1888-4 vs 1889-1 vs 1889-2 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1888-4

ฉินมั่วเฉยๆ กับเรื่องเกม แต่เขาเป็นเด็กผู้ชาย ย่อมรู้สึกสนใจบ้าง เขาคลิกปุ่มหนึ่ง ซอมบี้บนหน้าจอก็กระโดดขึ้น  เมื่อระบบไม่ซับซ้อนจึงเล่นได้ง่าย

เดิมทีคิดว่าพอกระโดดออกจากโลงศพก็จะได้ผลไม้เลือด สำหรับฉินมั่ว มันไม่ได้ท้าทายความสามารถเขาสักเท่าไร แต่ไม่คิดว่าพอซอมบี้ตัวนั้นได้ผลไม้เลือดไป ประโยคหนึ่งก็กระโดดออกมา “ยินดีที่เจ้าชายมั่วมั่วชนะได้เกมนี้ ฉันเอามอบตัวเองให้ จุ๊บ”

จากนั้น ดวงดาวเอฟเฟกต์ก็ปรากฏบนหน้าจอ แต่ละดวงล้วนแต่เขียนชื่อเขาเอาไว้ ฉินมั่วเกร็งนิ้ว แววตาสะท้อนแสงที่ระยิบระยับ ต้องบอกว่ายัยเสือน้อยเก่งด้านการเอาใจคนจริงๆ แต่…  “เกมถูกตั้งระบบไว้เรียบร้อยแล้วนี่ เธอเพิ่งจะแก้ให้เป็นชื่อฉันใช่ไหม?”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วเลิกตาขึ้น “มั่วมั่ว เธอฉลาดจัง”

ฉินมั่วไม่พูดอะไร ถ้าเกมถูกสร้างระบบไว้ดีแล้ว ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อว่าอะไร? ป๋อจิ่วไม่รู้เลยว่า เจ้าหญิงน้อยที่อยู่ข้างตัวจะมีความอยากเป็นเจ้าของสูงมาก ยังแสดงสีหน้าอวดผลงานอีกต่างหาก “ฉันเก่งมากใช่ไหม?”

ฉินมั่วดึงสายตากลับมา เอ่ยเสียงเรียบ “อื้ม”

อื้ม? แค่เนี้ย? ยัยเสือน้อยยังคิดว่า พอเจ้าหญิงน้อยเล่นเกมนี้แล้วจะยอมตกลงปลงใจเป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอ เธออุตส่าห์โทรไปถามพ่อเรื่องนี้แล้ว พ่อบอกว่านี่คือแผนระดับยุทธศาสตร์ แต่ทำไมเธอใช้มันแล้วถึงไม่สำเร็จ

เป็นครั้งแรกที่ให้คนอื่นได้เล่นเกมของเธอ แต่กลับไม่รู้สึกประสบความสำเร็จ เมื่อก่อนเธอทำให้ตัวเอง ชื่อก็เลยเป็นของตัวเอง เธอไม่เคยเปลี่ยนไปใช้ชื่อคนอื่น แล้วเกมที่เธอสร้างขึ้นก็น่าสนุกออก

ตอนแรกเธอเห็นเจ้าหญิงน้อยยิ้มมุมปากชัดๆ แต่ยิ้มนั่นอยู่ไม่นานก็จางหาย กลายเป็นความเย็นยะเยือกแทน เห็นทีจะเชื่อในสิ่งที่พ่อพูดมากนักไม่ได้ บุคลิกความเป็นประธานมากเกินไปก็ไม่ดี ไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ความเรียบร้อยของเธอ เธอจะต้องอาศัยความสามารถตัวเองให้เจ้าหญิงน้อยยอมรับตัวเธอให้เร็วที่สุด

ป๋อจิ่วกำหนดบทบาทให้ตัวเองใหม่ ไม่รู้เลยว่าในหัวใจของเจ้าหญิงน้อยกลับคิดเพียงอย่างเดียว เขาอยากเห็นหน้าวิลเลี่ยมจูเนียร์ที่ยัยเสือน้อยพูดถึงเสียหน่อย เพราะไม่ชอบความรู้สึกที่คนอื่นมีความสุขที่เขาควรจะได้ก่อนหน้าเขา

