1885 vs 1886 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1885 ฉินมั่วที่เริ่มจะเลี้ยงเด็ก
ฉินมั่วหรี่ตาลง เอ่ยอย่างเย็นชาราวกับเป็นเจ้าชายว่า “พวกเธอนัดกันเมื่อไร?”
“มะรืนนี้” ป๋อจิ่วไม่เคยปกปิดอะไรกับเจ้าหญิงน้อย
ฉินมั่วอ่านความอยากกินแฮมเบอร์เกอร์ในแววตาเธอออก หลังจากที่พับแขนเสื้อให้ ก็พูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร “วันมะรืนนี้เธอน่าจะหายจากหวัดแล้ว ไปกินได้”
ป๋อจิ่วได้ยินแล้วยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ แววตาสดใสทันที “มั่วมั่ว ไปกับฉันไหม?” พ่อเธอเคยบอกว่า หากจะเลี้ยงคนที่ชอบ เราต้องแสดงความจริงใจให้เห็น ปฏิบัติต่อกันด้วยความรัก ป๋อจิ่วคิดดูแล้ว นอกจากนอนด้วยกัน การออกไปกินเนื้อนอกบ้านก็ถือเป็นการเพิ่มความรู้สึกดีที่ได้ผลมากที่สุด
แต่ใครจะรู้ ฉินมั่วรอประโยคนี้ของเธออยู่ มุมปากหยักยิ้มทันที “ได้”
เขารับปากแล้ว? ป๋อจิ่วกะพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเมื่อวานมั่วมั่วรังเกียจเธอจะตาย แทบจะโยนเธอทิ้งออกนอกหน้าต่างแล้ว ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนไป?
เหมือนอย่างที่พ่อพูดไว้เปี๊ยบ การนอนด้วยกันสามารถเพิ่มความรักได้ ป๋อจิ่วคิดหวานอยู่ครู่หนึ่ง รอจนรู้สึกตัวก็พบว่าเจ้าหญิงน้อยกำลังเช็ดมือให้เธอ ดูเหมือนว่าตั้งแต่อยู่กับเขา เธอจะสะอาดขึ้นกว่าเดิมเยอะ คงเหมือนอย่างที่พ่อสอนเธอไว้ว่า คนเราพออยู่กับหมึกดำเราก็จะดำไปด้วย ป๋อจิ่วน้อยช่างมีความสามารถในความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้มากทีเดียว ทำให้ฉินมั่วต้องปวดหัวกับความเข้าใจในภาษาจีนที่เพี้ยนๆ ของเธอ
คุณพ่อบ้านหนุ่มผมเธอเตรียมที่จะพาตัวคุณหนูจิ่วไปส่งที่บ้านเธอตั้งแต่เช้า ด้วยแอบได้ยินคุณชายพูดด้วยน้ำเสียงอดกลั้นว่าเมื่อครู่ว่า ‘ป๋อเสียวจิ่ว’ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะฝันก็คือ นอกจากคุณชายจะไม่สั่งให้เขาเอาคุณหนูกลับไปส่งที่บ้าน ยังปลอกเปลือกไข่ไก่ให้เธอที่นั่งอยู่ตรงข้ามในขณะที่ทานข้าวเช้าด้วย
สิ่งที่ทำให้ตะลึงงันมากที่สุดก็คือ คุณชายเป่าถ้วยโจ๊กที่อยู่ข้างมือแล้วดันไปยังฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวก่อนนะ คุณพ่อบ้านระลึกถึงความรู้ด้านวัฒนธรรมจีนที่ตนเองค้นเจอจากอินเทอร์เน็ต ดูเหมือนตัวเอกของเรื่องจะไม่ได้ทำแบบนี้ คุณชายไม่ได้ทำเหมือนดูแลคนอายุรุ่นเดียวกับตัว แต่เหมือนเลี้ยงลูกต่างหาก ไม่ ไม่สิ เอาใจใส่ยิ่งกว่าเลี้ยงลูกอีก เพราะคนตะวันตกมักจะเลี้ยงดูเด็กด้วยการฝึกให้เด็กทำอะไรด้วยตัวเอง เรื่องเป่าโจ๊กให้เย็นหรือลอกเปลือกไข่ให้ ต้องไม่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเขาแน่นอน!
