปสองอย่าง”

กู่เซวียนเหมี่ยนยกนิ้วหนึ่ง “อย่างแรก แม้จะไร้สายเลือด แต่เขาก้าวผ่านขีดจำกัดด้านสายเลือดมานานแล้ว กระทั่งพื้นฐานพลัง จากความแกร่งที่เทียบได้ก็เท่ากับด่านสู่พิสดารระดับต่ำแล้ว ตอนที่สู้กับเผ่าสัตว์อสูร ฝีมือการต่อสู้ของเขาก็แสดงให้เห็นชัดเจน และเพราะเหตุนี้ จะเรียกซูเฉินว่าเป็นมังกรในหมู่คนก็คงไม่มากเกินไป คนที่แม้ไร้สายเลือด แต่สามารถแกร่งกว่าคนมีสายเลือดหลาย ๆ คนเช่นเขา มีเรื่องอะไรให้ต้องละอายกัน ?”

กู่เซวียนเหมี่ยนยกขึ้นอีกนิ้ว “สอง เขาช่วยชาวบ้านไว้ ชาวบ้านเคารพเขาและซาบซึ้งใจต่อเขา มีแต่คนสรรเสริญชมเชย ทุกคนรู้ว่าเขาไร้สายเลือด แต่ฝีมือการต่อสู้ของเขาทำให้เขาสามารถทำหลายสิ่งที่แม้แต่คนจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงมากมายไม่อาจแม้แต่จะฝันถึงได้ เรื่องนี้เผยแพร่ไปไกลแล้ว เจ้าคิดหรือว่าข้ายกกู่ชิงลั่วให้เขาแล้วจะต้องอับอาย ?”

โจวชิงขวงชะงักไป

ปัญหาใหญ่ที่สุดในการแต่งงานของกู่ชิงลั่วกับซูเฉินคือเรื่องหน้าตา !

ตระกูลสายเลือดชั้นสูงนั้นรักหน้าตามาก การจะให้คนจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงแต่งกับคนไร้สายเลือดก็เท่ากับแต่งกับคนชั้นต่ำกว่า เห็นได้ชัดว่าตระกูลกำลังอ่อนอำนาจลง ดังนั้นตระกูลสายเลือดชั้นสูงจึงไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นง่าย ๆ

อย่างไรก็ตาม หากคนไร้สายเลือดพิสูจน์สถานะศักดิ์ศรีของตนเอง จนได้รับการยอมรับและความเคารพ กระทั่งได้ความรักจากสาธารณะมา ก็ไม่เห็นต้องอับอายอะไรอีก

การใช้เงินมือเติบซื้อกิจการใกล้เคียงของเขาทำให้ชาวเมืองกลืนธารารู้ซึ้งถึงความร่ำรวย การบุกมาของเผ่าสัตว์อสูรทำให้ชาวบ้านนับไม่ถ้วนที่เขาช่วยไว้รู้สึกรักและเคารพชายหนุ่มอย่างลึกล้ำ

หากผู้คนยังกล้าหัวเราะใส่คนเช่นนี้เพราะเขาแต่งเข้าตระกูลสายเลือดชั้นสูง เช่นนั้นใต้หล้านี้จะยังเหลือคนมีเหตุผลอยู่อีกหรือ ?

เว้นเสียแต่ว่าทุกคนพากันจิตใจมืดบอดไปเสียหมดแล้ว ?

เพราะเหตุนี้ กู่เซวียนเหมี่ยนจึงตอบตกลง สมาคมข่ายตระกูลก็เช่นกัน

แม้จะรู้ว่าซูเฉินกับกู่ชิงลั่วมีความสัมพันธ์ลับ ๆ มานานแล้ว และซูเฉินลงมือทำเรื่องต่าง ๆ เพราะมีจุดประสงค์ซ่อนเร้น แต่พวกเขาก็ยังยอมรับ

“เจ้ามีสิทธิ์จะโกรธและไม่พอใจกับเรื่องที่ซูเฉินใช้วิธีเช่นนั้นในการเข้าใกล้ตระกูลกู่ แต่ในฐานะพ่อ ได้เห็นชายหนุ่มกล้าหาญและรักใคร่ลูกสาวตนเองลงมือทำถึงเช่นนั้นเพื่อหมายจะแต่งกับลูกข้า ข้าไร้เหตุผลให้ต้องโกรธ และการที่เขาสามารถหลอกข้าได้มันก็ยิ่งทำให้เห็นถึงฝีมือของเขา ข้าประทับใจนักที่เขาอายุเท่านี้แต่มีไหวพริบเฉลียวฉลาด เขาคิดทุกสถานการณ์อย่างรอบคอบ แต่มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ เขาเองทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ทั้งยังควบคุมตนเองได้ ข้าจะไม่ชอบคนอย่างเขาได้อย่างไร ? หากไม่ชอบข้าคงผิดปกติแล้วกระมัง ?” กู่เซวียนเหมี่ยนเอ่ยตามตรง