สรุปแล้วก็คือ มันเป็นความเข้าใจผิดที่สวยงาม ทว่าวิลเลี่ยมจูเนียร์ซึ่งกระโดดลงจากรถโรงเรียนกลับจามหนักถึงสองครั้ง เมื่อหันไปมองด้านหลัง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หนาวที่ต้นคอ เขาต้องรู้สึกไปเองแน่ๆ

วิลเลี่ยมจูเนียร์บี้จมูกตัวเอง เขามีเส้นผมสีทอง ตาสีฟ้า แถมยังเป็นชาวตะวันตก ทำให้รู้สึกว่าเขาทระนงตัวเสียเหลือเกิน พรุ่งนี้เขานัดไปกินแฮมเบอร์เกอร์กับจิ่ว หนนี้ต้องขอเงินจากแดดดี้เยอะหน่อย ไม่งั้นคงไม่พอกิน

เขาได้ยินมาว่าแถวนี้มีเด็กจีนย้ายมาอยู่ด้วย ลือกันทั้งโรงเรียนเลยว่าหน้าตาดีเหมือนเป็นเจ้าชายน้อย

อย่าหาว่าเขาโม้เลยนะ แต่หากมีเขาอยู่ด้วย จะมีใครกล้าเรียกตัวเองว่าเจ้าชายน้อยได้อีก ฮึ!

………………………………………

ตอนที่ 1889-1

เวลานั้น วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองช่างใสซื่อ

รอจนมาถึงวันต่อมา

ยัยเสือน้อยที่ชอบกินแฮมเบอร์เกอร์ แถมได้ออกจากบ้านน้อยครั้ง ทั้งยังจะได้พาเจ้าหญิงน้อยไปด้วยจึงตื่นเต้นมาก ขนาดที่ท้องฟ้ายังไม่สว่างก็ปีนกำแพงบ้านฉินมั่วแล้ว น่าเสียดายที่หลังจากโดนจับได้ เจ้าหญิงก็ไม่ยอมพูดกับเธอตั้งหนึ่งชั่วโมง ป๋อจิ่วได้แต่ลูบจมูก วิ่งวนรอบตัวอีกฝ่าย จนในที่สุดฉินมั่วได้ยินเสียงท้องร้องก็ขมวดคิ้ว “มานี่”

ป๋อจิ่วกำลังยืนบนขอบเตียง รีบเข้าไปหาทันทีที่ได้ยินคำสั่ง โดยฉินมั่วเริ่มจากถอดหมวกให้ ก่อนจะถามเธอว่า “รู้ตัวว่าผิดหรือยัง?”

ป๋อจิ่วกะพริบตา “รู้แล้ว” ดูจากท่าทีซุกซนของเธอ ไม่น่าจะรู้หรอก ฉินมั่วจึงคิดว่าจะให้เอากระถางต้นไม้ไปวางไว้ด้านนอกให้มากหน่อย อยากจะเห็นเหลือเกินว่า พอวางเข้าไปเยอะขนาดนี้แล้ว ยัยเสือน้อยยังจะกล้าทำอะไรที่มันอันตรายไหม?

ยัยเสือน้อยกำลังตื่นเต้นกับการจะได้กินแฮมเบอร์เกอร์ ไม่รู้ความคิดของเจ้าหญิงน้อยเลยสักนิด แต่ต่อมาเธอก็ดีใจมาก เพราะเจ้าหญิงน้อยหยิบขนมมาป้อนให้เธอชิ้นหนึ่ง

“อร่อยจัง” แป้งด้านนอกกรอบ แต่ข้างในนุ่ม แถมยังหวานนิดๆ ไม่เหมือนกับขนมที่เธอเคยกินมาก่อนเลย ท่าทางน่าจะเป็นขนมในประเทศจีน ยัยเสือน้อยชอบของที่มาจากประเทศจีนตั้งแต่เด็กจนโจ ตากลมๆ มองดูอย่างสดใส อยากกินอีกชิ้น แต่เธอต้องเรียบร้อย

ฉินมั่วอ่านความคิดอีกฝ่ายออกจึงยิ้มขึ้น มองดูยัยเสือน้อยที่ทำตัวเป็นเด็กดี ก่อนจะบิอีกชิ้นเข้าปากเธอพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ต่อไปต้องกินข้าวเช้าด้วย รู้ไหม”

ป๋อจิ่วพยักหน้าอย่างเอาใจ ทุ่มเทความสมาธิไปที่อาหาร “มั่วมั่ว ขนมนี้เรียกว่าอะไรเหรอ?”

