1887-3 vs 1887-4 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1887-3
เวลานี้ป๋อจิ่วสวมเสื้อของฉินมั่วได้อย่างไม่รู้สึกหวั่นกลัว แถมเสื้อตัวนั้นยังขับให้เธอดูน่ารักขึ้นอีกด้วย ทั้งสองต่างสวมเสื้อตัวนอกยี่ห้อเดียวกัน คุณชายฉินมีรสนิยมด้านเสื้อผ้าสูง คงเพราะได้อิทธิพลจากคนเป็นแม่ ตอนนี้เด็กน้อยทั้งสองต่างสวมเสื้อขนเป็ดในคอลเล็กชันเดียวกัน พากันเดินย่ำบนหิมะ เหมือนสง่าเหมือนรูปหยกสลักเลยทีเดียว
ป๋อจิ่วดีใจจะแย่อยู่แล้ว เพราะเจ้าหญิงน้อยยอมให้เธอจูงมือ แต่มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือไม่รู้ว่าทำไมเขาเห็นบ่าเธอแล้ว แววตาถึงเปลี่ยนไป
ส่วนเรื่องนี้ คุณพ่อบ้านหนุ่มผมทองที่ยืนส่งทั้งสองตรงประตูรู้ทันทีว่าทำไมคุณชายถึงให้เขาเก็บความลับเรื่องที่เปลี่ยนอาหารเช้าให้เป็นนมแทน คุณชายติดใจเรื่องความสูงนี่เอง!
ดูจากสภาพดังกล่าว คุณชายเตี้ยกว่าคุณหนูจิ่วจริงๆ คุณพ่อบ้านจับประเด็นได้ก็รีบโทรหาคุณท่านอานทันที ส่วนคุณท่านอานได้ยินแล้ว ถึงกับยิ้มจนรอยเหี่ยวย่นเพิ่มขึ้นไม่น้อย โอ หลานท่านก็มีเวลาแบบนี้เหมือนกัน อุตส่าห์เร่งดื่มนมเพราะเตี้ยกว่าเพื่อน ท่านยิ้มอย่างยินดีที่เอาหลานมาอยู่ที่นี่
อ้อ ไม่สิ ต้องบอกว่าได้มาเจอแม่เสือน้อยของตระกูลป๋อต่างหาก นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ส่วนอีกด้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ป๋อจิ่วตัวน้อยพาเพื่อนมาที่บ้าน พ่อเธอเก็บซ่อนความลับไว้เยอะมากจึงไม่สะดวกให้ใครมาเห็น ในฐานะที่เป็นเจ้าแม่ทั่วละแวกนี้อย่างเธอ ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบคีย์บอร์ด แน่ละ คนที่ไม่เข้าใจ เธอย่อมไม่พามาที่บ้าน
แต่มั่วมั่วไม่เหมือนคนอื่น รู้ดีว่าคีย์บอร์ดสำคัญต่อเธอมาก แถมยังช่วยเช็ดทำความสะอาดให้ก่อน ถึงจะยอมให้เธอกอดมัน อย่างไรเสียเธอยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าหญิงน้อยของเธอแสนดีเหลือเกิน
ทางด้านคุณป๋อเองก็ไม่คิดว่าท่านจิ่วของเขาจะพาคุณชายฉินมากินข้าวที่บ้านด้วย อุตส่าห์สร้างภาพเป็นพวกเกาะเมียกิน พอเห็นฉินมั่วเข้าก็เลิกคิ้วอย่างเกียจคร้าน
ฉินมั่วเป็นเด็กฉลาด เห็นผู้ใหญ่สวมที่คาดผม แต่งตัวเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัย ก็เอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณอาป๋อ”
คุณป๋อยิ้ม “เด็กดี” เออ เจ้าเด็กบ้านตระกูลฉินฉลาดดี แต่จะฉลาดอย่างไรก็ต้องตกอยู่ในเงื้อมมือท่านจิ่ว เขารู้ดีว่าเวลาลูกสาวอยากได้อะไรก็ตาม แค่แสดงความความน่ารักออกไปก็ทำให้หัวใจคนละลายได้แล้ว เรื่องนี้เหมือนพ่อไม่มีผิด
คุณป๋อให้แขกนั่งลงอย่างใจดี ส่วนมาดามป๋อยังคงสวมชุดสูท เท้าเหยียบบนรองเท้าส้นสูงคู่ดำ ท่าทางเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่พอเห็นลูกสาว ความเย็นกระด้างในแววตาพลันละลายลง เธอก้มลงอุ้มลูกขึ้นมา “วันนี้ลูกจิ่วเป็นเด็กดีหรือเปล่าคะ?”
