1888-1 vs 1888-2 vs 1888-3 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1888-1

“มั่วมั่ว นั่งก่อน” ยัยเสือน้อยพูดจบก็กวาดตามองดูห้องตัวเอง แต่ก่อนไม่รู้สึกอะไร แต่พอมาดูตอนนี้ก็รู้สึกว่าสู้ห้องที่เธอนอนกับเจ้าหญิงน้อยไม่ได้ ดังนั้นเจ้าหล่อนจึงส่ายหางเล็กน้อย ดึงดันอธิบาย “ปกติแล้วฉันชอบทำความสะอาดจะตาย แต่เมื่อวานเป็นหวัดเลยกวาดห้องไม่ไหว ทำเอาห้องเละเลย งั้นเธอนั่งตักฉันดีไหม” ว่าแล้วก็ตบขาตัวเอง

ฉินมั่วไม่สนใจความทะเล้นของอีกฝ่าย เดินเข้าไปหยิบถุงใส่มันฝรั่งทอด เอ่ยด้วยสีหน้าหยิ่งๆ “นี่ไม่น่าจะเป็นของเมื่อวานนะ” เมื่อโดนรู้ทัน ยัยเสือน้อยพลันเปลี่ยนเรื่องพูด “มั่วมั่ว ฉันจะแนะนำของรักให้เธอรู้จักนะ นี่เป็นเจ้าซิลเวอร์หมายเลขหนึ่ง ส่วนอันนี้เป็นเจ้าซิลเวอร์หมายเลขสอง…”

ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ฉินมั่วกวาดตามอง รู้ดีว่าเด็กต้องการได้รับคำชม จึงเอ่ยขึ้นตามมารยาท “ตั้งชื่อได้ดีมาก” หากเครื่องคอมพิวเตอร์มีความรู้สึก มันคงกระโจนเข้าไปถามเจ้าชายน้อยคนนี้แล้วล่ะว่า ชื่อซิลเวอร์หมายเลขหนึ่ง หมายเลขสอง มันดีที่ตรงไหน!

ทว่ายัยเสือน้อยรู้สึกว่ารสนิยมของตัวเองได้รับการชม จึงพูดด้วยความรู้สึกหวานแหวว “ฉันยังทำการบ้านของวันนี้ไม่เสร็จเลย มั่วมั่วรอก่อนนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

ป๋อจิ่วน้อยครั้งจะเชื่อใจคนอื่นอย่างจริงจัง เหมือนอย่างที่มาดามป๋อพูดนั่นแหละว่าเด็กคนนี้เหมือนพ่อ อย่าเห็นว่าเรื่อยเฉื่อยกับคนเขาไปทั่ว แต่จริงๆ แล้วเข้าถึงได้ยาก ทว่าเมื่ออยู่กับฉินมั่ว ป๋อจิ่วเหมือนจะปล่อยวางความระวังทุกอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม น่าจะเป็นเพราะได้เจอกับคนที่มีวิถีชีวิตที่ต่างไปจากตัวเอง หรืออาจเป็นเพราะไม่ว่าจะเห็นอะไร เจ้าหญิงน้อยก็ยังเหมือนเดิม ต่อให้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาเป็นต้องมาม้วนแขนเสื้อให้ทุกที

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าการได้มาเจอเจ้าหญิงน้อยถือเป็นบุญที่เธอสะสมมาตั้งแต่ชาติก่อน จึงดูแลสัตว์เลี้ยงตัวน้อยในอนาคตของตนด้วยความเอาใจใส่ พ่อเคยบอกว่า เราอาจจะเสแสร้งทำตัวไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เมื่อเจอคนที่รักอย่างจริงใจ ย่อมจะต้องเชื่อฟังคำพูดอีกฝ่าย เอาใจแลกใจ แล้วยอมอ่อนข้อให้

ป๋อจิ่วคิดว่าตัวเองคือประธานจอมโหด เรื่องแบบนี้ต้องแสดงออกให้เห็นด้วยการกระทำ เธอจะต้องโอ๋เจ้าหญิงน้อยให้เต็มที่ ให้เขารู้ว่าปกติแล้วเธออาจจะยุ่งบ้าง จึงอยู่เป็นเพื่อนเขาบ่อยๆ ไม่ได้ เจ้าหญิงน้อยจะได้เข้าใจ ไม่คิดน้อยใจ ยัยเสือน้อยคิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองฉลาดเหลือเกิน ถึงกับส่ายหางพลางยิ้มออกมา

