ตอนที่ 674 กลัวข้ากินเจ้าหรือ / ตอนที่ 675 เอาชีวิตเข้าเสี่ยง

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 674 กลัวข้ากินเจ้าหรือ

 

 

เรือนหลังนี้เขาให้คนมาสร้างไว้ รู้ว่าซูจิ่วซือชอบสถานที่สวยงาม เรือนหลังนี้จึงสร้างตามแบบที่ซูจิ่วซือโปรดปราน ดูหรูหรางดงาม

 

 

เดิมทีเขาอยากยกเรือนหลังนี้ให้ซูจิ่วซือ แต่เกรงว่าซูจิ่วซือจะเข้าใจผิด จึงเตรียมไว้เป็นที่พักชั่วคราวสำหรับเขาเอง นึกไม่ถึงว่าเพิ่งสร้างเสร็จไม่นานก็ได้ให้ซูจิ่วซือมาพัก

 

 

“จงมั่วเจียง ทำไมจู่ๆ จึงมาตูเฉิง”

 

 

“ได้ข่าวว่าปิงปิงมาที่ตูเฉิง ข้ามาตามหานาง”

 

 

จงมั่วเจียงโกหกหน้าตาเฉย ครั้งก่อนตอนที่ร่ำลากัน เขาบอกไว้แล้วว่าวันหลังจะไม่พบซูจิ่วซืออีก แต่ก็อดใจไม่อยู่ ความคิดถึงนี้เกาะกุมหัวใจ ทำให้เขาติดตามข่าวคราวซูจิ่วซือมาตลอด และมายังตูเฉิงโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่อยากเห็นหน้านางสักครั้งโดยไม่ให้นางรู้

 

 

พอเห็นว่านางสุขสบายดี เขาก็วางใจ

 

 

แต่ครั้งนี้เขาเห็นซูจิ่วซือไม่เหมือนครั้งก่อน เขารู้สึกว่าซูจิ่วซือมีอะไรในใจ

 

 

“เรือนหลังนี้ตกแต่งอย่างดี สภาพแวดล้อมสงบ เจ้าสำนักจงช่างมีเวลามาใส่ใจรายละเอียด” ซูจิ่วซือมองไปรอบๆ ที่นี่เหมาะสำหรับมาพักผ่อนให้สบายใจ

 

 

“จิ่วซือ ถ้าเจ้าชอบ ยกให้เจ้า ปกติข้าไม่ได้มาอยู่ สร้างไว้ก็เสียเปล่า” จงมั่วเจียงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ

 

 

“กี่ตำลึง ซื้อไว้ก็ดี”

 

 

“หมื่นตำลึง จะซื้อหรือไม่” จงมั่วเจียงจงใจบอกราคาสูงลิ่ว เขาอยากยกให้ซูจิ่วซือ เรือนหลังนี้เขาตั้งใจสร้างให้นางอยู่แล้ว

 

 

ซูจิ่วซือรับคำทันทีโดยไม่ต้องคิด “ได้”

 

 

“เจ้าเอาเงินมาสุรุ่ยสุร่ายอย่างนี้ไม่กลัวฟู่เฉินหรงว่าหรือ”

 

 

ซูจิ่วซือยิ้ม “เจ้าคิดว่าเขาจะว่าหรือ”

 

 

จงมั่วเจียงไม่รู้จะตอบอย่างไร ด้วยความรักที่ฟู่เฉินหรงมีต่อซูจิ่วซือ อย่าว่าแต่หมื่นตำลึงเลย เงินในคลังหลวงทั้งหมดก็ยกให้ซูจิ่วซือได้

 

 

แม้ไม่อยากรับ แต่เขารู้ว่าฟู่เฉินหรงเอาใจใส่ซูจิ่วซือมาก เขาจึงยินดีถอยออกไป เพียงแต่เวลานี้เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ดูแล้วไม่เหมือนทะเลาะกัน

 

 

“จิ่วซือ ถ้าเจ้าเชื่อใจข้าบอกข้าหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้”

 

 

ซูจิ่วซือไม่ใช่ไม่เชื่อใจจงมั่วเจียง แต่ไม่อาจบอกเขาได้ ถ้าเขารู้คงจะเตือนนาง แต่นางไม่อาจตัดใจ ยังเหลือเวลาอีกเจ็ดเดือนกว่าจะคลอด บางทีอาจจะมีวิธีอื่น