“เป็นค่า” ป๋อจิ่วรับประกันด้วยสีหน้าว่านอนสอนง่าย “หนูไม่ซนเลย”
มาดามป๋อหัวเราะพลางบีบจมูกลูก ทว่าเมื่อหันไปเห็นฉินมั่วที่อยู่ข้างตัวลูกเธอ ความสงสัยก็พาดผ่านแววตาทันที ต้องรู้ว่าลูกจิ่วของเธอไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้าน พ่อหนูคนนี้เป็นคนแรก แถมยังเป็นเด็กเชื้อสายจีนอีกต่างหาก มาดามป๋อเป็นนักธุรกิจ เคยเห็นผู้คนหลากหลายประเภท แต่ไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายคนไหนที่โดดเด่นเท่าเด็กน้อยตรงหน้าก่อน ทำให้เธอนึกถึงบทกวีโบราณที่เคยเรียนในประเทศจีนก่อนจะมาอยู่เมืองนอกที่ว่า
คุณชายผู้งามสง่า ยืนเด่นเป็นประจักษ์
วัยท่านช่างเยาว์นัก กลับเด่นเหนือผู้ใด
ลูกจิ่วของเธอไปรู้จักเพื่อนแบบนี้จากที่ไหน?
………………………………………….
ตอนที่ 1887-4
เมื่อเห็นสายตาของคนเป็นแม่ ป๋อจิ่วฉุกคิดขึ้นได้ กระโดดลงจากอ้อมกอดแล้ววิ่งไปอยู่ตรงหน้าฉินมั่ว ก่อนจะจูงมือเพื่อน “แม่จ๋า นี่คือมั่วมั่ว เมื่อคืนเขาดูแลหนูทั้งคืนเลย แถมยังป้อนยาให้หนูด้วย”
มาดามป๋อรู้ดีว่าลูกสาวเธอไม่ชมใครง่ายๆ แน่ พ่อลูกคู่นี้เฉยๆ กับทุกคน น้อยครั้งที่จะชมคนอื่น เวลานี้แววตาของลูกเธอไม่ได้แค่ชอบที่เด็กชายคนนี้ดูแลทั้งคืนแต่อย่างเดียวหรอก แต่พอจะเอ่ยปากกลับเห็นว่าเด็กชายทำสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ก็แค่ยื่นมือมาพับแขนเสื้อให้ลูกจิ่ว ลูกเธอฉลาดจะตาย ความจำยังดีกว่าเด็กคนอื่น
เวลาที่เธอไม่อยู่บ้าน บางครั้งก็อดคิดว่าความสามารถในการจดจำมากจากการซึมซับจากคนใกล้ชิดหรือไม่ แต่มันถือเป็นเรื่องดีสำหรับเด็ก ไม่ใช่ว่าไม่ดี แม้การมีไอคิวสูงอาจทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนในวัยเด็ก เธอจึงชอบกังวลว่าลูกเธอจะไม่มีใครเข้าใจ ตอนนี้เห็นทีเธอคงไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะในบรรดาเด็กที่มีรุ่นราวคราวเดียวกัน ยังมีคนที่เข้าใจลูกเธอ ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำหน้าที่แม่แทนเธอได้ด้วย
“ขอบคุณเจ้าชายน้อยมั่วมั่วมากเลยนะคะที่ช่วยดูแลลูกจิ่ว” มาดามป๋อก้มตัวลูบศีรษะฉินมั่วเบาๆ “ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันใช่ไหมคะ เดี๋ยวน้าไปทำให้หนูกับจิ่วนะคะ”