โจวชิงขวงตกตะลึง “เพราะงั้นท่านถึงไม่โกรธทั้ง ๆ เขาโกหกท่าน”

“ใช่ ข้าไม่โกรธ ทั้งยังดีใจ” กู่เซวียนเหมี่ยนตอบ “ไม่ใช่ข้าคนเดียว ทุกคนจากตระกูลกู่เองก็รู้สึกเหมือนกัน พวกเขาต่างอิจฉาริษยาข้า หากข้าไม่รับเขาเป็นเขย ในตระกูลกู่คงก่อสงครามแย่งตัวเขากัน”

โจวชิงขวงร่างกายสั่นเทิ้ม

เขายอมรับคำตอบนี้ไม่ได้

ถึงกระนั้น นี่ก็คือความจริงอันโหดร้ายเจ็บปวด

“ดี ! ดียิ่ง ! ข้าจะจำไว้ !” โจวชิงขวงหัวเราะเสียงดังสองครา จากนั้นเซถอยไป “พวกท่านตระกูลกู่เป็นคนคดโกง เป็นคนชั้นต่ำ โยนศีลธรรมทิ้งพอเห็นผลประโยชน์ !”

เขาโกรธเสียจนไม่อาจคุมคำที่ออกจากปากได้แล้ว

กู่เซวียนเหมี่ยนส่ายหน้า “ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าจะลบหลู่ตระกูลข้าได้ เห็นแก่ความสัมพันธ์กับพ่อเจ้า ข้าจะปล่อยเรื่องที่เจ้าพูดผ่านไปเสีย แต่หากเจ้ากล้าปากพล่อยอีก อย่าหาว่าข้าเสียมารยาทแล้วกัน ใช่แล้ว เพิ่งมีข่าวมาว่าซูเฉินฟื้นแล้ว 7 วันให้หลังนี้ชิงลั่วจะแต่งกับซูเฉิน ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ เจ้าจะได้ทำตัวให้เหมาะสม แนะนำว่าให้เจ้ารีบจากไปเสียดีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของเราจะได้คงความสงบสุขไว้ได้ ส่วนของขวัญที่เจ้านำมาก็จงนำกลับไปเถอะ”

ได้ยินดังนั้น โจวชิงขวงก็รู้ว่าไม่อาจทำอะไรได้แล้ว

เขาถอนหายใจยาวออกมา “ข้าเข้าใจคำท่านลุงแล้ว เช่นนั้น ข้า ชิงขวง ไม่ขออะไรอีก แต่ในเมื่อชิงลั่วกำลังจะแต่งงานและข้าก็ยังอยู่ที่นี่ อย่างไรข้าก็ควรเข้าร่วมงาน ท่านลุงจะให้โอกาสนั้นหรือไม่ ?”

กู่เซวียนเหมี่ยนได้ยินแล้วมุ่นคิ้ว

ตามความคิดเขา เขาไม่อยากให้โจวชิงขวงรั้งอยู่ เพราะอีกฝ่ายอาจกล่าวคำอุกอาจในงานเพื่อทำลายบรรยากาศหรือชื่อเสียงตระกูลได้

แต่อย่างไรโจวชิงขวงก็เป็นผู้สืบทอดตระกูลโจว ทั้งตระกูลโจวก็มีการติดต่อกับตระกูลกู่อยู่บ่อยครั้ง

แม้จะถอนหมั้นไปแล้ว ตระกูลโจวก็ยังต้องการเหตุผลและคำขอโทษ หากไม่แม้แต่จะให้โจวชิงขวงร่วมงานแต่งก็อาจจะใจดำไป …หากเรื่องหลุดออกไปอาจเกิดปัญหาในตระกูลกู่ได้

คิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็พยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าอยู่ต่อได้”

“ขอบคุณท่านลุงที่อนุญาต” โจวชิงขวงคำนับแล้วจากไป

กู่เซวียนเหมี่ยนว่าขึ้นพลางมองโจวชิงขวงที่เดินจากไป “บอกพวกลูกน้องให้จับตาดูโจวชิงขวง อย่าให้เขาลงมืออะไรที่อาจทำลายงานแต่งเด็ดขาด”

“ขอรับ” น้ำเสียงจากเงามืดตอบรับ