ฉินมั่วชะงัก ดูจะไม่อยากพูดถึงชื่อ แต่เมื่อเห็นยัยเสือน้อยกินไปสามอันอย่างไม่คิดจะลดละ ถึงเช็ดมือพลางพูดออกมาว่า “เหล่าผอปิ่ง[1]”

เหล่าผอปิ่ง? เหล่าผอคืออะไร?

เวลานั้นป๋อจิ่วยังรู้ศัพท์ภาษาจีนไม่เยอะ ที่สำคัญคือคุณป๋อไม่เคยเรียกภรรยาด้วยคำคำนี้ เอาแต่เรียกว่ามาดามป๋อ ดังนั้นยัยเสือน้อยจึงไม่รู้จักคำศัพท์ที่ว่า แต่เธอไม่อยากให้สัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่จะซื้อมาเลี้ยงรู้สึกว่าเธอไม่มีความรู้ จึงพยายามสีหน้าปกติ แต่คิดในใจว่า พอกลับไปจะต้องไปถามพ่อให้ได้ว่าเหล่าผอหมายความว่าอะไร?

อันที่จริงที่ฉินมั่วไม่อยากพูด ไม่ใช่เพียงเพราะชื่อของมันเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีที่มาของขนมนี้อีก ต้องบอกว่านี่แหละคือฉินมั่ว เด็กคนอื่นที่อยู่ในวัยเดียวกันยังไม่น่าจะรู้ถึงประวัติของขนมเหล่าผอปิ่ง คุณสมบัตินี้ของเขามาจากการอบรมสั่งสอนทั้งนั้น คุณท่านฉินที่ลาโลกไปแล้วเป็นนายพลใหญ่ผู้บุกเบิกประเทศ สั่งสอนหลานชายจนได้สิ่งดีๆ หลายอย่างติดตัวมา สามารถบอกที่มาของทุกสิ่ง ใช่ว่านายพลใหญ่ทุกคนจะทำได้ แต่คุณท่านฉินเป็นผู้ให้ความสำคัญต่อความเป็นมาของประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับพันปี นานวันเข้าจำนวนหนังสือที่ฉินมั่วอ่านจึงเยอะมาก

 ………………………………….

ตอนที่ 1889-2

เมื่อคุณท่านฉินยังมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งที่เห็นฉินมั่วตัวน้อยนั่งอ่านหนังสือ เป็นต้องเรียกให้หลานไปวิ่งเล่น ตอนนั้นฉินมั่วมักจะสวมเสื้อลายพราง ไม่เหมือนกับที่ใส่เวลาอยู่ที่นี่ ทำให้ดูเป็นลูกผู้ชายมาก เขาบอกคุณท่านฉินว่าเขาชอบอ่านหนังสือหลังจากฝึกเสร็จมากกว่า ทำให้หลายคนได้แต่ชื่นชมว่าหลานเพียงคนเดียวของตระกูลฉินถือเป็นต้นแบบของทุกคน และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณพ่อบ้านพูดไม่ผิดหรอก คุณชายของเขามีบุคลิกเหมือนคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ในสมัยโบราณ แถมยังเหมือนพวกองค์ชายอีกด้วย

ไม่ผิด เด็กเก่งๆ ในสมัยนี้มีมากมาย แต่ประเภทที่มีออร่าติดตัวแบบนี้ ไม่เพียงจะต้องเกิดมาบนกองเงินกองทอง ยังต้องได้รับการอบรมสั่งสอนและซึมซับจากสิ่งแวดล้อม ถึงจะมีความสง่าสูงศักดิ์ด้วย ทั้งยังรวมถึงคุณลักษณะส่วนตัวของเด็กด้วย ฉินมั่วเป็นเช่นนั้นเอง

 เขามองดูยัยเสือน้อยที่กินเหล่าผอปิ่ง พลันนึกถึงตำนานในอดีตขึ้นมาได้ ยังดีที่ยัยเสือน้อยไม่รู้ว่าการที่ผู้ชายมอบเหล่าผอปิ่งให้ผู้หญิงสื่อความนัยว่าอะไร ไม่อย่างนั้นเธออาจแสดงอิทธิฤทธิ์ประหลาดได้ แม้ว่าเขาคิดจะเลี้ยงเธอ แต่คุณชายฉินที่หยิ่งผยองไม่ชินกับการที่ถูกใครจุ๊บแก้ม เพราะเขาแค่อยากเลี้ยง ไม่ได้อยากแต่งงานด้วย

ทางด้านป๋อจิ่วไม่รู้ว่าเจ้าหญิงน้อยคิดอะไร ทว่าเหล่าผอปิ่งอร่อยมากเลย แถมเจ้าหญิงน้อยยังเอาชามาป้อนเธอด้วย ทำให้เธอเผลอกินไปตั้งหกชิ้นรวด รอจนเธอขอจะกินอีก ฉินมั่วก็หน้านิ่วพลางดันถาดไปไว้อีกด้าน ยัยโง่ไม่รู้เอาเสียเลยว่าการกินขนมหวานมากๆ ไม่ดีต่อฟัน

    ฉินมั่วเข้าใจความรู้สึกรำคาญเวลาเลี้ยงเด็กแล้ว ยัยเสือน้อยไม่มีอะไรให้กินก็ตบๆ เสื้อตัวเองพลางลุกขึ้นยืน วันนี้เธอไม่ได้สวมชุดนอน แต่เป็นเสื้อสเวตเตอร์ตัวขาว และสวมเสื้อขนเป็ดสีดำที่ฉินมั่วให้เธอเมื่อวานทับไว้ ซึ่งก็รับกันกับชุดที่ฉินมั่วสวมใส่ ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ

พอจะออกจากบ้าน เขากลัวว่ายัยเสือน้อยจะหนาว จึงเอาผ้าพันคอที่พันรอบคอตัวเองออกมาคิดจะพันให้เธอ และความอึดอัดก็เข้ามาเยือน เพราะเขาเตี้ยกว่าเธอ ถึงจะไม่ต้องเขย่งเท้าก็เถอะ แต่ทำให้ฉินมั่วเลิกคิ้วได้อยู่ดี เขาเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า “ต่อไปอย่ากินนมตอนเช้านะ”

ดวงตากลมโตของป๋อจิ่วดูสว่างสดใสมากขึ้นเมื่อสวมผ้าพันคอ ทั้งยังน่าเอ็นดูอีก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหญิงน้อยถึงไม่ยอมให้เธอกินนมอีก

ฉินมั่วเห็นความสงสัยจากสีหน้าอีกฝ่ายจึงพูดเป็นปกติ “นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันจะให้คุณพ่อบ้านทำโจ๊กให้เธอ แล้วก็เสี่ยวหลงเปาด้วย เธอชอบกินไม่ใช่เหรอ?”

หากเทียบกับนมแล้ว เสี่ยวหลงเปาย่อมน่าสนใจมากกว่า!

ป๋อจิ่วคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหญิงน้อยจะเอาใจใส่เธอขนาดนี้ จึงยื่นมือโอบเอวเขา “มั่วมั่ว เธอดีกับฉันจริงๆ”

ฉินมั่วร้อนไปทั้งหน้า ไม่รู้ว่าเพราะมีเจตนาร้ายที่จะส่งอาหารเช้าให้เธอหรือว่าถูกเจ้าหล่อนกอด เด็กสองคนกอดกันแบบนี้ค่อนข้างตรึงตาตรึงใจ

 ……………………………………..

[1] เหล่าผอปิ่ง เป็นขนมชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมในประเทศจีน คำว่าเหล่าผอแปลว่าภรรยา มีตำนานเล่าถึงที่มาของขนมชนิดนี้มากมาย บ้างก็ว่าในอดีต ผู้หญิงคนหนึ่งทำขนมชนิดนี้ให้สามีเอาไปขายและขายดีมาก จึงได้ชื่อนี้มา บ้างก็ว่าในอดีตมีผู้หญิงคนหนึ่งยอมขายตัวเองเป็นทาสเพื่อเอาเงินไปรักษาสามี ต่อมาสามีพยายามคิดค้นขนมชนิดนี้ แล้วเอาไปขายเพื่อหาเงินไปไถ่ภรรยากลับมา