ฉินมั่วยังไม่พูดอะไร คุณป๋อก็โพล่งขึ้นมาก่อน “เมื่อกี้บอกว่าต้องรีบไปประชุมไม่ใช่เหรอ ที่แท้ก็หลอกผมนี่”
มาดามป๋อมองสามีแวบหนึ่ง หมายความว่าเพราะมีเด็กตัวน้อยอยู่ด้วยหรอก เด็กตัวใหญ่อย่างเขารอไปก่อนเถอะ
คุณป๋อจึงวางมือบนพนักเก้าอี้ “ท่าทางผมคงหมดความหมายไปแล้ว”
แค่สองประโยคสั้นๆ ฉินมั่วก็รู้สภาพของครอบครัวนี้ทันที ช่างไม่เหมือนที่บ้านเขาสักนิด แม่เขาเป็นฝ่ายถูกพ่อดูแลอย่างครบถ้วน แถมยังอ่อนโยนเอาใจมากด้วย ไม่เหมือนเวลาอยู่ในกองทัพสักนิด แต่ยังมีอำนาจเหนือทุกคนในครอบครัว แถมพ่อยังกุมหัวใจแม่อยู่หมัดอีกด้วย
เมื่อหันมาดูคุณอาป๋อที่รอให้ภรรยาเลี้ยง ทั้งยังพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ คุณอาผู้หญิงรับหน้าที่โอ๋เด็กสองคน คนหนึ่งคือยัยเสือน้อย ส่วนอีกคนก็คุณอาป๋อ
ฉินมั่วคิดว่าเขาอาจช่วยแบ่งเบาภาระให้คุณอาหญิงได้ ก่อนจะกินข้าว เขาพายัยเสือน้อยไปกินที่อื่น ปล่อยให้คุณอาป๋ออ้อนภรรยาได้เต็มที่
นี่แหละที่เป็นเหตุให้ผู้ชายตัวโตถูกชะตากับผู้ชายตัวเล็กยิ่งขึ้น ไม่ผิดหรอก เรียกว่ารู้ดีเชียวล่ะ คุณป๋อหาทางยื้อเวลาอยู่กับภรรยาให้มากหน่อย จะได้บอกท่านประธานหญิงของเขาด้วยการกระทำว่า เธอไม่ต้องดูแลเด็กตัวเล็กสองคนนี้หรอก แต่ควรจะดูแลเด็กตัวใหญ่อย่างเขามากว่า
และเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะยัยเสือน้อยไม่เกาะติดแม่แล้ว เอาแต่แนะนำข้าวของทั้งหลายให้เจ้าหญิงน้อยอย่างเดียว พ่อเธอไม่ได้แนะนำให้ทำแบบนี้ เธอแค่อยากจะสนิทกับเจ้าหญิงน้อยให้มากขึ้นเท่านั้น
เมื่อฉินมั่วเดินตามยัยเสือน้อยเข้าห้องเธอไป พบว่าห้องนี้ต่างไปจากห้องเด็กน้อยคนอื่น ไม่ใช่เพราะตกแต่งไม่เหมือนกัน แต่ห้องเด็กน้อยไม่น่าจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องถึงสามเครื่อง แถมแต่ละเครื่องยังเป็นรุ่นใหม่เอี่ยม ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ที่เรี่ยราดบนพื้น แม้จะอ่านง่าย แต่คนที่มีความรู้ภาษาอังกฤษระดับดีอย่างเขา ย่อมอ่านหน้าปกออกว่ามันคืออะไร แม้ว่าจะเข้าใจคร่าวๆ แต่ก็ยังรู้ว่ายัยเสือน้อยที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เสือน้อยธรรมดาเสียแล้ว
…………………………………………………………..