ฉินมั่วยืนดูคนบางคนก้มตัวต่อสายคีย์บอร์ด มือทั้งคู่ที่พรมบนแป้นพิมพ์ดูขาวและเล็กนิดเดียว แต่กลับพิมพ์ได้เร็วมากจนเห็นตัวโค้ดที่พิมพ์ออกมาได้ไม่ชัด ภาพแบบนี้คงจะเห็นไปแค่ในการ์ตูนเท่านั้น เพราะคนพิมพ์ยังเด็กเหลือเกิน

ก่อนที่จะได้เจอยัยเสือน้อย ฉินมั่วคิดว่าค่อยมีเด็กคนไหนหรอกที่มีระดับไอคิวเทียบเท่าเขา แต่เมื่อได้เห็นท่าพิมพ์ของยัยเสือน้อย สมองเขาก็ผุดคำว่า ‘อัจฉริยะ’ ขึ้นมา ยัยเสือน้อยที่เขาจะเลี้ยงดูถือเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง เห็นทีต่อไปเขาต้องระวังเรื่องอาหารการกินเสียหน่อย

คุณชายฉินสมกับที่เป็นคุณชายตระกูลฉินจริงๆ ยังอุตส่าห์เอาแต่คิดเรื่องจะดูแลคนของตัวเองให้ดีอย่างไร

 …………………………………………

ตอนที่ 1888-2

เวลานี้ป๋อจิ่วพิมพ์ด้วยความเร็วสูง พูดเป็นเล่นไป ก็เจ้าหญิงน้อยรอเธออยู่ เธอจะต้องโชว์ความตั้งใจในการทำงานให้แฟนเห็นสิ! ยัยเสือน้อยก้มหน้าก้มตาจัดการระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ได้สังเกตเห็นแววตาที่ฉินมั่วมองเธอเหมือนเธอเป็นสัตว์เลี้ยง คงเพราะจมดิ่งอยู่ในการแก้ปริศนาบางอย่าง กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าผ่านไปถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว

แย่แล้ว เธอลืมไปเลยว่าเจ้าหญิงน้อยอยู่ข้างตัว เขาจะรู้สึกว่าเธอทอดทิ้งเขาหรือเปล่านะ ป๋อจิ่วคิดเช่นนี้ก่อนจะกลิ้งตัวนั่ง ทว่าเมื่อเธอหันหลังกลับไปก็ถึงกับตาโตเลยทีเดียว เพราะห้องเธอถูกจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นเยอะ ก่อนจะหันไปมองฉินมั่วที่หยิบหนังสือของเธอมาอ่านอยู่ด้านข้าง

ห้วงเวลาดังกล่าว สีหน้าของป๋อจิ่วเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระโดดใส่เด็กชายที่หยิ่งยโสเต็มแรง แค่นั้นไม่พอ ยังเอาหน้าไปถูไถ “มั่วมั่ว ทำไมเธอถึงได้เป็นกุลสตรีแบบนี้ ต่อไปฉันจะแต่งเธอเข้าบ้าน ดีไหม”

ฉินมั่วไม่ชอบใจที่โดนกระโจนใส่แบบนี้ เพราะการทำเช่นนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงความสูงที่ต่างกัน ทว่ายัยเสือน้อยกลับไม่เก็บงำความรู้สึก แถมยังจะแต่งเขาเข้าบ้านอีก “ป๋อเสียวจิ่ว คำว่ากุลสตรีเขาใช้กับผู้หญิงเท่านั้น”

ฉินมั่วพูดในสภาพกัดฟันกรอดๆ ทว่าป๋อจิ่วไม่เก็ท เธอช้อนสายตาแวววาวขึ้นมอง หูเสือตั้งขึ้นมา “แต่เธอเก่งมากเลยนะ ก็ต้องเป็นกุลสตรีสิ” พูดจบก็หลุบตาก่อนจะกระทำสิ่งหนึ่งที่ส่งเสียงดัง ‘จ๊วบ’ เบาๆ อย่างเป็นธรรมชาติ “ฉันจุ๊บเธอแล้วกัน ถือเป็นคำชม”

ห้วงเวลาดังกล่าว ฉินมั่วนิ้วเกร็งเลยทีเดียว สิ่งที่อยากจะพูดออกมากลับถูกเสียงจุ๊บของอีกฝ่ายทำให้ต้องกลืนกลับไป บริเวณที่โดนจุ๊บร้อนฉ่า ใบหน้าเธออ่อนนุ่มมาก ให้ความรู้สึกเหมือนขนนกที่ไล้หัวใจ คันๆ อย่างบอกไม่ถูก แถมยังมีกลิ่นลูกอมด้วย จึงยากที่จะเมินเฉย

ฉินมั่วผลักตัวอีกฝ่ายออกไป ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง ส่วนป๋อจิ่วที่ถูกผลักก็ไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด ตบชุดนอนของตัวเอง ยิ้มมองดูเด็กชายตัวน้อยที่หูเริ่มแดง

เจ้าหญิงน้อยของเธอมีข้อเสียตรงที่ขี้อายเกินไป เมื่อเทียบกันแล้วเธอเลยเหมือนคนโฉดเถื่อนก็ว่าได้ แต่เธอพอเข้าใจความรู้สึกส่วนลึกของเจ้าหญิงน้อยอยู่บ้าง เพราะเมื่อทำความดีออกมาแล้วโดนจุ๊บ ต่อไปเขาต้องทำดีให้มากยิ่งขึ้นแน่นอน

โชคยังดีที่ตอนนั้นคุณชายฉินมั่วยังไม่ได้มีความรู้ด้านจิตวิทยา ไม่อย่างนั้น หากรู้ความคิดของเจ้าหล่อนเข้าจะต้องสูดหายใจลึกแน่

ป๋อจิ่วดื่มด่ำกับความหวานไปเอง เอ่ยอย่างตั้งใจว่า “มั่วมั่ว ต่อให้เธอไม่ใช่กุลสตรี ฉันจะยังจะหอมเธอ”

ฉินมั่วตอบเพียง “หึ” สมกับเป็นเจ้าชายน้อยแสนหยิ่ง

ป๋อจิ่วกลับแปลอาการดังกล่าวว่าเป็นความเขินอาย ไม่เป็นอุปสรรคต่อการกระทำของเธอที่จะรุดหน้ายิ่งขึ้น!

ฉินมั่วมองดูยัยเสือน้อยที่หรี่ตาลงอย่างมุ่งมั่น เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายยังแยกชายกับหญิงไม่ออก ทั้งยังคิดว่าหากชอบใครก็หอมคนนั้นได้ ซึ่งมันไม่ดีเลย เพราะยังมีเด็กฝรั่งที่ชื่อวิลเลี่ยมจูเนียร์นั่น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วก็ส่งมือไปบีบหูเสือของเจ้าหล่อน

 …………………………………………………..

ตอนที่ 1888-3

เขารู้ตัวทันทีว่าพอทำแบบนี้แล้วไม่สะดวกอย่างแรง เพราะเมื่อยืนด้วยกัน เขากลับเตี้ยกว่าเธอนิดหนึ่ง ทำให้พอฉินมั่วเอ่ยอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา “ต่อไปอย่าเห็นใครชอบใครก็ไปจุ๊บเขา ห้ามทำแบบนี้เชียวนะ”

ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ “ไม่ให้ทำแบบนี้ แล้วจะให้ทำแบบไหน? ปกติแล้วเขาจูบมือกันด้วยนะ”

“จูบมือน่ะ เขาให้ผู้ชายทำกับผู้หญิง แล้วในประเทศจีนก็ไม่มีการทำแบบนี้ด้วยนะ” นี่ยังอยากจูบคนอื่นอีกเหรอ?

ป๋อจิ่วกะพริบตา “แต่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในจีนนี่นา ยังไงเราก็ต้องทำตามธรรมเนียมเขานี่”

“ปกติแล้วเธอเคยไปงานเลี้ยงหรือเปล่า” ฉินมั่วขัดจังหวะอีกฝ่าย

ยัยเสือน้อยส่ายหน้า “ไม่อะ”

“แม้กระทั่งไปต้อนรับแขกอย่างที่ฉันไปกับคุณตา?” ฉินมั่วถามอีก

ป๋อจิ่วส่ายหน้า

“แล้วทำไมเธอจะต้องสนใจเรื่องการจูบมือด้วย” ฉินทั่วพูดจบก็เติมอีก “เวลาจูบมือกันอะ จะทำให้คนขยะแขยง”