 

 

นางอยากให้โอกาสลูกในท้องมีชีวิตอยู่ต่อไป

 

 

“ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ช่วงหลังนี้มีเรื่องกลุ้มใจ ก็เลยออกมาสงบใจระยะหนึ่ง”

 

 

จงมั่วเจียงรู้ว่าซูจิ่วซือไม่ยอมพูด แม้เป็นห่วงซูจิ่วซือ แต่ก็ไม่ซักต่อ ด้วยนิสัยของผู้หญิงคนนี้ ถามไปก็ไม่มีประโยชน์ นางไม่พูดอะไรแน่

 

 

“เช่นนั้นก็ดี เรือนหลังนี้ขายให้เจ้า ถ้าไม่ถือสาให้ข้าอยู่สักสองวัน! พรุ่งนี้ข้าจะไปหาปิงปิง”

 

 

“อย่าพูดถึงเรื่องข้า ข้าไม่อยากให้นางรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่”

 

 

“แม้แต่ปิงปิงเจ้าก็ปิดบัง” จงมั่วเจียงถามด้วยความสงสัย

 

 

“จงมั่วเจียง เจ้ายินดีช่วยข้าหรือไม่ เรื่องที่ว่าข้าอยู่ที่ไหนอย่าบอกให้คนอื่นรู้เด็ดขาด”

 

 

ถ้าได้อยู่กับซูจิ่วซือโดยไม่มีอะไรรบกวนสักสองวัน สำหรับเขาแล้วเป็นความปรารถนาที่สุดเอื้อม

 

 

ในเมื่อซูจิ่วซือเป็นคนเสนอเอง แน่นอนว่าเขาต้องรับปาก ถือว่าเป็นเหตุผลที่เขาจะได้ใกล้ชิดซูจิ่วซืออย่างไม่ต้องปิดบัง “ในเมื่อฮองเฮาต้องการเช่นนี้ ข้าย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบสนอง วันนี้ได้หมื่นตำลึงจากฮองเฮา ข้าพอใจมาก จิ่วซือ มาดื่มด้วยกันสักแก้วดีหรือไม่”

 

 

“ข้าดื่มไม่ได้ เจ้าสำนักจงเชิญตามสบาย”

 

 

“กลัวข้ากินเจ้าหรือ” จงมั่วเจียงเลิกคิ้ว มองซูจิ่วซือด้วยสายตาหยอกล้อ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 675 เอาชีวิตเข้าเสี่ยง

 

 

ซูจิ่วซือลุกขึ้น พยักหน้าให้จงมั่วเจียง น้ำเสียงห่างเหินขึ้น “ข้ากลับไปพักที่ห้องก่อน จงมั่วเจียง เจ้าเองก็พักผ่อนเร็วหน่อย”

 

 

พอซูจิ่วซือเข้าไปในห้อง ซูจิ่วซือก็เอามือตบหัวตัวเอง เกือบลืมไปว่าผู้หญิงคนนี้เคร่งครัดแบบแผน ล้อเล่นอย่างนี้ไม่ได้ นางคงไม่นึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น!

 

 

พอคิดได้อย่างนี้ จงมั่วเจียงก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด เขามองตามหลังซูจิ่วซือ จนลับสายตาก็ยังยืนอยู่ที่เดิม พรุ่งนี้เขาจะหาเผยปิงปิงถามให้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

พอเห็นซูจิ่วซือท่าทางไม่สบายใจ เขาเป็นห่วงซูจิ่วซือจริงๆ

 

 

พอกลับมาที่ห้อง อาหลานก็ก้มลงปูผ้าคลุมเตียง ซูจิ่วซือนั่งบนม้านั่งยกกาชาขึ้นมาริน

 

 

อาหลานอยู่ข้างๆ ทูลขึ้น “ฮองเฮา ฝ่าพระบาทคงรู้แล้วว่าฮองเฮาออกจากวัง คงค้นหาฮองเฮาไปทั่วเมืองหลวง อีกไม่นานคงจะตามมาถึงนี่”

 

 

“เรือนหลังนี้อยู่ท่ามกลางป่าไผ่ ฟู่เฉินหรงตามมาถึงนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงจะตามเจอ จงมั่วเจียงบอกไว้แล้ว เรือนนี้มีห้องใต้ดิน พอถึงตอนนั้นเราไปหลบอยู่ที่ห้องใต้ดินก็ได้ ขอแต่ให้ลูกอยู่เกินสามเดือน เราก็กลับวังได้”