ไม่รู้ว่าเพราะเขาเผลอหลุดสีหน้าหลากหลายอารมณ์ออกไปหรือไม่ คุณชายที่กำลังกินเสี่ยวหลงเปาเงยหน้ากวาดตามองเขา คุณพ่อบ้านฉลาดลึกล้ำ รีบถือถาดยืนตัวตรงด้วยท่ายืนสง่า
ฉินมั่วจึงดึงสายตากลับมา ก้มหน้ากินเสี่ยวหลงเปาจากปลายตะเกียบ
ส่วนป๋อจิ่วที่ไม่ได้กินอาหารเช้าที่สมบูรณ์ขนาดนี้มานานแล้ว มีเรื่องหนึ่งที่พูดแล้วเธอก็อาย เธอชอบใช้ช้อนกินอาหาร ไม่ค่อยมีโอกาสใช้ตะเกียบสักเท่าไร เธอจึงคีบเสี่ยวหลงเป่าด้วยท่าที่ตลกมาก
พอคีบครั้งแรก มันก็ร่วง
พอคีบครั้งที่สอง มันก็ร่วงต่อ
เมื่อมาถึงครั้งที่สาม ยัยเสือน้อยใช้ตะเกียบปักตรงกลาง แล้วยกเข้าปากทีเดียวจนแก้มตุ่ย กลิ่นหอมของเนื้อหมูกระจายทั่วช่องปาก ด้วยเหตุที่ผสมถั่วฝักยาวไว้ในไส้จึงไม่มันเลี่ยน แถมยังอร่อยจนอยากกินเป็นคำที่สอง…
………………………………………………
ตอนที่ 1886
ยัยเสือน้อยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจนอยากจะลอยขึ้นฟ้าเลยทีเดียว เธอกำลังจะปักตะเกียบลงบนลูกที่สอง กลับถูกเจ้าหญิงน้อยห้ามไว้ “เขาไม่ได้ใช้ตะเกียบกันแบบนั้น” เสียงนั้นราบเรียบ พูดจบก็กำมือเธอ เริ่มสอนว่าต้องใช้อย่างไร
ป๋อจิ่วเอียงศีรษะมองดูเขาแล้วขยับปลายตะเกียบอีกครั้ง จากนั้นเธอก็คีบได้ แต่มันช้าเหลือเกิน ทว่าเมื่อมองดูเจ้าหญิงน้อยที่ใช้ตะเกียบคีบอาหารได้สวยและแม่นยำ ก็รู้สึกว่าไม่ใช่เพราะตะเกียบเป็นปัญหา เธอเกาศีรษะตัวเองอย่างหดหู่ “ฉันโง่เอง”
แม้ฉินมั่วจะชอบว่ายัยเสือน้อยโง่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้ยัยเสือน้อยในความดูแลรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ยิ่งเธออาศัยอยู่ในต่างประเทศ การใช้ตะเกียบไม่เป็นย่อมเป็นที่น่าเห็นใจ เขาไม่เคยเลี้ยงเด็กก็จริง แต่รู้ดีว่าเด็กก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาจึงเงยหน้าออกคำสั่งต่อพ่อบ้าน “คุณลองใช้ตะเกียบดูซิ”
คุณพ่อบ้านหนุ่มผมทองได้ยินคำสั่งที่ว่าก็งงงวย ไม่รู้ว่าคุณชายคิดมีเจตนาอะไร ทว่าในฐานะที่เป็นพ่อบ้านมืออาชีพ เมื่อเจ้านายสั่งเขาก็ต้องทำ แม้คนต่างชาติอย่างเขาจะไม่เคยใช้มันมากก่อน แต่เคยอ่านเจอในนิยายอยู่หลายครั้ง เขาล่ะนับถือคนจีนจริงๆ ที่ไม่เพียงแต่จะใช้เอาไม้เล็กๆ สองอันมาเป็นอุปกรณ์กินอาหาร พวกยอดฝีมือยังเอาอันหนึ่งมาฆ่าคนได้อีกด้วย คุณพ่อบ้านเชื่อมั่นว่าขอแค่เขาค่อยๆ เรียนรู้ เขาต้องทำได้สักวันหนึ่งแน่
ดังนั้นเมื่อฉินมั่วเอ่ยปากออกมา คุณพ่อบ้านก็ยินดีจะลองใช้ เขาหยิบตะเกียบจากโต๊ะมาด้วยความเคารพอย่างสูง ก่อนจะคีบเสี่ยวหลงเปาที่ร้อนกรุ่น
ครั้งแรก หยิบไม่ขึ้น
ครั้งที่สอง หลุด
ครั้งที่สาม เขานึกถึงสิ่งที่คุณชายสอนคุณหนูจิ่ว แต่ด้วยใช้แรงที่ไม่พอเหมาะ ทำให้ตะเกียบข้างหนึ่งหลุดร่วง เล่นเอาเครื่องหมายคำถามกระจายเต็มใบหน้าเลยทีเดียว ทำไมถึงยากอย่างนี้? สีหน้าของคุณพ่อบ้านฉงนจนน่าเอามาทำเครื่องหมายอิโมจิ
ฉินมั่วจึงพูดกับป๋อจิ่วอย่างเป็นเรื่องธรรมดา “เห็นแล้วใช่ไหม ผู้ใหญ่หลายคนก็ใช้ตะเกียบไม่เป็น เธอใช้ไม่เก่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างน้อยเธอยังคีบอาหารได้”
“อื้อ!” ป๋อจิ่วยิ้มออกทันที ส่ายหางเสือพลางพยักหน้า
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินมั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคีบเสี่ยวหลงเปามาให้ถึงปากยัยเสือน้อย ในเมื่อเป็นเด็กที่เขาจะเลี้ยง ย่อมต้องต้องรับผิดชอบป้อนอาหารให้ แม้จะไม่ถนัดสักเท่าไร แต่ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน ยังดีที่ยัยเสือน้อยฉลาดกว่าคนทั่วไป ต้องฝึกใช้เป็นอย่างรวดเร็วแน่
ส่วนคุณพ่อบ้านที่ยังฝึกใช้ไม่เป็น… เขารู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายในโลกนี้ ด้วยการทดสอบการใช้ตะเกียบของคนต่างชาติอย่างเขา เดี๋ยวนะ คุณชายไม่รู้สึกหรือครับว่าตัวเองดีต่อคุณหนูจิ่วเกินไป! คุณจะเลี้ยงลูกให้คุณป๋อเหรอครับ? ถ้าท่านประธานรู้เข้าจะต้องตะลึงแน่
คุณพ่อบ้านมีอะไรอยากจะบอกนายใหญ่ของตัวเองอย่างมากมาย เขามีหน้าที่รับผิดชอบการใช้ชีวิตประจำวันของคุณชาย ท่านเคยบอกว่าถ้าคุณชายเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นสักเพียงนิดต้องรีบโทรแจ้งท่านทันที เรื่องเลี้ยงลูกให้คนอื่น น่าจะนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ได้นะ?
………………………………………….