1887-1 vs 1887-2 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1887-1

คุณพ่อบ้านยังไม่ทันได้โทรไปรายงานคุณท่านอาน ก็ถูกคุณชายเรียกไปที่ห้องหนังสือเสียก่อน คุณชายของเขาช่างเหมือนตัวละครในนิยายเทพเซียน เพราะมีเด็กคนไหนบ้างที่ชอบเรื่องตำรา หมากล้อม พิณโบราณ และภาพวาดตั้งแต่ตัวยังน้อยนิด ก็มีแต่คุณชายของเขานี่แหละ!

มีห้องหนังสือส่วนตัวยังไม่พอ กระทั่งยังวางเครื่องเขียนพู่กันจีนไว้ด้วย คุณพ่อบ้านรู้สึกอย่างลึกซึ้งเลยล่ะว่า ตัวเองทำถูกแล้วที่มาทำงานบ้านตระกูลอาน

พวกแฟนๆ หนังสือคงไม่เข้าใจ การมีคนที่สร้างบรรยากาศเหล่านี้ให้เราจะมีความรู้สึกอย่างไร คุณชายของเขาถือเป็นยอดฝีมือเชียวนะ แต่ในขณะที่คุณพ่อบ้านยังไม่รู้ว่าคุณชายเรียกเขามาทำไม คิดไปคิดมาก็คิดออกเพียงอย่างเดียวว่า คุณชายน้อยจะต้องเตือนไม่ให้เขาพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป โปรดอย่าถามว่าเขารู้ได้อย่างไร? ก็นิยายในอินเทอร์เน็ตเขียนกันแบบนั้น แต่ฉินมั่วกลับไม่ได้เอ่ยถึง นอกจากถามว่า “คุณเคยเลี้ยงเด็กน้อยไหม?”

คุณพ่อบ้าน “…”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว “หือ?”

หือ? คุณพ่อบ้านปรับท่าทีตัวเอง คิดเสียว่าคุณชายกำลังถามความรู้จากเขา “เวลาชาวตะวันตกเลี้ยงดูเด็ก เราจะเน้นเรื่องการฝึกให้เด็กทำอะไรด้วยตัวเองเป็น” ว่าแล้วก็สำรวจสีหน้าคุณชายราวกับยินดีมาก ก่อนจะเอ่ยต่อ “อย่างเรื่องกินข้าวอะไรทำนองนี้ เด็กจะต้องกินด้วยตัวเอง”

ฉินมั่วได้ยินมาถึงตรงนี้ก็เงยหน้ามอง “งั้นขอถามหน่อย ปีนี้คุณอายุเท่าไรแล้ว?”

“รายงานคุณชาย ผมอายุ 24 ครับ” คุณพ่อบ้านตอบเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อฉินมั่วได้ยินเข้าก็วางกระดาษตัวอักษรที่เขียนด้วยพู่กันลงบนโต๊ะ “อายุ 24 น่าจะยังไม่ได้แต่งงาน ผมเคยอ่านเจอในหนังสือของพวกฝรั่ง ท่าทางคุณจะไม่เคยมีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาก่อน”

แล้วยังไง? คุณพ่อบ้านไม่เข้าใจ ฉินมั่วดูเหมือนกำลังจะวางแผนอะไรสักอย่าง เอ่ยพึมพำขึ้นมาว่า “ยังต้องป้อนข้าวอยู่ เพราะยัยเสือน้อยยังเด็กอยู่มาก”

คุณพ่อบ้าน…คุณชายครับ ในเมื่อตัดสินใจแล้ว จะยังถามผมทำไมอีก? ยิ่งไปว่านั้นอะไรคือการบอกว่ายัยเสือน้อยยังเด็กอยู่มาก พวกคุณอายุเท่ากันนะครับ!

“นอกจากนี้ ต่อไปอาหารเช้าของผม ขอเปลี่ยนเป็นนมนะ” ฉินมั่วพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

คุณพ่อบ้านยิ่งงงเข้าไปใหญ่ “คุณชายไม่ชอบดื่มนมไม่ใช่เหรอครับ?” เรื่องนี้ท่านประธานอานเป็นคนมาย้ำเองกับทางครัวว่า คุณชายชอบกินอาหารจีน ไม่ชอบนมหรือของที่มีกลิ่นคาวนมเนย ปกติเด็กชายดื่มนมน้อยมาก แต่ทำไมจู่ๆก็สั่งเปลี่ยนเฉยเลย

ฉินมั่วได้ยินคำถามของคุณพ่อบ้านก็ชะงักมือ จะเพราะอะไรล่ะ ก็เพราะสามเซนติเมตรที่เตี้ยกว่ายัยเสือน้อยไง

 “คุณชายครับ?” คุณพ่อบ้านหันมามองพลางถามซ้ำ

ฉินมั่วตอบอย่างเรียบเฉย “ผมชอบกินตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

คุณพ่อบ้านเงียบพลางคิดในใจว่าคุณชายช่างเป็นคนที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ และในเวลานี้ เสียงเด็กน้อยคนหนึ่งดังข้างหู “มั่วมั่ว”

 คุณพ่อบ้านหันไปมอง นั่นไง คุณหนูจิ่วนั่นเอง ฉินมั่วมองดูยัยเสือน้อยที่ประคองน้ำร้อนมาให้ แล้วเงยหน้าส่งสายตาให้คุณพ่อบ้านอีกครั้ง ฝ่ายหลังปฏิบัติตามได้เป็นอย่างดี พอเห็นปุ๊บก็หายไปปั๊บ รู้ตัวเป็นอย่างดี ทว่าเขามีเรื่องจะรายงานท่านประธานอานเป็นกระบุงโกยเลยทีเดียว กำลังเรียบเรียงเรื่องราวอย่างใจเย็น!

 …………………………………………

ตอนที่ 1887-2

ป๋อจิ่วที่อยู่ในห้องหนังสือ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหล่อนส่ายหางเสือ มองดูเจ้าหญิงน้อยที่ดื่มน้ำร้อนที่เธอเอามาให้จนหมด รู้สึกปลื้มปริ่มในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อวานมั่วมั่วไม่ยอมดื่มของที่เธอยกมาให้ แต่วันนี้ไม่ปฏิเสธแล้ว ถือเป็นสัญญาณดี เชื่อว่าหลังจากนี้ไม่นานเจ้าหญิงน้อยจะต้องยินดีขายตัวเองให้เธอแน่ สมหวังจริงๆ

ฉินมั่วดื่มน้ำร้อนจนหมด ลำคอก็สบายขึ้นมาก หันมามองดูยัยเสือน้อยที่ส่ายหางอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ปฏิเสธในสิ่งที่คุณพ่อบ้านพูดอย่างสิ้นเชิง ยัยเสือน้อยดูแลเขาเก่งออก ไม่ต้องฝึกให้ทำอะไรด้วยตัวเอง ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ฉินมั่วคาดไว้!

ยัยเสือน้อยเห็นเขาดื่มยาจนหมดก็บอกว่าจะกลับบ้าน เจ้าหล่อนพูดพลางส่ายหาง “แม่กลับมาแล้ว สงสัยว่าพ่อต้องตื๊อแม่สะบัดแน่ ฉันต้องรีบกลับไปทำตัวน่ารัก ไม่งั้นแม่จะเป็นห่วง”

แม้ว่ายัยเสือน้อยจะพูดถูก แต่เขาวางแผนไว้ว่าจะสอนเธอเขียนหนังสือ หากเป็นเช่นนี้ เขาคงต้องอยู่ในห้องหนังสือคนเดียวแน่นอน แต่ฉินมั่วก็บอกตัวเองว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย อย่างน้อยก็เงียบดี

ป๋อจิ่วเห็นเจ้าหญิงน้อยส่งเสียงรับรู้ก็เข้าไปยืนที่ข้างโต๊ะ แล้วหยิบพู่กันที่วางด้านข้างขึ้นมา มองดูเพื่อนที่เอียงหน้าอยู่ตรงกลางระหว่างบริเวณที่มีแสงตกต้องและร่มแสง เห็นแล้วอยากกอดมาก

ป๋อจิ่วคิดเช่นนี้แล้ว จึงโผเข้าไปกอดด้วยแรงที่เยอะกว่าอย่างหักห้ามใจไม่ได้ แต่ทำเอาพู่กันพลอยหลุดมือและขีดเข้าที่ใบหน้าของฉินมั่ว

หนึ่งวินาทีแห่งความกระอักกระอ่วน ป๋อจิ่วรู้สึกว่าตัวเองเถื่อนไปหน่อยจึงเกาใบหูตัวเอง เจ้าหญิงน้อยจะต้องตะโกนเรียกชื่อเธออีกแน่

ไม่คิดเลยว่า อีกฝ่ายจะแค่มองเธอแวบเดียว ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดหน้าที่เปื้อนเพราะเธอ ยิ่งเป็นเช่นนี้ ป๋อจิ่วยิ่งรู้สึกผิด

ฉินมั่วแสดงท่าทีชัดเจน เขามีหลักปฏิบัติอยู่สองอย่างต่อเด็กที่เขาเลี้ยงและไม่ได้เลี้ยง หากเป็นเด็กที่เขาเลี้ยง เขาจะค่อยๆสอน “ต่อไปอย่ากระโดดเข้ามาแบบนี้อีกนะ”

ป๋อจิ่วพยักหน้า เอ่ยขึ้นอีก “มั่วมั่ว เธออย่าเพิ่งเขียนก่อนได้ไหม”

“ทำไม?” ฉินมั่วเช็ดหน้าเสร็จ ก็ให้ออร่าของความเป็นเจ้าชายน้อย

ป๋อจิ่วลากแขนเขา “ฉันอยากพาเธอไปเจอพ่อกับแม่ของฉัน ฉันต้องบอกพ่อกับแม่เรื่องเธอดูแลฉันทั้งคืน” เธอเดินตามประวัติศาสตร์ที่เป็นมา ส่วนเรื่องจะทำอย่างไรต่อไป คงต้องไปศึกษาต่อจากพ่อ

ฉินมั่วได้ยินแล้วอึ้ง เมื่อคิดว่าต่อไปเธอต้องมาบ่อยแน่ เขาก็ควรจะไปบอกคุณอาป๋อสักคำตามมารยาท

หากคุณท่านอานรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องหัวเราะชัวร์ เพราะหลานท่านเคยเป็นฝ่ายไปเยี่ยมคนอื่นเสียที่ไหน ตอนนี้แค่ยัยเสือน้อยพูดแค่นิดเดียวก็ขยับทันที มหัศจรรย์เอามากๆ

แต่วันนี้ฉินมั่วไม่เหมือนคนที่เอาแต่อยู่ในห้องหนังสือจริงๆ เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้หรอก นี่คงเพราะมียัยเสือน้อยมาอยู่ด้วย ถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องหนังสือช่างเงียบเหงาเย็นกระด้าง หลังจากที่หาเหตุผลให้ตัวเองได้แล้ว คุณชายฉินก็จัดเก็บข้าวของ เตรียมเสื้อขนเป็ดที่มีขนสัตว์ติดคอเสื้อของตนเองมาสวมให้ยัยเสือน้อย

 ……………………………………