 

 

อาหลานมือค้าง หันหน้ามา ซูจิ่วซือกำลังหลุบตาลงดื่มชา อาหลานมองสีหน้านางไม่ออก

 

 

ซูจิ่วซือยกชาขึ้นดื่มอย่างช้าๆ อาหลานสะกดใจ แต่สุดท้ายก็ยังอดไม่ได้ทูลถามขึ้น “ฮองเฮาจะทำอย่างนี้จริงๆ หรือเพคะ”

 

 

“เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีก ข้าตัดสินใจแล้ว”

 

 

“วันหลังฝ่าพระบาทจะทำอย่างไรเพคะ”

 

 

“หนอนไหมพิษอาจจะไม่กำเริบ ในเจ็ดเดือนนี้ข้าจะหาทาง ถ้าไม่มีทางจริงๆ

 

 

อาหลาน เจ้ารับปากข้าเรื่องหนึ่ง ถ้าข้าคลอดลูกแล้วหนอนไหมพิษกำเริบ เจ้าฆ่าข้า อย่าให้ข้ามีชีวิตเหมือนคนบ้า ข้ากลัวตัวเองจะทำร้ายคนอื่น ถ้าข้าตาย เฉินหรงยังมีแคว้นเจียงกับลูก พระองค์ยังมีทุกอย่างอยู่ในมือ”

 

 

อาหลานทรุดลงคุกเข่ากับพื้นทันที “ฮองเฮาตัดสินพระทัยยอมตาย เอาชีวิตแลกชีวิต พระโอรสถือกำเนิดก็ไม่มีพระมารดา ฝ่าพระบาทก็สูญเสียฮองเฮา อย่างนี้คุ้มหรือ ฮองเฮาโปรดพิจารณาให้รอบคอบ”

 

 

“ไม่ว่าจะเลือกอย่างไรก็เจ็บปวด กับคนอื่นข้าจัดการได้ แต่กับลูก ข้าทำไม่ลง”

 

 

ซูจิ่วซือวางจอกในมือ ทอดสายตามองอาหลานอย่างจริงจัง “เจ้าต้องรับปากข้า”

 

 

“บ่าวเองก็ทำไม่ลง”

 

 

อาหลานสั่นหัว “เรื่องนี้บ่าวไม่กล้ารับปาก ถึงรับปากบ่าวก็ทำไม่ลง ถ้าฮองเฮายืนยันทำตามนี้ บ่าวก็จะไม่พูดอะไร จะอยู่กับฮองเฮาตลอดไป

 

 

เวลานี้บ่าวได้แต่หวังว่าฮองเฮาจะพิจารณาให้ดี ฮองเฮากับฝ่าพระบาทผ่านเหตุการณ์มามากมายจึงได้อยู่ด้วยกัน บ่าวหวังว่าฮองเฮากับฝ่าพระบาทจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า”

 

 

“ถ้าไม่มีหนทางจริงๆ ข้าจึงจะยอม เวลานี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังมีโอกาสอยู่ ใต้หล้าผู้คนที่มีความสามารถมีมากมาย ต้องไปตามหา ไม่แน่อาจจะพบวิธีแก้พิษ”

 

 

ซูจิ่วซือสายตาเด็ดเดี่ยว หนอนไหมพิษทำให้เป็นบ้าได้ แต่ในใจของนางยังคงมีความหวัง บางทีอาจจะพบยอดฝีมือที่สามารถแก้พิษหนอนไหมได้

 

 

นางอยากเสี่ยงสักครั้ง หากชนะ นางกับลูกอาจจะรอดชีวิต หากแพ้ นางจะตาย ถ้านางล้มเลิกเวลานี้ ลูกก็มีแต่ตายเท่านั้น

 

 

นางอยากให้โอกาสลูกสักครั้ง ยอมเอาชีวิตเข้าเสี่ยง นางยอมรับได้

 

 

เพียงแต่ว่าพอนึกถึงฟู่เฉินหรง นางก็รู้สึกปวดร้าวใจ นางย่อมไม่อยากพรากจากฟู่เฉินหรง จึงหาทางขจัดพิษ หาทางเอาชีวิตรอด ไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด