ตอนที่ 120 ค้นหาคำตอบ 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนจากไปแล้ว แต่นางลืมไปว่าระยะนี้ฮวาหวนชอบอยู่กับอาห่าวเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะอาห่าวกระโจนเข้าไปในกองเพลิงเพื่อช่วยนางออกมา นางจึงคุยกับอาห่าวทุกเรื่อง 

 

 

แม้แต่ที่ถังเฉียนเศร้าใจครั้งนี้ฮวาหวนก็เล่าให้อาห่าวรู้ นางลืมไปว่าอาห่าวบอกเถิงเฟิงทุกเรื่อง เมื่อเถิงเฟิงรู้ก็มาหานางเพื่อสอบถาม น่าเสียดายที่ไม่เจอถังเฉียน เขาจึงไปสอบถามเถิงเสวี่ย หลังจากเถิงเสวี่ยรู้เรื่องก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบอกเถิงเฟิงว่าถ้าหากเป็นเช่นนี้ก็คงต้องตัดนางทิ้งไป เพราะพรสวรรค์ของนางด้อยเกินไป 

 

 

ตามเหตุผลแล้ววงแหวนพลังทิพย์ไม่ควรสว่างขึ้น แต่ตอนนั้นนางมีวงแหวนสามวงจริงๆ ไม่น่าเป็นเช่นนั้น 

 

 

หลายปีมานี้เป็นครั้งแรกที่เถิงเสวี่ยเจอสภาพเช่นนี้ ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง 

 

 

แม้ถังเฉียนจะไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้ แต่นางยังคงทุ่มเทฝึกฝนทุกวัน ไม่ละทิ้งแม้แต่นาทีเดียว นางหวังเสมอว่าอาจมีเวลาใดเวลาหนึ่งที่เกิดโอกาสบ้าง แต่ถังเฉียนยิ่งเข้าใจเรื่องหนึ่งมากขึ้น การเติบโตสุกงอมนั้นหมายถึงจะพูดจะทำอะไรต้องรอบคอบ จะตัดสินใจทำอะไรล้วนต้องคิดทบทวนให้ดี เพราะเมื่อเป็นผู้ใหญ่นางต้องรับผิดชอบต่อผู้อื่น ต้องแบกรับผลที่เกิดขึ้น 

 

 

“อาจารย์ ข้า…” 

 

 

อาหรูน่ายังไม่ทันพูด เถิงเสวี่ยก็วางถ้วยลงบนโต๊ะ แล้วถอนหายใจ 

 

 

“อาจารย์รู้สภาพเจ้าแล้ว แต่เมื่อเจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ เมื่อเกิดปัญหาก็ควรมาหาอาจารย์ทันที เหตุใดต้องแบกไว้เอง เฮ้อ…” 

 

 

ถังเฉียนคิดไม่ถึงว่าอาจารย์จะไม่ตำหนิตน เพียงแต่ถอนหายใจเท่านั้น ยิ่งทำให้ถังเฉียนรู้สึกโทษตัวเองมากขึ้น ไหล่ที่อยู่ใต้เสื้อคลุมสีดำสั่นสะท้าน 

 

 

“อาจารย์ ศิษย์ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว” 

 

 

เถิงเสวี่ยตบไหล่ถังเฉียน ลองทดสอบพลังทิพย์ของนางด้วยตนเอง แล้วรู้สึกประหลาดใจทันที 

 

 

นางนึกในใจว่า 

 

 

ในเวลาสั้นๆ เพียงสิบวัน เด็กคนนี้ถึงกับเคลื่อนพลังถาดดาวได้แล้ว ถงถงเอ๋อร์บอกว่าถังเฉียนทุ่มเทฝึกทั้งกลางวันกลางคืน เหนื่อยเกินไปทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ แต่ไม่ได้บอกว่าถังเฉียนสามารถเคลื่อนพลังถาดดาวได้แล้ว หรือว่าร่างกายนางพิเศษกว่าคนทั่วไป 

 

 

เถิงเสวี่ยรู้สึกว่าแปลกมาก แล้วพูดเบาๆ ว่า 

 

 

“ไม่ต้องกังวล เจ้าลองเดินพลังทิพย์รอบหนึ่งต่อหน้าอาจารย์ อาจารย์อยากดูว่าปัญหาอยู่ที่ใดกัน” 

 

 

เมื่อเถิงเสวี่ยเอ่ยปาก ถังเฉียนจึงนั่งขัดสมาธิทันที ดวงตาหลุบลง เพ่งสมาธิไปที่ภายในร่างกายตนเอง สัมผัสถึงแสงที่ไม่สว่างนักภายในร่างกาย ดูราวกับกำลังสั่นไหวไม่หยุด นางท่องคาถาเพื่อชักนำ มังกรดำเหมือนถูกขังอยู่ในนั้น ส่วนมังกรแดงพันรอบตัวนางฉวัดเฉวียนไม่หยุดพร้อมกับกลืนและคายลมหายใจ 

 

 

ไม่ถึงหนึ่งเค่อถังเฉียนก็เก็บมังกรแดงกลับ เพิ่งรู้สึกเหมือนพลังทิพย์จะเพิ่มขึ้น แต่แล้วก็รู้สึกอย่างรวดเร็วว่าพลังของตนแยกออกจากภายในร่างกาย ความรู้สึกที่ค่อยๆ อ่อนเปลี้ย ทำให้นางท้อใจมาก 

 

 

“แปลกจริง ถ้าพลังทิพย์สลายไป รอบตัวเจ้าก็ควรมีพลังปรากฏขึ้น แต่อาจารย์ตรวจไม่พบแม้แต่น้อย กลับคล้ายกับเจ้าได้กินยากลืนพลังทิพย์เข้าไป” 

 

 

ถังเฉียนสั่นศีรษะทันที 

 

 

“อาจารย์ ข้าไม่ได้กินยาอะไรทั้งนั้น…เพียงแต่…” 

 

 

ถังเฉียนฉุกคิดถึงเรื่องที่วันนั้นตัวเองหมดสติไปอย่างฉับพลัน หลังจากนั้นก็ไม่สามารถรวบรวมพลังทิพย์ได้อีกเลย หรือว่าวันนั้น ในเมื่อถังเฉียนมาเพื่อหาคำตอบ นางจึงเล่าเรื่องที่ตนเองสงสัยออกมาจนหมด 

 

 

เถิงเสวี่ยฟังจบก็พยักหน้าเล็กน้อย แล้วบอกว่า 

 

 

“ระยะนี้เจ้าเจอศิษย์พี่ถงถงเอ๋อร์บ้างหรือไม่ แล้วเจอศิษย์พี่ที่ชอบผูกด้ายแดงบนผมหรือไม่” 

 

 

ถังเฉียนสั่นหัว นางไม่เจอจริงๆ เถิงเสวี่ยเห็นท่าทางถังเฉียนเช่นนี้ก็พอจะคาดเดาสาเหตุของเรื่องนี้ได้แล้ว จึงให้ถังเฉียนกลับไปก่อน 

 

 

ในใจถังเฉียนยังเปี่ยมด้วยความสงสัย แต่เห็นสีหน้าอาจารย์เย็นชามาก รู้ว่าตนไม่ควรอยู่ต่อ จึงรีบผละออกไป