เอาเถอะ ป๋อจิ่วไม่อยากถูกมองเป็นตาแก่น่าขยะแขยง เธอน่ารักจะตาย

“งั้นฉันไม่จูบแล้ว” ยัยเสือน้อยพูดอย่างว่าง่าย อันที่จริงสีหน้ายังแฝงความทะเล้นอยู่

ฉินมั่วกลับชินเสียแล้ว สีหน้ายังคงยะโสเหมือนเดิม แต่ไม่พูดอะไรต่อ การเลี้ยงเด็กไม่ใช้เรื่องที่ทำกันประเดี๋ยวกระด๋าว ยิ่งยัยเสือน้อยคนนี้ ต้องค่อยๆ ปรับนิสัยเอา

ยัยเสือน้อยเหมือนนึกอะไรออก พลันดึงมือเจ้าหญิงน้อยมา ก่อนจะเลือกเล่นคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง โดยที่มือข้างหนึ่งกำลังแก้ระบบอยู่

ต่อให้ฉินมั่วไอคิวสูงแค่ไหน แต่ก็ไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากนัก ไม่รู้เหมือนกันว่ายัยเสือน้อยจะทำอะไร ได้แต่มองดูชื่อของเขากะพริบระยิบระยับ จากนั้นยัยเสือน้อยก็ส่ายหาง “มั่วมั่ว เธอลองใช้เมาส์เล่นดูสิ เกมนี้สนุกนะ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีหรอก”

ถึงฉินมั่วจะไม่รู้เรื่องโค้ด แต่พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายสร้างเกมที่เล่นง่ายขึ้นมาเกมหนึ่ง “ที่เธอบอกว่าเป็นการบ้าน ก็คืออันนี้เหรอ?”

ป๋อจิ่วส่งเสียงยอมรับ “พ่อสั่งให้ฉันทำ ถ้าทำไม่ดี พ่อจะให้กินต้มบะหมี่ฝีมือพ่อ ฉันยอมตายดีกว่ายอมกิน”

พอจะเห็นได้ว่าฝีมือการทำครัวของคุณป๋อย่ำแย่แค่ไหน ถึงฉินมั่วไม่ชอบนินทาผู้ใหญ่ แต่ป๋อจิ่วชอบ แถมกว่าจะหาคนมานั่งฟังก็ยากจะตาย

ป๋อจิ่วคลี่นิ้วนับจุดอ่อนของพ่อตัวเอง “เราเล่นเป่ายิงฉุบกันทุกครั้งที่ต้องทำกับข้าวเลยละ พ่อชอบบอกแม่ว่าบะหมี่ที่ฉันต้มเป็นฝีมือพ่อเอง แม่จะได้รักพ่อมากขึ้น เพราะบะหมี่ที่พ่อต้มน่ะไม่อร่อยเลย ครั้งที่แล้วพ่อใส่ปลาหมึกเข้าไปด้วย มันไม่อร่อยอย่างแรง เพราะพ่อต้มไม่สุก ขนาดเอาไปให้แมวกินเพราะไม่อยากให้สิ้นเปลืองอาหาร ปรากฏว่าเจ้าเหมียวมันยังไม่แลเลย แต่ดันบอกว่าตัวเองชอบเข้าครัว” พูดมาถึงตรงนี้ เจ้าหล่อนก็ส่ายหางพลางพูดกับเจ้าหญิงน้อยอย่างตั้งใจ “มั่วมั่ว เดี๋ยวถ้าพ่อหยิบอะไรให้กินแล้วบอกว่าเป็นฝีมือพ่อที่ช่วยแม่เข้าครัว เธออย่ากินนะ มันมีพิษ”

“ได้” ฉินมั่วรับคำสบายๆ แต่คิดในใจว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งั้นปกติแล้วยัยเสือน้อยจะกินอะไร

แต่เขาเตรียมแผนรองรับปัญหานี้ไว้แล้ว ความทรงจำที่ตอนที่เธอกับคุณอาป๋อมาขอข้าวที่บ้านเขากินยังสดใหม่เสมอ

ยัยเสือน้อยยังไม่รู้ว่าแผนการในวันนั้นแตกแล้ว ยังคงจิ้มนิ้วที่หน้าจอ ก่อนจะพูดกับเพื่อน “มั่วมั่ว เธอเคลื่อนเมาส์ได้เลย”

…………………………………………..